เที่ยวเกียวโต วัดเงิน วัดทอง วัดน้ำใส อะราชิยามา ดูใบไม้เปลี่ยนสี

จากตอนที่แล้ว –> เที่ยวเมืองนารา Nara วันนี้เรามา เที่ยวเกียวโต กันบ้าง มาดูใบไม้แดง ใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ชมวัดและศาลเจ้าเก่า การเดินจากโอซาก้ามาเกียวโตนั้นง่าย และสะดวกมาก ถ้ามาด้วยรถไฟ Shinkansen ใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น หรือ ถ้ามาด้วยรถไฟธรรมดา JR Kyoto Line ก็ใช้เวลาเพียง 30 นาที ค่าโดยสาร 540 เยน

เนื่องจากว่าเรามี JR Pass อยู่แล้วเลยเลือกที่จะนั่งรถไฟ Shinkansen สะดวกและรวดเร็วกว่ารถไฟธรรมดา รถไฟ Shinkansen ไปเกียวโตต้องมาขึ้นที่สถานี Shin-Osaka

เกียวโต (Kyoto)

เกียวโตเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่น ใน ค.ศ. 794 – 1868 ด้วยระยะเวลาที่เป็นเมืองหลวงนับพันปี เกียวโตจึงมีวัฒนธรรม และ สิ่งก่อสร้างในสมัยก่อนมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วัด ศาลเจ้า ปราสาท ซึ่งรวมๆ กันแล้วมากกว่า 1,000 แห่ง ด้วยความโชคดีของเมืองเกียวโตที่ไม่ถูกทำลายลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้สิ่งก่อสร้างเหล่านั้นยังอยู่จนถึงทุกวันนี้

นอกจากวัด ศาลเจ้า ปราสาทเก่าแก่ ในเกียวโต เมืองนี้ยังมีใบไม้เปลี่ยนสีที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุดในญี่ปุ่น ใบไม้แดงในเกียวโตจะมีสีแดงเข้ม สด ไล่โทนไปตั้งแต่เขียว เหลือง ส้ม แดง สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ขึ้นชื่อของเกียวโตจะอยู่ตามวัดต่างๆ เช่น วัดโทฟุคุจิ, วัดคิโยมิซุ, วัดเงินกินคะคุจิ, วัดทองคินคะคุจิ, วัดเท็นเรียวจิ และ Arashiyama สะพานโทเง็ตสึเคียว

การไปเที่ยวในเกียวโต ควรมีเวลาอย่างน้อย 2 วัน เพราะเกียวโตมีที่เที่ยวมากมาย และ การเดินทางในเกียวโตต้องเดินทางด้วยรถเมล์เป็นหลักจึงไม่สามารถทำเวลาได้มาก ใน 1 วันสามารถเที่ยวได้มากสุดประมาณ 4-5 ที่ การวางแผนการเดินทางในเกียวโตเป็นเรื่องที่สำคัญมากควรไปในทางเดียวกัน ไม่ย้อนไป ย้อนมา จะทำให้เสียเวลา

เกียวโตวันที่ 1

ในรีวิวนี้เราจะไปเที่ยวเกียวโต 2 วันเต็มๆ เที่ยววัด ศาลเจ้า อะราชิยามา สถานที่ที่จะไปก็มี วัดโทฟุคุจิ, วัดคิโยมิซุ, วัดเงินกินคะคุจิ, วัดทองคินคะคุจิ, วัดเท็นเรียวจิ, Arashiyama ป่าไผ่ สะพานโทเง็ตสึเคียว และ ปราสาทนิโจ โดยจะเป็นการเดินทางแบบไปเช้า – เย็นกลับจากโอซาก้า

เริ่มต้นที่สถานี Shin-Osaka เป็นสถานีใหญ่มีร้านขายของหลายร้าน เช้าๆ แบบนี้ข้าวกล่อง Bento จะขายดี คนญี่ปุ่นจะซื้อไปทานบน Shinkansen ระหว่างเดินทาง

ทางเข้าสถานีรถไฟ Shinkansen กับรถไฟธรรมดาจะแยกกัน

สำหรับคนที่มี JR Pass ต้องเข้าช่องริมสุด ตรงที่มีนายสถานียืนอยู่ แสดงบัตร JR Pass ด้านที่มีวันที่ให้นายสถานีดู จากนั้นก็สามารถเดินผ่านเข้าไปได้เลย

รถไฟ Shinkansen สถานี Shin-Osaka

พนักงานรถไฟจะแต่งตัวด้วยชุดสีน้ำเงิน ใส่สูท ผูกไทค์ มีถุงมือ สวมหมวก ที่ญี่ปุ่นไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไร เครื่องแบบจะดูดีทุกอาชีพ ทุกอาชีพเป็นอาชีพที่มีเกียรติ

ขบวนรถไฟที่ไปเกียวโตเป็นขบวน Shinkansen Hikari 508 ออกเวลา 7.13 น. ถ้าเราขึ้นที่สถานีต้นทาง รถไฟจะมามาถึงก่อนเวลา 10-15 นาที เมื่อประตูรถไฟเปิดสามารถเข้าไปนั่งด้านในได้เลย

บนขบวนรถไฟ Shinkansen จะมีพนักงานขายของกิน เครื่องดื่ม

รถไฟมาถึงสถานีเกียวโตตอน 7.28 น. สถานีเกียวโตเป็นสถานีใหญ่ เชื่อมต่อกับรถไฟท้องถิ่นและรถเมล์หลายสายในเมืองเกียวโต

การเดินทางในเกียวโต

ในเกียวโตมีรถไฟ JR, Subway และรถไฟท้องถิ่นไปยังสถานที่ท่องเที่ยว และ ย่านพักอาศัย แต่ไม่ครอบคลุมทั้งเมือง การเที่ยวในเกียวโต ชมวัด และศาลเจ้าต่างๆ นั่งรถเมล์จะสะดวกกว่า เพราะมีรถเมล์หลายสาย ครอบคลุมไปได้ทุกที่

ค่ารถเมล์ในเกียวโตเที่ยวละ 220 เยน สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวหลายที่การจ่ายค่ารถเมล์เป็นครั้งจะเสียค่าเดินทางเยอะมาก แต่ก็มีอีกทางเลือกที่จะประหยัดค่าเดินทางได้ ด้วยการซื้อบัตรโดยสาร Kyoto City Bus One day pass ราคา 500 เยน ซึ่งสามารถขึ้นรถเมล์ในเกียวโตได้อย่างไม่จำกัดจำนวนครั้งใน 1 วัน

ที่ขายบัตร Kyoto City Bus One day pass จะอยู่ที่ Bus ticket center หน้าสถานี JR Kyoto ให้เดินตามป้าย “Bus” ในสถานีก็จะเจอทางออกหน้าสถานี

หน้าสถานี JR Kyoto

อาคาร Bus ticket center ในรูปด้านบน เป็นที่ขาย Kyoto City Bus One day pass

บัตรราคา 500 เยน พร้อมแผนที่เส้นทางรถเมล์ในเกียวโต

เนื่องจากว่าเรามีทั้ง JR Pass และบัตรรถเมล์ One day pass เราจึงเดินทางทั้งรถไฟและรถเมล์ ซึ่งจะสะดวกกว่าการเดินทางด้วยรถเมล์เพียงอย่างเดียว

สถานที่แรกที่เราจะไปนั้นเป็นศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine) เป็นหนึ่งในศาลเจ้ายอดนิยมของเกียวโต ที่ตั้งของศาลเจ้าจะอยู่ตรงสถานี JR Inari ห่างจากสถานี JR Kyoto เพียง 2 สถานี การเดินทางด้วยรถไฟจะสะดวกกว่ารถเมล์

รถไฟ JR Nara line ไปยังศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ

ที่สถานีรถไฟในญี่ปุ่นใกล้กับทางออก จะมีเครื่อง Fare Adjustment เครื่องนี้มีไว้เติมเงินในกรณีที่มูลค่าของตั๋วรถไฟไม่พอที่จะออกจากสถานี

ออกจากสถานี JR Inari มองไปที่ฝั่งตรงข้ามก็จะเจอกับศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ

ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine) หรือที่บางคนเรียกกันว่าศาลเจ้าเสาแดง สุนัขจิ้งจอก ศาลเจ้านี้เป็นศาลเจ้าของศาสนาชินโต สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 794 การจะเข้าไปถึงตัวศาลเจ้าด้านในต้องผ่านเสาโทริอิสีแดงนับพันต้น ที่ด้านหน้าจะศาลเจ้าจะมีรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกซึ่งถือว่าเป็นผู้ส่งสารของเทพเจ้า

นักท่องเที่ยวที่มาศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ นอกจากต้องการมาชมศาลเจ้าแล้ว ยังสามารถเดินขึ้นเขาในพื้นที่ของศาลเจ้าเพื่อไปยังยอดเขาอินาริด้านบน ซึ่งจะมองเห็นวิวเกียวโตได้ชัดเจน

ทางเดินไปยังศาลเจ้า มีต้นเมเปิ้ล ใบไม้แดงอยู่สองข้างทางเข้า

การเข้าชมในศาลเจ้า ไม่เสียค่าเข้าครับ ซึ่งส่วนมากวัด และ ศาลเจ้าในเกียวโตเกือบทั้งหมดจะต้องเสียค่าเข้า

ตามธรรมเนียมของศาลเจ้า และ วัดในญี่ปุ่น จะต้องมีการล้างมือ บ้วนปากให้สะอาดก่อนเข้าไปด้านใน

ขั้นตอนการบ้วนปาก ล้างมือ

รูปปั้นสุนัขจิ้งจอกซึ่งถือว่าเป็นผู้ส่งสารของเทพเจ้า

ถึงแม้ว่าศาลเจ้าแห่งนี้จะมีอายุนับพันปีมาแล้ว แต่ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เพราะมีการดูแล บำรุงอยู่ตลอดเวลา

ทางเดินไปยังเสาโทริอิด้านใน

แผนที่ เส้นทางเดินตั้งแต่หน้าศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ ไปจนถึงยอดเขาอินาริ โดยจะใช้เวลาขึ้น – ลงประมาณ 2-3 ชั่วโมง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเดินถึงแค่เสาโทริอิช่วงต้นเท่านั้น

เสาโทริอิช่วงต้นจะเป็นเสาขนาดใหญ่ ทำจากเหล็ก

ส่วนเสาโทริอิด้านในเป็นเสาไม้ โดยใช้ไม้จากต้นไม้ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์อินาริ

แผ่นป้ายขอพรในศาลเจ้า เราสามารถซื้อมาแล้วเขียนขอพรในแผ่นไม้นี้ แล้วติดในศาลเจ้า แผ่นไม้จะเป็นรูปสามเหลี่ยมคล้ายหน้าของสุนัขจิ้งจอก

เราใช้เวลาในศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นก็นั่งรถไฟต่อไปยังสถานี JR Tofukuji เพื่อไปยังวัดโทฟุคุจิ

เมื่อถึงสถานี JR Tofukuji เดินออกจากสถานีรถไฟไปยังทางเข้าวัดโทฟุคุจิ มีคนญี่ปุ่นมาเที่ยวกันเยอะมาก ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนี้ไม่ใช่มีแต่ชาวต่างชาติที่ตื่นเต้นใบไม้เปลี่ยนสี แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็ออกเดินทางมาเที่ยวตามวัด และศาลเจ้าต่างๆ ในเกียวโตเป็นจำนวนมาก ในวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ถนนทุกสาย วัดดังๆ ทุกวัดในเกียวโตจะแน่นไปด้วยผู้คน

ตลอดสองข้างทางเข้าวัดวัดโทฟุคุจิมีใบไม้แดงให้ได้ชมกัน

วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji Temple) เป็นวัดในนิกายเซน วัดนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามแห่งหนึ่งในเกียวโต วัดแห่งนี้ได้สร้างขึ้นใน ค.ศ.1236 การเข้าชมในบริเวณรอบๆ วัดด้านนอกไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ถ้าต้องการไปชมใบไม้แดงที่สะพานซึเทนเคียว (Tsutenkyo Bridge) และ สวนหินโฮโจ (Hojo Garden) จะเสียค่าใช้จ่าย 400 เยน

สะพานซึเทนเคียวจะเป็นสะพานข้ามหุบเขาเมเปิ้ลไปด้านล่าง เมื่อลงไปด้านล่างจะมีสวนหินโฮโจ (Hojo Garden) ซึ่งเป็นสวนหินของนิกายเซน

ทางเดินเข้าชมในวัดโทฟุคุจิ

วัดแห่งนี้สร้างขึ้นจากไม้ สถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น ดูจากสภาพแล้วเก่าแก่อยู่พอสมควร

วัดโทฟุคุจิ

ดงเมเปิ้ลสีแดง สะพานซึเทนเคียว มุมมหาชนวัดโทฟุคุจิ

ใบไม้เปลี่ยนสี วัดโทฟุคุจิ ในภูมิภาคคันไซ โอซาก้า นารา เกียวโต โกเบ ที่เกียวโตใบไม้เปลี่ยนสีสวยที่สุดแล้วครับ แดงเป็นแดง สีสดมากๆ

ชมวัดโทฟุคุจิ เสร็จเรานั่งรถไฟกลับไปตั้งต้นใหม่ที่ JR Kyoto เพื่อที่จะไปวัดคิโยมิซุ ในช่วงสายมีนักท่องเที่ยวรอขึ้นรถเมล์เยอะกว่าตอนเช้ามากๆ เยอะจนน่าตกใจเลย ได้เห็นการรอขึ้นรถเมล์ที่เป็นระเบียบของคนญี่ปุ่น การขึ้นรถเมล์ในเกียวโตสามารถดูเส้นทางได้จากแผนที่ที่ได้รับตอนซื้อตั๋ว One day pass และดูเส้นทางได้ที่ป้ายรถเมล์ หรือ จะสอบถามกับพนักงานที่ประจำอยู่ตามป้ายรถเมล์ก็ได้

วัดคิโยมิซุ จะต้องลงที่ป้าย Kiyomizu-michi ป้ายนี้มีคนลงเกือบทั้งคัน การไปเที่ยวเกียวโตในช่วงเทศกาลใบไม้เปลี่ยนสี ไม่ต้องรู้อะไรมากก็ไปถูก อาศัยเดินตามเค้าไป เดี๋ยวก็ถึง

ทางเข้า Kiyomizu Temple

วัดคิโยมิซุ (Kiyomizu Temple) เป็นชื่อในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า “น้ำบริสุทธิ์” คนไทยมักจะเรียกวัดนี้ว่า “วัดน้ำใส” วัดนี้เป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากในเกียวโต และได้เป็นหนึ่งในมรดกโลกด้วย สิ่งก่อสร้างที่สำคัญของวัดนี้อยู่ที่ศาลาไม้ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา และรองรับด้วยเสาไม้ขนาดใหญ่จำนวนร้อยกว่าต้น เมื่อมองจากศาลาไม้ลงไปที่ด้านล่างจะเห็นต้นเมเปิ้ลเปลี่ยนสีเป็นสีแดงในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี และเห็นซากุระในช่วงซากุระบาน

วัดคิโยมิซุ เป็นวัดพุทธนิกายหนึ่ง วัดแห่งนี้เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 798 แต่ศาลาไม้ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาที่เห็นอยู่ในปัจจุบันสร้างขึ้นทีหลังในปี ค.ศ. 1633 ส่วนสาเหตที่คนไทยเรียกวัดนี้ว่าวัดน้ำใส เนื่องจากว่าวัดนี้มีน้ำที่ใสบริสุทธิ์อยู่ 3 สายไหลลงมาจากน้ำตกโอตาวะ ให้นักท่องเที่ยวได้ตักดื่ม หรือ ล้างหน้า

การเข้าชมรอบๆ วัดไม่เสียค่าเข้าชม หากต้องการไปที่ศาลาไม้ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาและบริเวณที่น้ำ 3 สาย ไหลลงมา ต้องเสียค่าเข้าชม 300 เยน

ใบไม้เปลี่ยนสีรอบๆ วัดคิโยมิซุ

มุมนี้ถือว่าเป็นมุมมหาชนของนักท่องเที่ยวที่มาที่วัดคิโยมิซุ มองเห็นศาลาวัดและใบไม้แดงที่อยู่ด้านล่าง แต่ถ้ามาในช่วงปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน ก็จะเห็นซากุระบานสะพรั่ง สวยกันไปคนละแบบ

ปัจจุบันศาลาข้างๆ (11 พ.ย. 56) อยู่ในช่วงปรับปรุง ซ่อมแซม ซึ่งการซ่อมแซมนี้คาดว่าใช้เวลาเป็นปีถึงจะเสร็จสมบูรณ์ แต่การซ่อมแซมก็ไม่ได้ทำให้นักท่องเที่ยวลดลง เพราะยังสามารถชมในส่วนอื่นๆ ได้

มองจากศาลาลงไปที่ด้านล่าง จะเห็นชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยว ตักกระบวยรองน้ำสามสายที่ไหลลงมา เพื่อดื่ม และ ตักล้างหน้า

ทางลงไปยังด้านล่าง

น้ำสามสาย ที่คนญี่ปุ่นตักดื่ม มีความเชื่อว่าจะทำให้สมหวังทางด้านความรัก ประสบความสำเร็จทางด้านการศึกษา และมีสุขภาพแข็งแรง ขั้นตอนการดื่มน้ำจะใช้กระบวยรองน้ำ เทน้ำใส่ฝ่ามือ แล้วดื่มน้ำจากมือ

เราใช้เวลาที่วัดน้ำใสไปเกือบชั่วโมง วัดนี้สวย คุ้มค่ากับการมาชม ยิ่งมาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีสวยจริงๆ ครับ ใบไม้เขียว เหลือง ส้ม แดง มองดูแล้วสดใสดีจริงๆ

จากวัดน้ำใส ก็นั่งรถเมล์ต่อไปยังวัดเงิน กินคะคุจิ (Ginkakuji Temple) หมายเลขรถเมล์ขอไม่เขียนบอกไว้นะครับ เพราะมันไปได้หลายสาย บางครั้งรถเมล์ที่รอคนเต็มก็ต้องเปลี่ยนแผน นั่งรถ 2 ต่อเอา การเที่ยวในเกียวโตช่วงพีค ควรวางแผนแบบยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง และสถานที่ท่องเที่ยว

วัดเงิน กินคะคุจิ จะต้องลงที่ป้าย Ginkakuji-michi คนลงค่อนข้างเยอะ

ทางเดินไปวัดเงิน กินคะคุจิ หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า ทางเดินแห่งปรัชญา หรือ เส้นทางสายนักปราชญ์ (Path of Philosophy) ชื่อนี้มีที่มาจากนักปราชญ์ชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า Nishida Kitaro ได้เดินจงกลมในเส้นทางนี้ เป็นเส้นทางที่มีต้นซากุระตลอดข้างทาง ถือว่าเป็นจุดชมซากุระที่สวยงามแห่งหนึ่งในเกียวโต เมืองเกียวโตเป็นเมืองที่สามารถดูได้ทั้งใบไม้เปลี่ยนสีและดอกซากุระ ตอนนี้ต้นซากุระใบเริ่มเปลี่ยนสีและกำลังจะโรยแล้ว คาดว่าในต้นเดือนเมษายนคงจะบานสวยงาม

คลองเล็กๆ ทางเดินแห่งปรัชญา น้ำใสสะอาดมาก

ก่อนจะเข้าไปในวัดเงิน กินคะคุจิ ดูแผนที่กันก่อนว่าข้างในมีอะไรน่าสนใจบ้าง

ดูจากปริมาณคนที่ต่อแถวเข้าไปในวัดก็พอจะรู้ว่าข้างในมีคนเยอะขนาดไหน ถ้าจะมาเที่ยวเกียวโตช่วงพีค ควรหลีกเลี่ยงการมาในวันเสาร์ – อาทิตย์ วันหยุด การเข้าชมวัดเงินต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 500 เยน แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับความสวยงามของวัด

กินคะคุจิ (Ginkakuji Temple) หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่าวัดเงิน เป็นวัดนิกายเซน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1482 โดยโชกุน Ashikaga Yoshimasa โดยตอนแรกเป็นเพียงที่พักอาศัยของโชกุน แต่หลังจากโชกุนได้เสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1490 ได้เปลี่ยนเป็นวัดกินคะคุจิ วัดแห่งนี้ถือว่าเป็นมรดกของเกียวโต รอดจากเหตุการณ์ไฟไหม้ แผ่นดินไหว จนมาถึงทุกวันนี้

หลายคนอาจจะสงสัยที่มาของชื่อ “วัดเงิน” แต่ไม่มีวัตถุสีเงินคลุมวัดอยู่เลย ที่มาของชื่อ “วัดเงิน” มีอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกบอกว่าโชกุนตั้งใจจะหุ้มวัดนี้ด้วยเงินให้เหมือนกับวัดทองคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple) แต่โชกุนมาเสียชีวิตเสียก่อน ส่วนที่มาอีกอย่างบอกว่าในตอนกลางคืนมีแสงจากพระจันทร์ตกกระทบตัววัดทำให้มองดูคล้ายเงิน

ศาลาของวัดเงินล้อมรอบไปด้วยน้ำ สวนแบบญี่ปุ่น มีใบไม้เปลี่ยนสีรอบๆ ศาลา

การชมวัดเงินจะเดินได้ในเส้นทางที่ทางวัดทำไว้เท่านั้น เพื่อความเป็นระเบียบ และไม่ทำลายทัศนียภาพ ถึงคนจะเยอะมากแค่ไหนก็ยังถ่ายรูปออกมาสวย ไม่บังกัน

ภาพที่เห็นในรูปนี้ต้องเบียดกับฝูงชน รีบถ่ายรูป รีบเดิน คนเยอะมากจริงๆ

สวนหินในวัดเงิน กินคะคุจิ พบได้ตามวัดนิกายเซน

มุมนี้สวนญี่ปุ่นและใบไม้เปลี่ยนสีสวยมาก ภาพถ่ายไม่อาจถ่ายทอดความสวยงามมาได้ครบ ต้องไปชมด้วยตาตัวเอง

บริเวณใต้ต้นไม้มีมอสขึ้นปกคลุมสีเขียวเต็มไปหมด แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ ชุ่มชื้น

ที่ญี่ปุ่นก็มีความเชื่อเรื่องการโยนเหรียญลงไปในสระน้ำ

นอกจากทางเดินรอบศาลาแล้วยังมีทางเดินขึ้นไปยังเนินเขาด้านบน ระหว่างทางมีใบไม้เปลี่ยนสีให้ได้ชมกันเพลินๆ ตลอดเส้นทาง

ที่ด้านบนเป็นจุดชมวิว มองเห็นอาคารบ้านเรือนในเกียวโต พร้อมฉากหลังภูเขา

ถ้าหันหลังกลับไปอีกด้านก็จะเป็นสวนหินในวัดเงิน

เราออกจากวัดเงินด้วยความเต็มอิ่มกับความสวยงามของวัด ศาลเจ้า และใบไม้เปลี่ยนสีในเกียวโต มองดูนาฬิกา 15.30 น. แล้ว อีกซักพักก็จะมืดแล้ว ในช่วงหน้าหนาวพระอาทิตย์จะตกดินตอน 4-5 โมงเย็น มืดเร็ว วันนี้เที่ยวได้ทั้งหมด 4 ที่ วันพรุ่งนี้เราจะไปเก็บที่เหลือในเกียวโตต่อ

ช่วงเวลาเย็นรถเมล์ที่จะไปสถานี JR Kyoto คนแน่นมากๆ ที่ญี่ปุ่น ถ้ารถเมล์คนเต็มแล้วเค้าจะไม่ให้ขึ้นเด็ดขาด แน่นของเค้านี่คือยืนกันแบบหลวมๆ เรารอรถเมล์อยู่นานสองนาน เห็นว่ารอแบบนี้คงอีกนานถึงจะได้ขึ้น เลยเปลี่ยนแผนไปสถานี JR Emmachi แทน แล้วค่อยต่อรถไฟไปสถานี JR Kyoto

สถานี JR Emmachi เกียวโต

Shinkansen กลับโอซาก้า

คืนนี้เรากลับไปนอนเอาแรงแต่หัวค่ำ เพื่อที่จะได้มีแรงไปเที่ยวได้แต่เช้า เที่ยวในญี่ปุ่นนี่เดินเยอะมาก

เกียวโตวันที่ 2

ตัดมาที่เช้าวันรุ่งขึ้นเรานั่ง Shinkansen Hikari 508 ไปเริ่มต้นที่สถานี Kyoto เหมือนเดิม และซื้อ Kyoto City Bus One day pass 500 เยนไว้ใช้เดินทางในเกียวโต

โปรแกรมวันนี้เราจะไปเที่ยวอะราชิยามา (Arashiyama) ศาลเจ้าโนโนมิยะ, สะพานโทเง็ตสึเคียว, วัดเท็นเรียวจิ, ป่าไผ่, วัดทอง คินคะคุจิ และ ปราสาทนิโจ ซึ่งจะเป็นที่เที่ยวในฝั่งตะวันตกของเกียวโตทั้งหมด

การเดินทางไปอะราชิยามาสามารถนั่งรถไฟ JR Sagano line จากสถานี JR Kyoto ไปลงที่สถานี Saga Arashiyama ได้เลย ส่วนบัตร Kyoto City Bus One day pass ไม่ครอบคลุมถึงพื้นที่อะราชิยามา แต่ก็เกือบๆ ถึง ถ้ามีบัตรโดยสารชนิดนี้ก็เสียเงินเพิ่มอีกนิดเดียว

ออกจากสถานี Saga Arashiyama ก็จะเจอกับสถานี Torokko Saga ซึ่งเป็นรถไฟท้องถิ่นของเกียวโต รถไฟที่จอดอยู่ที่สถานีนั้นเป็นรถไฟสายโรแมนติค Sagano Romantic train วิ่งเลียบแม่น้ำโฮซู (Hozu) มีใบไม้เปลี่ยนสีให้ชม และในช่วงซากุระบานก็มีซากุระให้ชม

รถไฟสายโรแมนติค Sagano Romantic train

รถไฟ Sagano Romantic train เป็นรถไฟเก่าสำหรับนั่งชมวิว หน้าต่างเปิดโล่ง จะวิ่งชั่วโมงละขบวนเท่านั้น โดยจะวิ่งในเวลา 9:07 – 16:07 น. ค่าโดยสาร 600 เยน ใช้เวลาประมาณ 25 นาที ระยะทาง 7 กิโลเมตร ไปสุดสายที่ Torokko Kameoka Station ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับสถานี JR Umahori เราสามารถนั่งรถไฟสายโรแมนติค Sagano Romantic train ไปจนสุดสายแล้วกลับด้วยรถไฟ JR ก็ได้

ตอนแรกก็มีความตั้งใจว่าจะนั่งรถไฟ Sagano Romantic train แต่พอออกมาเจอแถวรอซื้อตั๋วที่ยาวล้นมานอกสถานีเลยจำเป็นต้องตัดใจ เราไม่มีเวลามากพอ

ไหนๆ ก็ไม่ได้นั่งรถไฟ Sagano Romantic train ก็ขอเข้ามาถ่ายรูปรถไฟโบราณในสถานี Torokko Saga ก็ยังดี

หัวรถไฟนี้เป็นเครื่องจักรแบบไอน้ำ คิดว่าน่าจะเป็นรุ่น JNR Class D51 สร้างในช่วงปี ค.ศ. 1936-1951

จากสถานี JR Saga Arashiyama เราสามารถเดินเที่ยวได้หลายที่ เช่น ศาลเจ้าโนโนมิยะ, สะพานโทเง็ตสึเคียว, วัดเท็นเรียวจิ, ป่าไผ่ พื้นที่ค่อนข้างกว้าง แต่ถ้าไม่อยากเดินก็มีทางเลือกอีกอย่างคือเช่าจักรยานปั่นไปยังที่ต่างๆ ค่าเช่าวันละ 1,000 เยน เช่า 2 วัน 1,600 เยน ถ้ามาเที่ยวในช่วงพีคไม่แนะนำให้เช่าจักรยานเพราะคนเยอะมากไม่สะดวก หาที่จอดลำบาก แต่ถ้ามาช่วงโลว์ก็สามารถปั่นจักรยานได้ครับ

สถานที่แรกที่เราจะไปเป็นป่าไผ่ (Bamboo Groove) ระหว่างทางเป็นบ้านเรือน คนญี่ปุ่น บ้านเค้าไม่มีประตูหน้าบ้าน แสดงว่าไม่มีขโมย หรือถ้ามีก็น้อยมาก

ในช่วงเช้ารถยังไม่เยอะมาก พอสายหน่อยถนนเส้นนี้ก็รถติด

ป่าไผ่ (Bamboo Groove) เป็นต้นไผ่ขนาดใหญ่ ลำต้นสีเขียวตั้งตรง ป่าไผ่บริเวณนี้มีอายุนับพันปี ความหนาแน่นของต้นไผ่ทำให้แดดส่งลงมาไม่ถึงทางเดินด้านล่าง

ทางเดินตรงป่าไผ่สามารถปั่นจักรยานเข้ามาได้ หรือถ้าใครอยากจะลองนั่งรถลากก็เป็นประสบการณ์ที่น่าลอง แต่ก็ต้องแลกกับค่าโดยสารที่แพง โดยเริ่มต้นที่ 10 นาที 2,000 เยน / คน และ 3,000 เยน / 2 คน

จากป่าไผ่ผ่านสุสาน สุสานที่นี่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมไม่มีดอกไม้ประดับเหมือนของฝรั่ง

เดินมาจนถึงศาลเจ้าโนโนมิยะ มีใบไม้เปลี่ยนสีด้านหน้าคอยดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปด้านใน

ศาลเจ้าโนโนมิยะ (Nonomiya Shrine) ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าแบบชินโต ขนาดไม่ใหญ่ สามารถเข้าชมได้ฟรี

เมื่อเข้าไปด้านในศาลเจ้าก็ต้องบ้วนปาก ล้างมือตามธรรมเนียม

ภายในศาลเจ้าร่มรื่นด้วยต้นไม้ ใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่สวยมาก มีสีส้มสด

ป้ายเขียนขอพรในศาลเจ้า

จากศาลเจ้าโนโนมิยะ เดินไปไม่ถึง 10 นาทีก็จะถึงวัดเทนเรียวจิ (Tenryuji Temple) เป็นวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องใบไม้เปลี่ยนสีแห่งหนึ่งในเกียวโต

วัดเทนเรียวจิ (Tenryuji Temple) เป็นวัดนิกายเซน วัดนี้ถือเป็นวัดที่สำคัญในเกียวโต และยังเป็นมรดกโลกอีกด้วย วัดนี้สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1339 โดยโชกุนอาชิคากะ (Ashikaga Takauji) ที่มาของการสร้างก็เพื่ออุทิศให้กับจักรพรรดิโกไดโงะ (Go-Daigo)

ตัวอาคารวัดเทนเรียวจิ เคยถูกไฟไหม้และเสียหายในช่วงสงคราม และได้กลับมาซ่อมแซมในสมัยเมจิ ค.ศ. 1868-1912 ส่วนสวนญี่ปุ่นที่อยู่ในวัดกลับไม่เคยได้รับความเสียหาย สวนที่เห็นในปัจจุบันเป็นสวนที่มีมาแต่ดั้งเดิม ผู้ออกแบบสวนวัดเทนเรียวจิเป็นนักจัดสวนที่มีชื่อเสียง นามว่ามุโซ (Muso Soseki)

การเข้าชมวัดเทนเรียวจิ สามารถชมได้เพียงบริเวณสวนและรอบๆ ตัววัดเท่านั้น โดยมีค่าเข้าชมคนละ 500 เยน

วัดเทนเรียวจิช่วงใบไม้เปลี่ยนสีในเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงที่สวยที่สุด ต้นเมเปิ้ลสลับสีแดง ส้ม เหลือง ตัดกับต้นไม้อื่นที่ใบเป็นสีเขียว

ภายในวัดมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ถึงแม้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาชมเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้แน่น

ใบไม้เปลี่ยนสีวัดเทนเรียวจิ

ใบเมเปิ้ล

บ่อน้ำเจ้าแม่กวนอิม

ตัววัดเทนเรียวจิจะประกอบไปด้วยอาคารหลายหลัง

สวนในวัดเทนเรียวจิสร้างกึ่งธรรมชาติ มีต้นไม้ใหญ่ สระน้ำ ก้อนหิน

ใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่สวยจริงๆ มีมุมให้ถ่ายรูปมากมาย

สระน้ำใหญ่ในรูปด้านล่างเป็นมุมไฮไลต์ของวัดเทนเรียวจิ

สวนแบบญี่ปุ่น ออกแบบโดยมุโซ (Muso Soseki) นักออกแบบสวนชื่อดัง มีต้นไม้ใหญ่ หิน พุ่มไม่เล็กๆ

ในสระมีปลาคาร์ฟตัวใหญ่มาก

ฉากหลักของสระน้ำเป็นภูเขา

ด้านหน้าสระเป็นอาคารวัดเทนเรียวจิสามารถมองจากด้านนอกเข้าไปได้ แต่ไม่เปิดให้เข้าชมภายใน

หลังวัดเป็นสวนหินแบบนิกายเซน

ทางเดินในวัดค่อนข้างกว้าง ร่มรื่น สามารถเดินถ่ายรูปได้เป็นชั่วโมงโดยไม่เบื่อ

ต้นเมเปิ้ลวัดเทนเรียวจิ

เราใช้เวลาอยู่ที่วัดเทนเรียวจิ 1 ชั่วโมงกว่า จากนั้นก็เดินต่อไปยังสะพานโทเง็ตสึเคียว

ระหว่างทางเจอคนญี่ปุ่นมุงถ่ายรูป 2 สาวในชุดกิโมโน เลยไปถ่ายรูปกับเค้าบ้าง ในประเทศญี่ปุ่นมีคนใส่ชุดกิโมโนตามที่ต่างๆ เป็นเรื่องปกติ อาจจะด้วยความเป็นชาตินิยม และชุดประจำชาติเค้าใส่แล้วสวยด้วย คนเลยนิยมใส่กัน

จากวัดเทนเรียวจิ เดินไปยังไปยังสะพานโทเง็ตสึเคียว อาราชิยามา ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

สะพานโทเง็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge) เป็นสะพานข้ามแม่น้ำที่สวยที่สุดในอาราชิยามา สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นในยุคเฮอัน (Heian Period) ค.ศ. 794-1185 และสร้างใหม่ครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1930 ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะเห็นภูเขาอะราชิยามาฉากหลังของสะพาน มีต้นไม้บนภูเขาสลับสีกันไประหว่างแดง เหลือง เขียว

ปัจจุบันสะพานโทเง็ตสึเคียวเป็นสะพานที่รถข้ามไปมาได้ และนักท่องเที่ยวก็สามารถเดินข้ามสะพานไปยังอีกฝั่งได้เช่นเดียวกัน

ถ้าสังเกตให้ดีแม่น้ำในประเทศญี่ปุ่นมักมีน้ำไม่ค่อยมาก อาจเป็นเพราะญี่ปุ่นมีภูมิประเทศเป็นเกาะไม่มีแม่น้ำใหญ่เหมือนบ้านเรา แต่ต้องยอมรับว่าแม่น้ำของเค้าสะอาดและเป็นธรรมชาติ จริงๆ มีโขดหินน้อยใหญ่ในแม่น้ำ

ต้นซากุระริมแม่น้ำ ใบร่วงไปทั้งต้นแล้ว เตรียมพร้อมสู่การออกดอก

กิจกรรมยอดนิยมที่แม่น้ำคงจะหนีไม่พ้นการพายเรือเล่น ชมวิวภูเขา และใบไม้เปลี่ยนสี ค่าเช่าเรืออยู่ที่ 1,400 เยน นั่งได้ไม่เกิน 3 คน

นั่งพัก ชมวิวสะพานโทเง็ตสึเคียวจนหายเหนื่อย จากนั้นก็เดินกลับสถานี JR Saga Arashiyama

จากสถานี JR Saga Arashiyama เรานั่งรถไฟไปลงสถานี JR Emmachi ต่อรถเมล์ไปลงที่ป้าย Kinkakuji-michi แล้วเดินเข้าวัดทอง คินคะคุจิ

ทางเดินเข้าวัดทองเป็นอุโมงค์ต้นไม้ ใบไม้เปลี่ยนสี บรรยากาศร่มรื่น ค่าเข้าชมในวัดทอง 400 เยน

วัดทอง คินคะคุจิ (Kinkakuji) วัดนี้น่าจะคุ้นหู คุ้นตาคนที่ชอบดูการ์ตูนเรื่องอิคคิวซัง เพราะปราสาทสีทองของโชกุนในเรื่องอิคคิวซัง ถอดแบบมาจากวัดทอง คินคะคุจิ

วัดทอง (Golden Pavilion) เป็นวัดนิกายเซน มีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่าโรคุองจิ (Rokuonji) ในตอนแรกนั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อาศัยของโชกุนอะชิคากะ (Ashikaga Yoshimitsu) และเปลี่ยนมาเป็นวัดนิกายเซนในภายหลัง หลังจากที่โชกุนได้เสียชีวิตลงแล้ว

วัดทอง คินคะคุจิ เสียหายจากไฟไหม้ในช่วงสงครามมาหลายครั้ง แต่ก็มีการสร้างใหม่ตลอด ไฟไหม้ครั้งล่าสุดในปี ค.ศ. 1950 จากฝีมือของพระที่คลั่งในความงามของวัดทอง จนต้องการเผาตัวเองไปพร้อมกับวัด ตัววัดที่เห็นในปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1955

การเข้าชมในวัดทอง ต้องเดินในทางเดินของทางวัด ถึงแม้ว่าจะมีคนมาชมวัดมากขนาดไหน ก็ไม่บดบังทัศนียภาพของศาลาวัด สามารถถ่ายรูปวัดทอง คินคะคุจิ ได้สวย

ที่มาของชื่อวัดทอง (Golden Pavilion) เป็นชื่อที่ตรงตัว เนื่องมาจากทาด้วยสีทอง สระน้ำที่อยู่หน้าวัดเป็นน้ำนิ่ง เมื่อสะท้อนกับแสงเปรียบเสมือนกระจก สามารถมองเห็นวัดทองได้ในเงาที่ผิวน้ำ

ชั้นล่างของวัดทอง เป็นที่อาศัยของโชกุน และชั้นสองเป็นที่อยู่ของซามูไร ชั้นสองจะไม่มีหน้าต่าง ทาด้วยสีทองที่ด้านนอก ด้านบนของหลังคาประดับด้วยรูปปั้นนกกระเรียน

อาคารอื่นๆ ในวัดทอง

บริเวณที่ทำบุญ

ตู้ขายเครื่องรางวัดทอง แบบหยอดเหรีญ

ใบไม้เปลี่ยนสีในวัดทอง

ชมวัดทองเสร็จตอนบ่ายสอง ยังมีเวลาเหลือพอที่จะเที่ยวได้อีก 1 ที่ เราเลือกที่จะไปเที่ยวปราสาทนิโจ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดทองเท่าไหร่นัก เป็นที่เที่ยวในโซนตะวันตกของเกียวโต

การเดินทางมาปราสาทนิโจ มาทางรถเมล์จะสะดวกที่สุด เดินไม่ไกล หรือจะมาทางรถไฟ Subway ก็สะดวกสถานี Nijojo-mae อยู่ห่างจากปราสาท 100 เมตร ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟ JR ต้องไปลงที่สถานี Nijo แล้วเดินอีก 1.1 กิโลเมตร

ค่าเข้าชมปราสาทนิโจ 600 เยน ราคาสูงกว่าวัดและศาลเจ้าอื่นๆ ในเกียวโต คงเป็นเพราะว่าต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการดูแลปราสาทให้อยู่ในสภาพดี

แผนที่ปราสาทนิโจ

ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) เป็นปราสาทที่อยู่ใจกลางเกียวโต สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1603 เป็นที่อยู่ของโชกุนโทคุกาวา (Tokugawa Ieyasu) ต่อมาในยุคล่มสลายของโชกุน ในปี ค.ศ. 1867 มีการยกเลิกระบบโชกุน แล้วเปลี่ยนเป็นระบบจักรพรรดิ (Meiji Reform) ปราสาทนิโจได้ถูกใช้แทนพระราชวังอิมพีเรียล และยกให้เป็นสมบัติของเมืองเกียวโตในเวลาต่อมา

ปราสาทนิโจ ในบริเวณฮอนมารุ เดิมทีเป็นปราสาท 5 ชั้น ได้ถูกไฟไหม้ในศตวรรตที่ 18 ตัวอาคารที่เห็นในปัจจุบันเป็นส่วนที่ย้ายมาจากวังคาซึระโนมิยะ (Katsura-no-miya Palace) ในปี ค.ศ. 1893 – 1894

การเข้าชมในปราสาทต้องถอดรองเท้าไว้ที่ด้านหน้า ด้านในห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาด

ทางเดินด้านในปราสาทเป็นพื้นไม้ ผ่านห้องรับรอง ห้องรับแขกของโชกุน มีรูปปั้นจำลองการเข้าเฝ้าโชกุน พื้นไม้ด้านในค่อนข้างเก่ามาก แต่มีการดูแลที่ดี

สิ่งก่อสร้างของปราสาทนิโจ ส่วนมากทำมาจากไม้เนื้อดี มีการแกะสลักลวดลายต่างๆ และปิดทับด้วยทอง

บริเวณรอบๆ ปราสาทเป็นสวนญี่ปุ่น สามารถเดินชมได้

ปราสาทนิโจ ด้านนอก

สวนญี่ปุ่น สระน้ำ

อาคารย่อย รอบปราสาทนิโจ

ใบไม้เปลี่ยนสีรอบปราสาท

ชมปราสาทนิโจเสร็จก็เกือบจะ 4 โมงเย็น พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว จากนั้นเราก็นั่งรถไฟกลับโอซาก้า ทริปเกียวโต 2 วันก็จบลงเพียงเท่านี้ครับ ในตอนหน้าเราจะนั่ง Shinkansen กลับโตเกียวและเที่ยวเมืองโอไดบะ เมืองใหม่ของโตเกียว สนใจติดตามอ่านต่อได้เลยครับ

อ่านตอนต่อไป –> เที่ยวโอไดบะ โตเกียว

Download pdf ข้อมูลการเดินทางด้วยรถเมล์ รถไฟ ในเกียวโต
Download การขึ้นรถเมล์ในเกียวโต Update 11/8/15
  • แผนที่จุดสำคัญในเกียวโตเช่น Arashiyama, Kinkakuji, Higashiyama, Ginkakuji, Okazaki
  • ขั้นตอนการขึ้นรถเมล์ในเกียวโต
  • สายรถเมล์ในแต่ละย่าน

หมายเหตุ. เอกสารนี้มีแจกตอนซื้อ Kyoto City Bus One day pass

Download แผนที่รถเมล์ในเกียวโต Update 11/8/15
  • แผนที่รถเมล์ในเกียวโต เส้นทางเดินรถ วัด ศาลเจ้า สถานที่สำคัญ สถานีรถไฟ
  • พื้นที่ของบัตรโดยสาร One day pass ในเกียวโต

หมายเหตุ. เอกสารนี้มีแจกตอนซื้อ Kyoto City Bus One day pass

Download แผนที่รถไฟ JR รถไฟท้องถิ่นในเกียวโต Update 19/7/14
  • แผนที่รถไฟ JR รถไฟท้องถิ่นในเกียวโต

หมายเหตุ. ควร save เก็บไว้ใน Smart phone เวลาเดินทาง

วันที่ 1: เดินทางกรุงเทพฯ – โตเกียว A380 การบินไทย นอนโตเกียว
วันที่ 3: เที่ยวนารา เมืองแห่งกวาง ดูใบไม้เปลี่ยนสี นอนโอซาก้า ไปเช้า-เย็นกลับ
วันที่ 4-5: เที่ยวเกียวโต ชมศาลเจ้า วัดเก่า ใบไม้เปลี่ยนสี
วันที่ 6: นั่ง Shinkansen กลับโตเกียว เที่ยวโอไดบะ โตเกียว
วันที่ 7: เที่ยว Kawaguchiko ดูภูเขาไฟฟูจิ ใบไม้เปลี่ยนสี ไปเช้า-เย็นกลับ
วันที่ 8: เที่ยว Nikko เมืองแห่งมรดกโลก สุสานโชกุน นอนโตเกียว ไปเช้า-เย็นกลับ
วันที่ 9: เที่ยว Mitake ตามรอยละคร “ข้างหลังภาพ” ดูใบไม้แดง
วันที่ 11: ชิบูย่า รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ ซื้อของฝากในสนามบิน บินกลับไทย
สรุปค่าใช้จ่ายเที่ยวญี่ปุ่น 11 วัน ค่าเครื่องบิน โรงแรม อาหาร ค่าเดินทาง ฯลฯ

Post Views 148496

admin

นักเขียนประจำ emagtravel.com

76 thoughts on “เที่ยวเกียวโต วัดเงิน วัดทอง วัดน้ำใส อะราชิยามา ดูใบไม้เปลี่ยนสี

  • April 27, 2014 at 10:33 am
    Permalink

    ขอบคุณรีวิวดีๆนะคะ
    กำลังจัดทริปอยู่พอดี
    ช่วยได้เยอะเลยค่ะ 🙂

  • April 27, 2014 at 10:35 am
    Permalink

    ตอบคุณ Pich_chaya

    ยินดีมากๆ ครับ เที่ยวให้สนุกนะครับ 🙂

  • June 24, 2014 at 12:43 pm
    Permalink

    กำลังวางแผนจะไปพอดี วางแผน 2 วันเหมือนกันเลย ขออนุญาตลอกการบ้านทั้งหมดเลยนะคะ สถานที่อยากไปหลายที่เลยค่ะ ขอบคุณนะคะ ^^

  • June 24, 2014 at 7:16 pm
    Permalink

    ตอบคุณ SIRI

    ลอกได้ตามสบายเลยครับ ติดขัดตรงไหนถามได้นะครับ 🙂

  • July 19, 2014 at 5:47 pm
    Permalink

    สอบถามวิธีขึ้นรถเมลล์ แล้วเวลาลงที่ป้าย จะรู้ได้อย่างไรคะ ว่าต้องลงป้ายไหนถึง
    ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine) เพราะกลัวขึ้นผิดลงผิดมากเลยคะ
    กรุณาช่วยบอกด้วยคะ ขอบคุณมาก

  • July 19, 2014 at 6:32 pm
    Permalink

    ตอบคุณ phung

    เราต้องทำการบ้านมาก่อนครับว่าสถานที่ที่เราจะไปชื่อว่าป้ายอะไร เวลารถเมล์วิ่งก็จะมีเสียงบอก + จอ บอกว่าป้ายต่อไปชื่ออะไร ถ้าไปช่วงเทศกาลนะครับยิ่งง่ายเลย ป้ายไหนคนลงเยอะๆ ป้ายนั้นแหล่ะครับ

    ไม่ยากครับ 🙂

  • July 27, 2014 at 3:58 pm
    Permalink

    สอบถามเรื่องการเดินทางจากวัดน้ำใสไป วัดทองได้ไหมค่ะ ไปไม่ถูกเรยค่ะเห็นว่าไกลกันมาก
    และจะเป็นไปได้ไหมถ้าออกจากวัดทองตอนบ่ายสองแล้วไปสะพานTogetsukyo Bridge แนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

  • July 27, 2014 at 7:41 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Kiyomi

    สอบถามเรื่องการเดินทางจากวัดน้ำใสไป วัดทองได้ไหมค่ะ ไปไม่ถูกเรยค่ะเห็นว่าไกลกันมาก
    – Download แผนที่รถเมล์ในเกียวโต ใน Link ด้านบนดูประกอบนะครับ ค่อนข้างไกลพอสมควรประมาณ 1 ชม. เป็นอย่างน้อยครับ

    Kiyomizu Temple -> Kinkaku-ji
    1. นั่งสาย 206 แล้วไปต่อ 102
    2. นั่งสาย 207 แล้วไปต่อ 59

    และจะเป็นไปได้ไหมถ้าออกจากวัดทองตอนบ่ายสองแล้วไปสะพานTogetsukyo Bridge
    – ถ้าจะไปชมสะพานเฉยๆ ก็ได้อยู่ครับแต่ถ้าจะเข้าวัด Tenryuji Temple ป่าไผ่ เวลาคงไม่พอครับ

    ไม่ทราบว่าเดินทางช่วงไหนครับ ถ้าเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีละก็ คนมหาศาลเลย แนะนำให้ไปวันธรรมดา พยายามวางแผนแบบหลวมๆ ครับ

  • August 5, 2014 at 8:44 pm
    Permalink

    ขอบคุณสำหรับรายการนะครับช่วยได้เยอะจริงๆ
    ขอสอบถามหน่อยได้ไหมครับว่าพี่ได้ซื้อ Sim มือถือที่เอาไว้ใช้ internet หรือเปล้าถ้าซื้อฝากแนะนำทีครับ

    ขอบคุณครับ

  • August 5, 2014 at 10:22 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Micky

    Sim ไม่ได้ซื้อครับ (แอบเสียดายตังค์) ถ้าต้องการใช้ internet ตลอดการเดินทาง แนะนำตามนี้ครับ

    1. Internet Sim เจ้าที่นิยมสุดจะเป็น B-mobile มีให้เลือกแบบ 1GB Prepaid และ 14 days Prepaid ราคา 3,980 เยน ถ้ารับซิมที่สนามบินบวกเพิ่ม 210 เยน ซิมเจ้านี้รองรับ smart phone ได้หลายรุ่น เพื่อความชัวร์ลองตรวจสอบรุ่นก่อนสั่งซื้อ http://www.bmobile.ne.jp/english

    2. Pocket wifi เป็นกล่องกระจายสัญญาณ wifi ขนาดพอๆ กับฝ่ามือ หรือเล็กกว่า สามารถปล่อยใช้งานได้สูงสุด 10 เครื่อง เหมาะสำหรับการเดินทางหลายคน แชร์กันใช้งาน ค่าเช่าใช้งานประมาณวันละ 150-270 บาท ปัจจุบันมีผู้ให้บริการรับและคืนเครื่องในไทยแล้ว

  • August 21, 2014 at 2:14 pm
    Permalink

    คือวางแผนจะไป เหมือนคุณเลยค่ะ แบบว่าลอกเลย ฮาๆ

    ขอสอบถามหน่อยค่ะ คือ เดินเที่ยวมาถึงสะพานโทเง็ตสึเคียว แล้วเราต้องเดินย้อนนน กลับไปทางป่าไผ่เพื่อขึ้นรถไฟที่สถานี JR Saga Arashiyama ใช่ไหมคะ? ดูแล้วไกลน่าดู><

    แล้วถ้านั่งรถไฟสายโรแมนติค ไปสุดสายรถไฟแล้ว เราต้องนั่ง JR กลับ มาที่สถานี JR Saga Arashiyama เพื่อเดินชมป่าไผ่ แบบนี้ถูกไหมคะ

    ขอบคุณมากกกค่ะ ข้อมูลเยอะ

  • August 21, 2014 at 2:19 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Nokkajip

    ขอสอบถามหน่อยค่ะ คือ เดินเที่ยวมาถึงสะพานโทเง็ตสึเคียว แล้วเราต้องเดินย้อนนน กลับไปทางป่าไผ่เพื่อขึ้นรถไฟที่สถานี JR Saga Arashiyama ใช่ไหมคะ? ดูแล้วไกลน่าดู>< - ใช่แล้วครับ ไกลใช้ได้เลย แล้วถ้านั่งรถไฟสายโรแมนติค ไปสุดสายรถไฟแล้ว เราต้องนั่ง JR กลับ มาที่สถานี JR Saga Arashiyama เพื่อเดินชมป่าไผ่ แบบนี้ถูกไหมคะ - เข้าใจถูกต้องแล้วครับ รถไฟสายโรแมนติคนั่งขาเดียวก็พอครับ ขาไปหรือกลับก็ได้ แนะนำให้ไปซื้อตั๋วรถไฟก่อนครับ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแถวยาวแน่นอน พอได้ตั๋วแล้วก็เดินเที่ยวแถวนั้น รอเวลารถไฟ 🙂

  • August 28, 2014 at 10:18 am
    Permalink

    จากวัด Kiyomisu ไป JR Emmachi เดินไปหรือนั่งรถเมล์สายอะไรค่ะ

  • August 28, 2014 at 10:51 am
    Permalink

    ตอบคุณ PL

    Kiyomizu Temple –> JR Emmachi(Enmachi)

    ขึ้นรถเมล์สาย 202 ที่ถนน Higashi Oji ไปได้ครับ ประมาณ 45 นาที

  • September 7, 2014 at 5:45 pm
    Permalink

    ขอบคุณสำหรับทริปเกียวโตที่มีประโยนช์มากสำหรับนักเดินทางสมัครเล่นอย่างเรา ขอบคุณคร้า

  • September 7, 2014 at 5:55 pm
    Permalink

    ขอถามอีกหน่อยค่ะจากสนามบินฮาเนตะไปเกียวโตเราต้องนั่งอะไรไปถึงจะไวและเมื่อไปถึงเกียวโตแล้วเราซื้อบัตร Kyoto Sight seeing card แบบ 2 วัน 2000 เยน เพื่อใช้สำหรับขึ้นรถประจำทางและรถไฟใต้ดิน ไปเที่ยววัดและสถานที่ต่างๆเหมือนที่คุณรีวิวไว้จะดีและสะดวกมั๊ยค่ะ ช่วยแนะนำหน่อยคร้า ขอบคุณค่ะ จากสาวเหนือ (เชียงใหม่)

  • September 7, 2014 at 6:17 pm
    Permalink

    ตอบคุณ ญาดา

    Haneda Airport –> Kyoto

    จากสนามบิน Haneda นั่งรถไฟไปสถานี SHINAGAWA แล้วก็ต่อ Shinkansen NOZOMI/HIKARI ไปเลยครับ ประมาณ 3 ชั่วโมงถึง ไวสุดๆ ส่วนบัตร Kyoto Sight seeing card ผมมองว่าไม่ค่อยโอเค เพราะเกียวโตรถไฟมีน้อย และไม่ทั่วถึง ใช้บัตร City Bus All-day Pass ก็พอแล้วครับ วันละ 500 เยน ประหยัดกว่าด้วย

    วัดและสถานที่ต่างๆ ในเกียวโตก็แล้วแต่ความชอบและเวลาแต่ละคนเลยครับ ไปได้สะดวกทุกที่ ที่ผมไปก็จะเป็นวัดยอดนิยมที่คนไทยไปกัน

  • September 26, 2014 at 1:52 pm
    Permalink

    เกียวโตวันแรก เรามีแพลนๆๆไว้แล้ว แบบนี้เป้ะเลยค่ะ
    เลยรบกวนขอเส้นทางการนั่งเมล์ / รถไฟหน่อยได้มั้ยคะ

    เราเรียงแบบนี้
    Fushimi – Tofukuji – Kiyomizu – วัดเงิน – ไลท์อัพ Ekando

    แล้วที่ไปนี่วันอะไรอะคน ดูคนไม่เยอะมาก

  • September 26, 2014 at 2:39 pm
    Permalink

    ตอบคุณ njz14

    เกียวโตวันแรก เรามีแพลนๆๆไว้แล้ว แบบนี้เป้ะเลยค่ะ
    เลยรบกวนขอเส้นทางการนั่งเมล์ / รถไฟหน่อยได้มั้ยคะ

    ตอนแรกผมก็ทำสายรถเมล์ที่จะขึ้นไว้เรียบร้อยก่อนเดินทาง แต่วันเดินทางจริงผิดแผนหมดเลยครับ เนื่องจากแผนที่เส้นทางที่ดูไปล่วงหน้าไม่ได้บอกทิศทางการเดินรถ แล้วก็รถบางสายก็รอนานมาก มากี่คันก็เต็ม ก็ต้องนั่งรถไปต่อเอาข้างหน้าจากเดิมที่สายเดียวถึง

    สุดท้ายแล้วผมอาศัยดูตามป้ายรถเมล์ว่ามีสายไหนผ่านไปยังวัดที่จะไปบ้าง และถามนายสถานีตามป้ายรถเมล์ ไม่ยากครับ ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่มีรถไฟไปถึงก็ดูได้จากในรีวิวเลยครับ

    เราเรียงแบบนี้
    Fushimi ? Tofukuji ? Kiyomizu ? วัดเงิน ? ไลท์อัพ Ekando

    เรียงถูกต้องแล้วครับ ไม่อ้อม

    แล้วที่ไปนี่วันอะไรอะคน ดูคนไม่เยอะมาก

    ไปวันเสาร์ – อาทิตย์ คนเยอะมากเลยนะครับ (ในรูปพยายามหามุมที่ไม่ติดคน) ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้ไปวันธรรมดาครับ

  • September 26, 2014 at 2:53 pm
    Permalink

    ขอบคุณที่แวะมาตอบนะคะ
    เราไปวันเสาร์ค่ะ แถมตรงกับวันหยุดแรงงานของที่นั่นอีก (22/11/14) T.T คาดว่าเจอคนล้านแปดแน่ๆ

    ขอสอบถามเพิ่มนิดนึงนะคะ

    – ที่ไปมานี่เดินลำบากมั้ยคะ แบบไหลตามคน หรือพอเดินสบายๆๆคะ
    – แล้วเวลานี่พอมั้ยคะ ถ้าจัดแบบนั้น เริ่มตั้งแต่ 7 โมง ออกจากโอซาก้า ถึงซัก 2 ทุ่ม
    – คือกลัวรถเต็มแล้วแพลนจะรวน ถ้าเช่าจักรยานนี่ขับไหวมั้ยคะ 555 เผื่อจะอึด

    ขอบคุณมากๆนะคะ

  • September 26, 2014 at 3:25 pm
    Permalink

    ตอบคุณ njz14

    เราไปวันเสาร์ค่ะ แถมตรงกับวันหยุดแรงงานของที่นั่นอีก (22/11/14) T.T คาดว่าเจอคนล้านแปดแน่ๆ
    – ปีที่แล้วที่ผมไป 23/11/2013 ก็ตรงกับวันขอบคุณผู้ใช้แรงงานพอดีครับ คนเยอะมาก

    ที่ไปมานี่เดินลำบากมั้ยคะ แบบไหลตามคน หรือพอเดินสบายๆๆคะ
    – วัด ศาลเจ้าดังๆ เดินไหลตามคนไปเลยครับ

    แล้วเวลานี่พอมั้ยคะ ถ้าจัดแบบนั้น เริ่มตั้งแต่ 7 โมง ออกจากโอซาก้า ถึงซัก 2 ทุ่ม
    – ถ้าใช้เวลาแต่ละที่ไม่นานก็ทันพอดีครับ ช่วงนั้นมืดเร็ว บ่าย 4 ก็เริ่มเย็นแล้ว

    คือกลัวรถเต็มแล้วแพลนจะรวน ถ้าเช่าจักรยานนี่ขับไหวมั้ยคะ 555 เผื่อจะอึด
    – แนะนำให้มีแผน A แผน B แผน C เช่นรถเต็มก็ไปหาต่อเอาข้างหน้า นั่งรถไฟบ้าง เดินบ้าง แต่จักรยานนี่ไม่สามารถขี่ได้เลยครับ เมืองกว้าง รถก็เยอะ คนก็เยอะ

    เที่ยวให้สนุกนะครับ 🙂

  • October 22, 2014 at 11:28 am
    Permalink

    สวัสดีค่ะ admin ^ ^
    วันนี้ขอสอบถามเกี่ยวกับ coin locker ที่ kyoto station
    admin พอจะมีข้อมูลเรื่องการฝากกระเป๋ามั๊ยค๊า พอดีดูแผนที่สถานีรถไฟเกียวโตแล้ว งงมากมาย
    จะเดินทางจากโตเกียว ไป เกียวโตด้วย shinkansen (arrival terack NO.14) ถึงเกียวโตประมาณเกือบๆ 10 โมง ไปกันผู้หญิง 2 คนกับกระเป๋าใบโต

    ขอบคุณ admin มากๆค๊าาา

  • October 22, 2014 at 8:35 pm
    Permalink

    ตอบคุณ modtanoiz

    ตอน admin ไปเที่ยวญี่ปุ่นก็งงเหมือนกันครับ เส้นทางรถไฟพาดกันเต็มไปหมด แนะนำว่าให้สนใจเฉพาะเส้นทางที่เราจะเดินทางก็พอครับ แล้วจะไม่งง

    การฝากกระเป๋าใน locker ตามสถานีรถไฟมีวิธีง่ายๆ ตามนี้ครับ

    1. หาตู้ที่มีกุญแจเสียบอยู่
    2. หยอดเหรียญลงไปที่หน้าตู้
    3. เปิดตู้ออก ใส่กระเป๋าลงตู้ ล๊อคกุญแจ ก่อนปิดตู้นึกดูให้ดีมีอะไรที่ต้องใช้ในนั้นไหม เปิดตู้เอาของก็เสียตังค์นะ
    4. หยอดเหรียญตามราคาหน้าจอ ตู้จะเปิดออก

  • October 30, 2014 at 10:58 pm
    Permalink

    รบกวนสอบถามเรื่องการจองโรงแรมกับagodaค่ะ อยากทราบว่าถ้าเราไม่ได้ต้องการเตียงเสริมจากทางโรงแรม และเลือกบุ๊กห้องบแบsingle room แต่check-inโรงแรม2คนได้ไหมคะ ยกตัวอย่างโรงแรม consort ที่ทาง admin พักค่ะ คือพยายามจะหาห้องสำหรับ2คน แต่มันมีให้เลือกเฉพาะสำหรับ1คน แบบนี้จะจองได้ไหมคะ รบกวนแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

  • October 30, 2014 at 11:48 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Jaru

    ห้อง single room หมายความว่านอนได้คนเดียวครับ ถึงแม้เราจะบอกว่าเราสามารถนอน 2 คนได้ก็ตาม แนะนำว่าให้หาห้อง double หรือ twin ดีกว่าครับ

  • November 2, 2014 at 12:03 am
    Permalink

    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ

  • November 3, 2014 at 9:15 pm
    Permalink

    รบกวนสอบถามถ้าซื้อตั๋ว JR West Kaisai ที่ใช้เดินทางในแถมคันไซ เราก็เอาไปใช้ในเกียวโตสายท้องถิ่นที่เป็นของJR. ได้ใช่มั้ยค่ะ

  • November 3, 2014 at 9:22 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Mam

    JR West Rail Pass – Kansai Area ใช้กับรถไฟท้องถิ่นที่เกียวโตได้ครับ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เดินทางระหว่างเมือง – ในเมืองเหล่านี้ได้ด้วยครับ Osaka, Kyoto, Nara, Kobe, Kansai Airport และ Himeji

  • November 3, 2014 at 9:24 pm
    Permalink

    รบกวนสอบถามเพิ่มเติม ตามแผนที่เส้นทางjr west kansai pass ตามแผนที่จากสถานีเกียวโต ใช้วิ่งไปสถานี Uji ได้ แต่ระหว่างทางจริงๆจะมีสถานี tofukuji กับ Inari. เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องเสียเงินเพิ่มถ้า ใช้บัตร jr west kansai เดินทางไป 2สถานีนี้ใช่มั้ยค่ะเพราะเป็นสถานีทางผ่านไป สถานีUji

  • November 3, 2014 at 9:28 pm
    Permalink

    ขอบคุณมากเลยค่ะ กำลังจะไปสิ้นเดือน หวังว่าจะยังพอได้เห็นใบไม่เปลี่ยนสี

  • November 3, 2014 at 9:31 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Mam

    เข้าใจถูกแล้วครับ บางทีแผนที่ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดสถานีที่คั่นระหว่าง

  • January 23, 2015 at 10:47 am
    Permalink

    สวัสดี วันศุกร์ค่ะ Admin

    ไม่เห็นรีวิวอาหารกลางวันในเกียวโตเลยค่ะ ไม่ทราบจะหาทานข้าวกันได้แถวๆวัดหรือศาลเจ้า
    หรือว่าเราต้องพก เบนโตะ หรือแซนวิช หรืออะไรไปทานระหว่างวันเพื่อรักษาตารางการเที่ยวหรือเปล่าคะ

  • January 23, 2015 at 10:59 am
    Permalink

    ตอบคุณ Wendy

    อาหารมื้อกลางวันในเกียวโต admin ทานง่ายๆ ครับ เป็นร้านข้าวใกล้ป้ายรถเมล์ วันไหนคนเยอะจัดต้องทำเวลาก็กิน Noodle cup ข้าวปั้น ถ้าไปช่วงที่คนเที่ยวเยอะๆ แนะนำข้าวกล่อง Bento เลยครับ

    ตอนที่ admin ไปนะมัวแต่ห่วงเที่ยว กลัวเก็บข้อมูลได้ไม่ครบ plan กลับมาน้ำหนักลดลงนิดนึงเลยละ

  • January 28, 2015 at 12:22 am
    Permalink

    ขอบคุณมากนะคะ ได้ประโยชน์มากเลย เจ้าของเพจ ใจดีมากๆ ที่มาแชร์ประสบการณ์ดีๆแบบนี้ ที่สำคัญเขียนกระชับได้ใจความ สำนวนไม่เวิ่นเว้อ ไปรวมเล่มเขียนเมือ่ไหร่ มา PR นะคะ จะตามซื้อแน่นอน ….

  • January 28, 2015 at 12:55 pm
    Permalink

    ตอบคุณ hello_ohm

    ขอบคุณสำหรับคำชมและกำลังใจนะครับ 🙂

  • January 30, 2015 at 11:04 pm
    Permalink

    ขอบคุณค่ะ admin
    ถามทิ้งไว้เพิ่งกลับมาหาอ่านค่ะ ^^ ปากท้องเรื่องใหญ่เนอะ อิอิ

  • January 30, 2015 at 11:11 pm
    Permalink

    รบกวนสอบถามค่ะ

    ถ้าตั้งใจจะไป เกียวโต- โอซาก้า – นารา โดยใช้เวลาประมาณ 5 วัน (คาดว่าอยู่เกียวโตเยอะหน่อย) ควรเลือกการเดินทางแบบไหนถึงจะเหมาะสมที่สุดคะ เพราะเห็นมีทั้ง KTP ทั้ง JR Pass ทั้งจ่ายค่ารสบัสเป็นครั้งๆ ไปน่ะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ^^

  • January 31, 2015 at 7:33 am
    Permalink

    ตอบคุณ Wendy

    ถามทิ้งไว้เพิ่งกลับมาหาอ่านค่ะ ^^ ปากท้องเรื่องใหญ่เนอะ อิอิ

    ถูกต้องแล้วคร้าบ ^^

  • January 31, 2015 at 7:35 am
    Permalink

    ตอบคุณ koi

    รบกวนสอบถามค่ะ

    ถ้าตั้งใจจะไป เกียวโต- โอซาก้า – นารา โดยใช้เวลาประมาณ 5 วัน (คาดว่าอยู่เกียวโตเยอะหน่อย) ควรเลือกการเดินทางแบบไหนถึงจะเหมาะสมที่สุดคะ เพราะเห็นมีทั้ง KTP ทั้ง JR Pass ทั้งจ่ายค่ารสบัสเป็นครั้งๆ ไปน่ะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ^^

    KTP เท่านั้นครับนั่งได้ทั้ง Bus และ Train ส่วน JR Pass เหมาะกับการนั่งข้ามภูมิภาคเช่นโตเกียว – โอซาก้า

  • February 3, 2015 at 9:01 pm
    Permalink

    รบกวนถามว่าจากปราสาท นิโจ เราจะไปศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) ไปยังไงค่ะ ไกลกันมากไหมค่ะ อยากไปย่านกิออนค่ะแนะนำด้วยค่ะ

  • February 3, 2015 at 9:21 pm
    Permalink

    เราเรียงการเดินทางแบบนี้ได้ไหมค่ะ วัดน้ำใส – วัดเงิน – เรียวอันจิ – Fushimi – Tofukuji โปรแกรมจะมากไปไหม ถ้ามากไปจะตัด เรียวอันจิออกดีไหม

  • February 8, 2015 at 9:54 am
    Permalink

    ตอบคุณ timmy

    รบกวนถามว่าจากปราสาท นิโจ เราจะไปศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) ไปยังไงค่ะ ไกลกันมากไหมค่ะ อยากไปย่านกิออนค่ะแนะนำด้วยค่ะ

    เรื่องสายรถบัสผมไม่ถนัดเลยครับ แนะนำให้ดูจากเส้นทางรถเมล์ใน Link ด้านบนที่ผมทำไว้ให้ และ search จาก google map อีกทีหนึ่ง

    เราเรียงการเดินทางแบบนี้ได้ไหมค่ะ วัดน้ำใส – วัดเงิน – เรียวอันจิ – Fushimi – Tofukuji โปรแกรมจะมากไปไหม ถ้ามากไปจะตัด เรียวอันจิออกดีไหม

    หนึ่งวันไปได้เต็มที่ก็ 4 ที่ครับแนะนำให้เก็บเรียวอันจิ เป็นแผนสำรอง อาจจะไปได้ถ้าทำเวลาได้เร็วกว่า Plan

  • February 9, 2015 at 7:01 pm
    Permalink

    รบกวนสอบถามหน่อยค่ะ (ไม่หน่อยนะค่ะ) พอดีมีเพลนจะไปและต้องการเก็บข้อมูลไว้ก่อน อยากสอบถามว่าพอดีจะพักที่โตเกียว และเพลนจะไปเที่ยววัดที่เกียวโตโดยแบบเช้าเย็นกลับ ซึ่งกะไว้ซัก 3 ที่ (ซึ่งไม่ทราบว่าเวลาจะพอไหม) เนื่องจากดูข้อมูลการเดินทางจากเกียวโต ไปโตเกียวนั้นจะใช้เวลาการเดินทางนั่งรถไฟไปประมาณ 3 ชั่วโมง จึงอยากทราบว่าจากโตเกียวไปลงสถานีไหนเพื่อจะเที่ยว 3 วัดที่เพลนไว้ทางด้านล่างค่ะ

    1.ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ
    2.วัดคิโยมิซุ
    3.วัดทอง คินคะคุจิ

    คำถามต่อมาถ้าจะซื้อ Bus day pass นี่คุ้มไหมหรือจำเป็นหรือไม่หากกรณีจะเที่ยวชม 3 วัดดังกล่าวค่ะ และ 3 วัดนี้การเดินทางนั้นควรเริ่มจากไว้ไหนก่อน และระยะทางห่างกันแค่ไหน เพื่อจะคุมเวลารวมไปถึงค่าใช้จ่ายด้วยค่ะ

    ขอบพระคุณมากค่ะ อาจจะเยอะนิดนะค่ะ

  • February 12, 2015 at 9:51 pm
    Permalink

    ตอบคุณ moofaiiza

    รบกวนสอบถามหน่อยค่ะ (ไม่หน่อยนะค่ะ) พอดีมีเพลนจะไปและต้องการเก็บข้อมูลไว้ก่อน อยากสอบถามว่าพอดีจะพักที่โตเกียว และเพลนจะไปเที่ยววัดที่เกียวโตโดยแบบเช้าเย็นกลับ ซึ่งกะไว้ซัก 3 ที่ (ซึ่งไม่ทราบว่าเวลาจะพอไหม) เนื่องจากดูข้อมูลการเดินทางจากเกียวโต ไปโตเกียวนั้นจะใช้เวลาการเดินทางนั่งรถไฟไปประมาณ 3 ชั่วโมง จึงอยากทราบว่าจากโตเกียวไปลงสถานีไหนเพื่อจะเที่ยว 3 วัดที่เพลนไว้ทางด้านล่างค่ะ

    การไปเกียวโตแบบเช้าไป เย็นกลับ ถ้าไม่มี JR Pass ไม่แนะนำเลยครับ เฉพาะค่าเดินทางก็ 7-8 พันบาทแล้ว แต่ถ้าตัดประเด็นนี้ไปก็แนะนำให้ลง Shinkansen ที่สถานีเกียวโตแล้วนั่งรถไฟต่อไปที่สถานี Inari ก็จะเจอกับศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ จากนั้นก็นั่งรถเมล์ต่อไปยังวัดคิโยมิซุ และ วัดทอง

    ถ้าออกจากโตเกียวแต่เช้ามืดก็อาจจะไปได้ครบทั้ง 3 ที่เลยครับ

    คำถามต่อมาถ้าจะซื้อ Bus day pass นี่คุ้มไหมหรือจำเป็นหรือไม่หากกรณีจะเที่ยวชม 3 วัดดังกล่าวค่ะ และ 3 วัดนี้การเดินทางนั้นควรเริ่มจากไว้ไหนก่อน และระยะทางห่างกันแค่ไหน เพื่อจะคุมเวลารวมไปถึงค่าใช้จ่ายด้วยค่ะ

    Kyoto City Bus One day pass ก็คุ้มที่จะซื้อนะครับ ถ้าเสียเป็นเที่ยวๆ ยังไงก็แพงกว่า 500 เยน การเรียงลำดับก่อนหลัง ตามที่แนะนำด้านบนเลยครับ ส่วนระยะทางสามารถเช็คได้จาก Google map ครับ

  • February 14, 2015 at 9:23 pm
    Permalink

    ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ admin สำหรับคำตอบและคำแนะนำค่ะ
    ตั้งใจว่าจะถอย JR Pass ค่ะ แต่ขอนุญาตสอบถามเพิ่มเติมนิดนะค่ะ (คงไม่ลำคารก่อนนะค่ะ ^ ^
    บัตร Kyoto City Bus One day pass สามารถซื้อได้ที่สถานี Inari เลยใช่ไหมค่ะ ถ้าใช่พอจะทราบลายแทงหรือไม่ค่ะ

    ขอบพระคุณอีกครั้งนะค่ะ admin สำหรับคำตอบค่ะ

  • February 14, 2015 at 9:36 pm
    Permalink

    ตอบคุณ moofaii

    สงสัยไม่ได้อ่านที่ผมเขียนไว้แน่เลย T_T

    ที่ขายบัตร Kyoto City Bus One day pass จะอยู่ที่ Bus ticket center หน้าสถานี JR Kyoto ให้เดินตามป้าย “Bus” ในสถานีก็จะเจอทางออกหน้าสถานี

  • February 17, 2015 at 11:01 am
    Permalink

    ขอบคุณมากค่ะ admin

    อ่านค่ะ แต่อ่านตกไป ว๊ากก….เข้าใจไปว่านั่ง Shinkensen ไปลงสถานี Inari ได้เลย ขอโทดทีค่ะแอดมินด้วยความสับเพร่าของตัวเอง ฮ่าๆ ไม่โกดกันนะค่ะ (>.<) ถ้าโกดกันแย่เลยเพื่อจะมีสอบถามแอดมินอีก ฮี่ๆ

  • February 17, 2015 at 2:18 pm
    Permalink

    ตอบคุณ moofaii

    ไม่โกรธคร้าบ แซวเล่นเฉยๆ ครับ 🙂

  • March 12, 2015 at 10:25 am
    Permalink

    ขอบคุณสำหรับการรีวิวมากเลยนะคะ รีวิวละเอียดมาก
    ตอนนี้ สามีมาทำงานที่ญี่ปุ่น ก็เลยจะวางแผน ไปชมดอกซากุระ แถบคันไซ สิ้นเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนหน่ะค่ะ ได้อ่านที่คุณเขียนมาเข้าใจกระจ่างขึ้นเยอะเลยค่ะ

    ตอนแรกวางแผนว่าจะไปเกียวโตแค่วันเดียว พอเห็นรีวิวของคุณเลยเปลี่ยนใจเพิ่มเป็น 2 วันแล้วค่ะ

  • March 12, 2015 at 11:21 am
    Permalink

    ตอบคุณ Paritmay

    ขอบคุณสำหรับคำชมครับ 🙂

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *