รีวิวเที่ยวสิงคโปร์ด้วย Air Asia 3 วัน 2 คืน ไม่ง้อทัวร์

ในปีที่แล้วผมพาไป เที่ยวสิงคโปร์ แบบไม่ง้อทัวร์ 4 วัน 3 คืน ไปเที่ยวหลายที่มาก ทั้ง Universal Studios Singapore, เกาะ Sentosa, Merlion, Orchard, Chinatown, Little India หลังจากจบทริปนี้ก็รู้สึกชอบประเทศสิงคโปร์ เป็นประเทศที่ไปง่าย ปลอดภัย ไม่ต้องใช้ Visa เดินทางสะดวก นั่งเครื่องไป 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงแล้ว

Universal AC Adapter

พอ Air Asia ออก โปรโมชั่น Big Sale มาผมก็เลยจองไปสิงคโปร์อีกรอบ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วครับที่ไปเที่ยวประเทศสิงคโปร์ ค่าตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯ – สิงคโปร์ ไปกลับ 2 คน รวมเลือกที่นั่ง และโหลดกระเป๋า 15 กิโลกรัม ทั้งไปและกลับ อยู่ที่? 6,680 บาท หรือ เฉลี่ยคนละ 3,340 บาท เทียบกับ Full Service ของสายการบิน Cathay Pacific ที่ไปมาเมื่อปีที่แล้ว ราคา 7,500 บาท / คน ถูกมากกว่าครึ่งเลย ทำให้ทริปนี้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้พอสมควรเลยครับ

การเดินทางมาสนามบินสุวรรณภูมิ ถ้าไปต่างประเทศผมจะใช้บริการ Taxi เนื่องจากมีกระเป๋าใบใหญ่ แต่ถ้าเดินทางในประเทศจะนั่ง Airport Link มา ประหยัดกว่า รถไม่ติดด้วย

เมื่อถึงสนามบินก็ไปโหลดกระเป๋าที่ Counter Air Asia ที่ Row E เนื่องจากเราทำ Web Check in มาแล้ว ก็เข้าช่อง Baggage Drop ได้เลย แถวว่างไม่มีคิวเลย

โหลดกระเป๋าเสร็จมีเวลาเหลืออีกเยอะ ไปทานข้าวที่ศูนย์อาหารราคาประหยัด ที่ชั้น 1 Magic Foodpoint อาหารจานเดียวเช่น ราดหน้า ข้าวมันไก่ ก๋วยเตี๋ยว จานละ 35 บาทเท่านั้น ให้เยอะด้วย

ทานข้าวเสร็จก็เข้าคิว ด่าน ตม. ถ้าใครได้อ่านข่าวช่วงก่อนหน้านี้ จะมีปัญหาเรื่องผู้โดยสารรอคิวตรวจ ตม. นานมาก บางเวลานานเป็นชั่วโมง นานจนตกเครื่องเลยก็มี แต่ตอนนี้ทาง ตม. ได้มีเครื่องตรวจแบบอัตโนมัติแล้ว ตรวจกับคอมพิวเตอร์ สำหรับคนไทยเท่านั้น ขั้นตอนก็เป็นแบบนี้ครับ

1. เดินเข้าช่อง จะมีพนักงานนำ Passport เราไปแนบในช่องสแกน

2. เดินเข้าไป 1 ก้าวจะมีที่ให้ยืนตามรอยรองเท้า ให้เรามองกล้อง

3. หลังจากที่ระบบถ่ายรูปเราเสร็จที่กั้นจะเปิดออก

4. เดินไปให้เจ้าหน้าที่ประทับตราวันออกจากประเทศใน Passport

รวมเวลาต่อคิวจนเสร็จกระบวนการทั้งหมด ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที เท่านั้น สะดวก รวดเร็วมากครับ ขอชื่นชมการแก้ปัญหาของ ตม. มาไว้ที่นี้ด้วยครับ

ตอนที่ไปโหลดกระเป๋า พนักงาน Air Asia เขียนใน Boarding Pass ว่าขึ้นเครื่องที่ Gate F1 แต่พอไปถึงจริง Gate เปลี่ยนไปเป็น F2a ตรงนี้ต้องระวังครับ บางคนไม่รู้ว่าเค้าเปลี่ยน Gate ทำให้ตกเครื่องก็มี ก่อนเข้า Gate สังเกตนิดนึงนะครับว่าใช่ชื่อเที่ยวบินเราหรือเปล่า

อันที่จริงเค้าก็ประกาศว่าเปลี่ยน Gate และมีข้อความบอกที่ Gate F1 ว่าย้ายไปที่ F2a เลยไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่

Gate F1a หรือ Gate อะไรก็แล้วแต่ที่มี a ห้อยท้ายจะเป็น Bus Gate ครับจะต้องนั่งรถ Bus ไปขึ้นเครื่องที่อีกฟากหนึ่งของสนามบิน ผมคิดว่าคงเป็นส่วนหนึ่งของการลดต้นทุน ซึ่งเป็นหัวใจหลักของสายการบิน Low cost แต่ผมว่ามันก็ไม่ได้ลำบากอะไรมาก เทียบกับค่าตั๋วที่ราคาถูกแล้วก็ถือว่าคุ้มครับ

เที่ยวบินขาไปของเราเป็นเที่ยวบิน FD 3503 ตามกำหนดการออกเดินทางเวลา 10.40 น. และถึงสิงคโปร์เวลา 14.05 น. แต่เอาเข้าจริง Delay ไปประมาณ 30 นาที เหมือนว่ารอผู้โดยสารที่มาขึ้นเครื่องช้า

เที่ยวบินนี้เจอแอร์โฮสเตส Air asia ขี้เล่นด้วยครับ ตอนประกาศแนะนำตัวเธอประกาศว่าชื่ออั้ม พัชราภา และพนักงานท่านอื่นชื่อวุ้นเส้น, ญาญ่า ส่วนกัปตันชื่อ ณเดช และผู้ช่วยนักบินมาริโอ้ ผมยอมรับว่าสายการบิน Air Asia เป็นสายการบินที่เปิดกว้าง พนักงานสามารถ Entertain ลูกค้าแต่เต็มที่ แต่มันก็ดูแปลกไปหน่อยครับที่บอกชื่อดาราแทนชื่อจริงของตัวเอง

ปกติแล้วเวลานั่งเครื่องไปต่างประเทศ เค้าจะต้องแจกใบ ตม. ให้เรากรอกบนเครื่อง แต่ครั้งนี้แปลกครับ ให้ไปกรอกเอาหน้า ตม. สิงคโปร์เลย ผมคิดว่าใบ ตม. สิงคโปร์บนเครื่องต้องหมดแน่เลย

เครื่องบิน Air Asia จะลงจอดที่ Terminal 1 ให้เดินตามป้าย Arrival หรือ Immigration เราก็จะเจอกับด่าน ตม. สิงคโปร์ เรากรอกใบ ตม. แล้วก็เดินเข้าช่องไปได้เลย

คำแปลของใบ ตม. สิงคโปร์ ดูได้จากด้านล่างเลยครับ

ใบ ตม. สิงคโปร์ ด้านหน้า (คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)

ใบ ตม. สิงคโปร์ ด้านหลัง (คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)

ครั้งนี้แฟนผมเจอ ตม. มองหน้าแล้วก็มอง Passport อยู่นาน แล้วก็อ่านชื่อ ถามต่ออีกว่ามาสิงคโปร์ครั้งแรกเปล่า เราตอบไปว่าครั้งที่ 2 (ของแฟนผม) เค้าก็ถามอีกว่าครั้งที่แล้วมีปัญหาอะไรที่ ตม. ไหม ก็ตอบว่าไม่ เค้าก็สแตมป์ให้ไป สงสัยหน้าใน passport กับตัวจริงไม่ค่อยเหมือนกันมั้งครับ แต่ดูแล้วเค้าก็ถามแบบไม่ซีเรียส เหมือนดูท่าทางเรามากกว่า

ถ้าเราเป็นนักท่องเที่ยว ต้องการจะไปเที่ยวจริงๆ ให้แต่งตัวดีๆ แล้วไม่ต้องกลัวครับ เค้าดูออก

วันที่ 1 : ถึงสิงคโปร์ เที่ยว Merlion, Marina Bay Sands

เดินออกจาก ตม. สิงคโปร์จะเจอกับ Visitor Information หยิบข้อมูลท่องเที่ยวและแผนที่ตรงนี้เก็บใส่กระเป๋าไปได้เลยครับ ถึงแม้ว่าเรามีแผนที่ที่แถมมาจากหนังสือ หรือแผนที่ที่คนอื่นให้มา ก็ควรหยิบไปครับ เพราะประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลง สร้างอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ ควรจะใช้แผนที่ฉบับใหม่ล่าสุด อย่างเช่นปีที่แล้วรถไฟฟ้าสายสีส้ม Circle Line ไปได้ไม่กี่สถานี แต่ปีนี้ไปได้ถึง Marina Bay Sand แล้วครับ

เงินประเทศสิงคโปร์ จะมีหน่วยเป็นดอลล่าร์สิงคโปร์ (SGD) อัตราแลกเปลี่ยนวันที่ผมไป อยู่ที่ประมาณ 25 บาท / 1 ดอลล่าร์สิงคโปร์ แลกกับ ธ. กสิกรไทย ถึงเรทจะไม่ดีเท่า Superrich แต่ก็สะดวกในการไปแลก ผมแลกเงินไปทั้งหมด 750 SGD สำหรับ 2 คน 3 วัน 2 คืน

เดินมารับกระเป๋าที่สายพาน เจอกระเป๋าเราพอดี การจัดการของสนามบิน Changi รวดเร็วมาก สมกับเป็นสนามบินที่ดีที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก

ถ้าใครจะเข้าเมืองด้วยรถ Taxi รับกระเป๋าเสร็จไปที่ทางออก เจอที่ขึ้น Taxi เลยครับ

จาก Terminal 1 ถ้าจะเข้าเมืองด้วยรถไฟฟ้า (MRT) จะต้องนั่งรถไฟฟ้า (Skytrain) ไปยัง Terminal 2 ขึ้นฟรีครับ ไม่เสียค่าใช้จ่าย

รถไฟฟ้าระหว่าง Terminal จะมาทุกๆ 3 นาที รอไม่นาน เป็นรถไฟฟ้าไร้คนขับ ขบวนสั้นๆ

ที่ด้านล่างของ Terminal 2 จะเป็นสถานีรถไฟฟ้า Changi Airport การเดินทางเข้าเมืองด้วยรถไฟฟ้าสะดวก รวดเร็ว และราคาไม่แพง กระเป๋าใบใหญ่ก็ลากขึ้นรถไฟฟ้าได้ครับ

การเดินทางในสิงคโปร์ด้วยรถเมล์, รถไฟฟ้า จะใช้บัตรโดยสาร EZ-link เป็นบัตรอเนกประสงค์ ใช้แทนเงินสดตามร้านค้า, 7-eleven ได้ด้วย คล้ายๆ กับบัตร Octopus ของฮ่องกง

ถ้ามาสิงคโปร์ครั้งแรกซื้อบัตรกับพนักงานได้ที่ Passenger Service เลยครับ แต่ผมมีบัตร EZ-link ที่ซื้อคราวที่แล้ว เงินในบัตรก็ยังมีอยู่ เลยนำมาใช้ได้เลย

ที่พักในทริปนี้ผมพักที่ Hotel 81 Bencoolen เป็นโรงแรมเดียวกันกับทริปที่แล้ว จริงๆ ตอนแรกเล็งโรงแรมพอร์ซเลน (Porcelain Hotel) ย่าน Chinatown ไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้จอง กะว่า 1 เดือนล่วงหน้าก่อนเดินทางค่อยเข้ามาจอง แต่พอถึงเวลาจะจองราคาโรงแรมโดดไปจาก 3 พันนิดๆ ไปอยู่ที่ 4 พันกว่าๆ เลยเปลี่ยนใจไปนอน Hotel 81 Bencoolen เหมือนเดิมดีกว่า ผมสงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆ ราคาโรงแรมถึงได้โดดแพงขึ้นกว่าเดิมมาก ลองหาข้อมูลดูก็พบว่าในช่วงที่เราไป มีงาน Herbalife ที่ Singapore Expo มีคนไปงานนี้เป็นหมื่นคน คิดว่าน่าจะเป็นเพราะสาเหตนี้ครับ

การเดินทางจากสนามบิน Changi มาโรงแรม Hotel 81 Bencollen

1. จากสถานี Changi Airport ไปลงที่สถานี Tanah Merah

2. นั่งสายสีเขียว (East west line) ที่มีปลายทางอยู่ที่ Joo Koon ไปลงที่สถานี Paya Lebar

3. ที่สถานี Paya Lebar เปลี่ยนไปขึ้นสายสีเหลือง (Circle line) ที่มีปลายทางอยู่ที่ Dhoby Ghaut ไปลงที่สถานี Bras Basah

4. ออกจากสถานี Bras Basah ด้วยทางออก E แล้วเดินมาทางซ้ายจะเจอกับสี่แยกที่มี Food court KOPITIAM ข้ามถนนที่ไฟแดง แล้วเดินไปทางขวา อีกประมาณ 50 เมตร โรงแรมจะอยู่ทางซ้าย

ทันทีที่ออกจากสถานี Bras Basah มายังแยกถนน Bencoolen ก็ตกใจครับ เค้าปิดถนน Bencoolen เพื่อสร้างรถไฟฟ้าสาย Downtown Line 3 และบริเวณนี้ก็เป็นที่ตั้งของสถานี Bencollen สถานีนี้จะเปิดให้บริการในปี 2017

การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายนี้เสียงดังพอสมควร มีเครื่องจักรขนาดใหญ่คล้ายปั้นจั่นเจาะพื้นดินลงไปลึกหลายสิบเมตร โรงแรมที่อยู่ในพื้นที่ก่อสร้างเท่าที่ผมเห็นก็มี Hotel 81 Bencoolen, Hotel Bencoolen, Strand Hotel ส่วนการเดินทางไปโรงแรมไม่มีปัญหาครับ มีทางเท้าเดินไปได้

ทริปนี้เราพักคืนวันศุกร์ และ เสาร์ ค่าห้องอยู่ที่คืนละประมาณ 3,500 บาท เป็นห้อง Superior Double + Free wifi

Link. เช็คราคาโรงแรม Hotel 81 Bencoolen รับประกันราคาถูกสุด

การ Check in ก็เพียงแค่ยื่น Passport ของเรา 2 คนให้เค้านำไปลงทะเบียน ไม่มีค่ามัดจำ ครั้งที่แล้วผมจำได้ว่า Hotel 81 Bencoolen มีพนักงานที่เป็นคนไทย ครั้งนี้ผมก็ลองมองหา พนักงานท่านนี้ก็ยังทำงานอยู่ครับ เป็นผู้ชายผิวขาว ใส่แว่น หน้าคล้ายคนสิงคโปร์ ถ้าติดขัดเรื่องการสื่อสารภาษาอังกฤษก็พูดไทยกับพนักงานท่านนี้ได้ครับ

พอ Check in เสร็จผมก็ถามเค้าเรื่อง Free wifi ซึ่งในเงื่อนไขการจองมี Free wifi ด้วย เค้าก็ถามว่าจะใช้ก็เครื่อง ผมตอบไปว่าใช้เครื่องเดียว ก็ได้ Username & Password มา 2 ใบ ใช้งานได้ใบละวัน แต่เราอยู่ 3 วัน วันสุดท้ายเลยอดใช้เลย ถ้าใครจะไปพักที่นี่ผมแนะนำให้บอกเค้าว่าใช้ 2 เครื่องเลยจะดีกว่า

เข้าไปดูในห้องพักกันครับ ห้องเราอยู่ที่ชั้น 12 โชคร้ายได้ห้องฝั่งติดถนน มีเสียงดังจากการก่อสร้างเข้ามาในห้องด้วย

ภายในห้องตกแต่งแบบเรียบง่าย ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่มดูสะอาดดีครับ ที่หน้าต่างมองลงไปจะเห็นเครื่องจักรกำลังทำงานอยู่

สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องมีไดร์เป่าผม, TV, ตู้เย็น, น้ำดื่มวันละ 1 ขวด, กาต้มน้ำ พร้อมชา – กาแฟ

ในห้องน้ำมีแปรงสีฟัน, หวี, หมวกอาบน้ำ, สบู่เหลวแบบกด, ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ 2 ผืน

ความสะอาดในห้องน้ำให้ผ่านครับ ชอบห้องน้ำของที่นี่มีอ่างอาบน้ำด้วย เวลาเดินเที่ยวเมื่อยๆ ปวดขา กลับมานอนแช่น้ำร้อนแล้วจะรู้สึกผ่อนคลายดีครับ

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเที่ยว เก็บของเสร็จเราออกไปเที่ยวที่ Merlion และ Marina Bay Sand กันครับ

การเดินทางจาก Hotel 81 Bencoolen ไป Merlion ให้นั่งรถไฟฟ้าจากสถานี Bras Basah ไปสถานี Dhoby Ghaut (หรือจะเดินไปสถานี Dhoby Ghaut ก็ได้ ประมาณ 15 นาที) แล้วเปลี่ยนเป็นสายสีแดงไปลงที่สถานี Raffles Place ออกจากสถานีข้ามสะพานลอยติดแอร์ไปทางโรงแรม The Fullerton Bay

อาคารโดมยื่นไปในน้ำ ของโรงแรม The Fullerton Bay

ถ้าเดินตามทางไปเรื่อยๆ จะเจอกับ Merlion Park

ทหารเรือในรูปบนเป็นทหารเรือไทย มาสิงคโปร์เจอคนไทยเกือบทุกที่ครับ

บริเวณนี้เป็นท่าเรือ Singapore river cruise

เจอ Merlion แล้วครับ ครั้งนี้ขอถ่ายรูปเต็มๆ หน่อย ครั้งที่แล้ว Merlion ตัวนี้ถูกครอบทำเป็น Merlion Hotel

Merlion สัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์ สัตว์ที่มีส่วนหัวเป็นสิงโตส่วนล่างเป็นปลา

ซูมเข้าไปชัดๆ

ครั้งนี้ Merlion ตัวเล็ก (Merlion Club) ปิดปรับปรุง หลังจากที่ตัวเล็กปรับปรุงเสร็จตัวใหญ่ก็จะปิดปรับปรุงต่อ

อาคารโดมหลังคาหนามทุเรียนเป็นโรงละคร Esplanade

ไม่รู้ว่าวันนี้คนเยอะผิดปกติหรือเปล่า มีคนมาถ่ายรูปที่ Merlion เยอะมาก ต้องแบ่งๆ กันถ่าย ถ่ายเสร็จก็เดินออกให้คนอื่นได้มีพื้นที่ถ่ายรูป

อาคารที่มีสิ่งก่อสร้างคล้ายเรืออยู่บนตึก 3 ตึก คือ Marina Bay Sands ด้านบนมีดาดฟ้าชมวิวชื่อว่า Sands sky park เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดในสิงคโปร์

เดินออกมาจาก Merlion Park เจอรถเข็นไอติม เป็นไอติมแท่งแบบเอามีดตัดเป็นชิ้นและประกบด้วยขนมปังหรือเวเฟอร์ ครั้งที่แล้วผมก็ทานไอติมแบบนี้ที่ Chinatown ราคา 1 เหรียญ ครั้งนี้อยากกินอีก เห็นติดป้ายว่า 1.5 SGD เราก็นึกว่าของขึ้นราคา ก็เลยซื้อไป พอทานเสร็จเดินไป เจออีกเจ้าขายราคาเดิม 1 SGD น่าเจ็บใจจัง

เราเดินข้ามสะพานไปทางโรงละคร Esplanade แล้วเดินผ่านเวทีคอนเสิร์ต เพื่อไปยังตึก Marina Bay Sands ถ้ามาช่วงเย็นๆ เดินไปแบบสบายๆ ประมาณ 15 นาทีถึง แต่ถ้าเป็นตอนกลางวันคงได้เหงื่อออก

รูปล่างเป็นอัฒจันทร์สถานที่แข่งขัน Singapore 2010 Youth Olympic Games ส่วนตัวสนามลอยอยู่กลางน้ำ

เดินอ้อมอัฒจันทร์ไปจะเจอกับสะพาน Helix สะพานที่ข้ามไปยังตึก Marina Bay Sands

Singapore Flyer ชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ใกล้ๆ กับ Marina Bay Sands หมุนช้ามาก ชิงช้าสวรรค์อันนี้สร้างคล้ายกับ London Eye ที่ประเทศอังกฤษ

สะพาน Helix เป็นสะพานสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ มองไกลๆ เหมือน เกลียวที่ถูกบิดอยู่ หรือถ้าเป็นคนเรียนวิทยาศาสตร์อาจจะบอกว่าคล้ายกับแบบจำลอง DNA ในตอนกลางคืนสะพาน Helix จะเปิดไฟสีฟ้าสวยงาม

อาคารสีขาวที่มีรูปร่างเหมือนกลีบดอกไม้ในรูปด้านล่าง เป็นอาคาร Art Science Museum รูปร่างแปลกตามากครับ

ถ้าเดินไปสุดสะพานจะเป็นทางเข้าไปในห้าง Marina Bay Sand ห้างที่รวบรวมร้านค้า Brand name สุดหรูมาไว้ในห้าง

ร้านค้าใน Marina Bay Sand ลานสีขาวในรูปด้านล่างเป็นลานสเกตน้ำแข็ง ไม่ค่อยมีคนเล่นซักเท่าไหร่

ถ้าเดินออกนอกตัวอาคาร Marina Bay Sands จะเป็นคล้ายๆ สวนสาธารณะ คนสิงคโปร์ชอบออกมาวิ่งออกกำลังกาย บริเวณนี้มีร้านอาหารด้วยครับ แต่ดูแล้วราคาจะแพงนิดนึง

ร้านค้าที่อยู่โดดเด่นกลางน้ำในรูปด้านล่าง เป็นร้าน Louis Vuitton สร้างได้แปลกมีเอกลักษณ์ สมกับเป็นผู้นำ Fasion

วกกลับเข้ามาเดินด้านในกันต่อ ที่ชั้นล่างของ Marina Bay Sands จะมี Casino ด้วยครับ แต่ดูบรรยากาศแล้วผมว่าที่มาเก๊า ยิ่งใหญ่และอลังการกว่าเยอะ

แวะถ่ายรูปที่หน้า Casino ซักรูป แต่ไม่ได้เข้าไปดูด้านในนะครับ คิดว่าเค้าขอตรวจ Passport ด้วย

โซนนี้ทำเป็นคลองเล็กๆ คล้ายๆ กับคลองเวนิสใน Venetian มาเก๊า แต่เป็นระยะทางสั้นๆ ครับ มีบริการนั่งเรือด้วย แต่ส่วนตัวคิดว่าเรือเค้าไม่น่านั่งเลย เหมือนเรือพายธรรมดาๆ แถวบ้านเรา ระยะทางก็สั้นนิดเดียว

ถ้าสนใจลงเรือค่าตั๋วคนละ 10 SGD

ขากลับไป Hotel 81 Bencoolen ให้นั่งรถไฟฟ้าสถานี Bayfront ที่อยู่ใน Marina Bay Sands ได้เลย สถานีนี้เพิ่งจะเปิดใหม่ได้ไม่นานบางคนอาจจะยังไม่ทราบ ไปลงที่ Bras Basah

พอออกจากสถานีรถไฟฟ้า หาข้าวกิน อาบน้ำ เชคอีเมล แล้วนอนแต่หัววันเลยครับ เหนื่อยและเพลียจากการเดินทางมาก

วันที่ 2 : Little India, เกาะ Sentosa, Clarke Quay

หลังจากเมื่อคืนได้หลับอย่างเต็มอิ่ม เช้านี้ก็มีแรงที่จะไปเที่ยวได้ต่อ ผมเดินข้ามถนนจากโรงแรมไปฝั่งตรงข้าม ผ่านร้าน 7-eleven เลยถ่ายรูปมาให้ดูกัน 7-eleven สาขานี้มีที่ให้นั่งกินขนม, ไส้กรอกอยู่ตรงหน้าร้านด้วย

เวลาผมไปเที่ยวต่างถิ่น ผมจะชอบไปซื้อของที่ 7-eleven เพราะเคยชินกับ 7-eleven ในประเทศไทย คิดว่าราคาสินค้าเค้ามาตราฐาน ไม่แพงเกินจริง แต่สำหรับประเทศสิงคโปร์ไม่เป็นเช่นนั้น สินค้าใน 7-eleven แพงกว่าทุกที่ อย่างเช่นน้ำเปล่าใน 7-eleven สิงคโปร์ขวด 600 ml ขายขวดละ 1.7 SGD (ประมาณ 42 บาท บ้านเราขาย 7 บาท) แต่ที่ Food court KOPITIAM ขาย 1.6 SGD พร้อมน้ำแข็ง 1 แก้ว และที่ร้าน Guardian ขวด 600 ml ขายเพียงขวดละ 0.8 SGD ซื้อ 2 ขวด 1.5 SGD

มื้อเช้าเราทานอาหารเช้าแบบง่ายๆ ที่ Kopitiam เป็นชุดขนมปังไส้สังขยาและเนย, ไข่ดาว 2 ฟอง, ไส้กรอก 1 แผ่น, กาแฟ 1 แก้ว ราคา 2.5 SGD

วันนี้เรามีโปรแกรมไป Bugis, Little India, ห้าง Mustafa, เกาะ Sentosa และปิดท้ายด้วยย่านร้านอาหารชื่อดัง Clarke Quay

เรานั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานี Bugis ออกตรงทางออก Bugis Junction ไปหามุมถ่ายรูปสวยๆ ที่ย่านนี้ เดินไปเดินมาก็เจอกับห้าง Iluma ตัวอาคารเป็นสีขาว มีลวดลายแผ่น 6 เหลี่ยมติดรอบตัวอาคาร ดูแล้วสวยแปลกตาดีครับ

จากห้าง Iluma เดินย้อนไปนิดเดียว ก็จะเจอกับแหล่งขายของสารพัดอย่างที่ Bugis Street ที่นี่จะคล้ายกับตลาดนัดจตุจักร หรือสยามสแควร์บ้านเรา ของที่ขายก็มีเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับ ของกิน ของที่ระลึก ราคาก็ไม่แพงมากครับ

Bugis Street

ผมมองออกไปที่ด้านข้างของ Bugis Street เจอบันไดวนสีสดใส ที่คนชอบมาถ่ายรูปกัน บันไดวนที่เห็นเป็น Hostel ที่มีชื่อว่า Bugis Backpacker เป็นที่พักราคาประหยัด ทำเลดีใกล้สถานีรถไฟฟ้า Bugis และอยู่ติดกับที่ขายของ Bugis Street เลย

บันไดวน Bugis Backpacker

มาเที่ยวสิงคโปร์ครั้งนี้แปลกใจว่าฟ้าใส แดดดีมาก ทั้งๆ ที่บ้านเราฝนตกเกือบทุกวัน ข้อดีก็คือถ่ายรูปแล้วสวย ข้อเสียก็ร้อน ร้อนมากๆ ครับ อากาศที่ประเทศสิงคโปร์ผมว่าร้อนพอๆ กับบ้านเรา แต่ว่าเค้ามีต้นไม้ใหญ่ให้หลบแดดค่อนข้างเยอะ

จากที่ขายของ Bugis Street เดินไปอีกนิดจะเจอกับโบสถ์ Church of Our Lady of Lourdes เป็นโบสถ์คริสถ์นิกายคาทอลิก สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก

วันที่ไปมีจัดงานแต่งงานพอดี เลยไม่ได้เข้าไปถ่ายรูปข้างในโบสถ์ รถที่เห็นในรูปด้านล่างเป็นรถของเจ้าสาวครับกำลังเข้าโบสถ์พอดี

ออกจากโบสถ์เราจะเดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ จนถึงสถานีรถไฟฟ้า Little India มาเที่ยวสิงคโปร์นี่เดินเยอะจริงๆ ครับ ที่เดินเยอะเพราะเราขึ้นรถเมล์ไม่เป็น เน้นเดินทางด้วยรถไฟฟ้า

ห้างที่เห็นในรูปบนเป็นห้าง IT ที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ มีชื่อว่า Sim Lim Square ขายสินค้าไอที เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ ถ้าคิดว่าจะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศสิงคโปร์ไปใช้ให้เช็คดูเรื่องการรับประกันด้วยนะครับว่า World wide หรือเปล่า ไม่งั้นถ้าเสียต้องส่งกลับมาซ่อมที่สิงคโปร์

จากที่ได้ลองสืบราคาดูแล้วของก็ไม่ได้ถูกไปกว่าบ้านเรา หลายอย่างแพงกว่าเสียอีก แต่ของบางอย่างสามารถคืนภาษีได้ ราคาเมื่อรวมคืนภาษีแล้ว ถูกกว่าซื้อที่ประเทศไทย

ขอเตือนนิดนึงนะครับ สำหรับคนที่อยากจะซื้อ Iphone, Ipad, Samsung Galaxy หรือมือถือราคาแพงๆ จากสิงคโปร์ให้ระวังพวกร้านห้องแถวในห้างให้ดีครับ พวกนี้จะชอบตั้งราคาถูกเว่อร์ๆ พอเราจะเอาเค้าให้เราเซ็นรับสินค้าพร้อมรูดบัตรเครดิต ซักพักจะบอกอีกว่าราคายังไม่รวมประกัน ซึ่งประกันเนี่ยแพงกว่าราคาเครื่องซะอีก พอจะไม่เอาพวกก็ไม่ยอม ไม่คืนที่รูดก้อนแรกให้ด้วย จะกัดฟันจ่ายประกันก็ไม่คุ้ม รวมแล้วแพงกว่าบ้านเราเยอะ ดังนั้นไม่ควรซื้อเลยจะดีกว่าครับ จะได้ไม่ต้องเจ็บใจทีหลัง ประเทศที่เจริญอย่างสิงคโปร์ก็ยังมีมิจฉาชีพ ต้องระวังให้ดี

ถ้าเดินเลยห้าง Sim Lim Square ไปแล้วก็จะเข้าสู่ Little India หรือย่านคนอินเดียในประเทศสิงคโปร์ มัสยิดชื่อดังในย่านนี้ได้แก่ มัสยิด Abdul Gafoor เป็นมัสยิดสีเหลืองอ่อนตัดกับสีเขียว มัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบชาวมัวร์และอินเดีย

ถ้าเราสังเกตให้ดี ประเทศสิงคโปร์มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและศาสนามาก ประชากรมีทั้งจีน, มลายู, อินเดีย ศาสนาก็มีทั้งพุทธ, คริสต์, อิสลาม แต่ทุกคนก็อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ไม่มีทะเลาะ เพราะทุกคนรู้หน้าที่ ขอบเขตของตัวเอง และกฏหมายของประเทศสิงคโปร์แรงมาก ทำให้คนไม่กล้าทำผิด

แถวนี้ถึงแม้ว่าจะเป็น Little India เต็มตัว แต่ก็มีโบสถ์คริสต์ ในรูปบนเป็นโบสถ์ Church of True Light

ตึกแถวในย่าน Little India มีตึกเก่าๆ อยู่เยอะ เป็นตึกสูง 2 ชั้น ชั้นล่างทำค้าขาย ชั้นบนเป็นที่อยู่อาศัย ตัวตึกจะทาสีสันสดใส ดูจากรูปแบบสถาปัตยกรรมแล้วคล้ายๆ กับสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุเกส

เดินย่านนี้แล้ว ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในประเทศอินเดียเลย กลิ่นเครื่องเทศฟุ้งออกมาที่ถนนเลย

ร้านขายผัก ผลไม้ในย่าน Little India

มาถึง Little India แล้ว ก็ต้องไปชอปปิ้งที่ห้าง Mustafa ห้างขายของที่ขายมันทุกอย่าง ตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ

การเดินทางมา ห้าง Mustafa ให้นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี Ferrer Park ออกทางออก A แล้วเดินไปทางขวา ข้ามถนนแล้วเลี้ยวขวา เดินไปนิดเดียวก็เจอแล้ว

ภายใน ห้าง Mustafa จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 ขายของทั่วไปเช่นเสื้อผ้า รองเท้า ขนม ชอกโกแลต น้ำหอม เครื่องใช้ไฟฟ้า กล้องดิจิตอล เครื่องประดับ ส่วนที่ 2 จะเป็นซุปเปอร์มาร์เกต ของใช้ภายในบ้าน

นักท่องเที่ยวอย่างเราไปที่ส่วนแรกก็พอแล้วครับ ของที่คนไทยนิยมซื้อที่ Mustafa ส่วนมากจะเป็นชอกโกแลต โดยเฉพาะชอกโกแลตรูป Merlion เวลาซื้อไปฝากใครบ่งบอกได้อย่างดีว่าซื้อมาจากสิงคโปร์ ส่วนขนมอย่างอื่นก็มีให้เลือกเยอะ แต่ดูให้ดีว่า Made in Thailand หรือเปล่า เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าได้ซื้อของไทยในราคาสิงคโปร์แถมยังต้องหอบหิ้วกลับไทยอีก

นอกจากขนมแล้วก็นิยมซื้อน้ำหอมกัน น้ำหอมที่นี่ราคาถูก ถูกจนบางคนสงสัยว่าของปลอมหรือเปล่า ผมเองก็ดูไม่เป็นครับ

ใครที่ต้องการแลกเงินสิงคโปร์ (SGD) ที่มุสตาฟาก็มีให้แลกเงินด้วยนะครับ เรทค่อนข้างดีด้วย

จากที่ได้เดินเข้าไปดูราคาสินค้าหลายอย่าง ส่วนมากจะแพงกว่าบ้านเรา เลยไม่ค่อยได้อะไร ซักเท่าไหร่

ที่ซื้อกลับมามีชอกโกแลตรูป Merlion แพคขาย 2 กล่องในราคา 11.9 SGD ลองชิมแล้วอร่อยดีครับ และครีม Hezaline Snow กระปุกใหญ่ 100 ml ราคา 3.3 SGD และกระปุกเล็ก 50 ml 2.3 SGD ครีมตัวนี้ไม่มีขายในไทย ของที่จ่ายเงินแล้วทางร้านมุสตาฟาจะเอา Cable Tie รัดปากถุงไว้ คิดว่าคงเป็นการป้องกันขโมย ขนาดประเทศเค้าไม่ค่อยมีขโมยยังทำกันขนาดนี้เลย

ออกจาก Mustafa เข้าไปตากแอร์ในห้าง City Square Mall ห้างนี้มีร้านข้าวราดแกง อาหารไทยราคาถูก และร้านของทอดชื่อดัง OldChangKee

ร้าน Sky Thai ขายข้าวราดแกงราคาถูก กับ 2 อย่างราดข้าว 2 เหรียญกว่าๆ ใช้ข้าวหอมมะลิแท้ด้วย เราแวะกินมื้อกลางวันที่ร้านนี้

เดินเล่นในสิงคโปร์แปปเดียวหมดไปแล้วครึ่งวัน เดี๋ยวช่วงบ่ายเราจะข้ามไปเที่ยวบนเกาะ Sentosa กัน

การเดินทางไปเกาะ Sentosa

ให้นั่งรถไฟฟ้าสายสีม่วงไปลงสุดสายที่สถานี HarbourFront แล้วเข้าห้าง Vivo City ไปที่ชั้นบน จะมีรถไฟฟ้า Sentosa Express ข้ามไปเกาะ Sentosa

ที่ชั้นบนของห้าง Vivo City จะมีดาดฟ้าชมวิว สามารถมองไปได้ไกลถึงเกาะ Sentosa

ในรูปบนรถไฟฟ้า Sentosa Express สีส้มกำลังวิ่งไปเกาะ Sentosa และปราสาทที่เห็นเป็นปราสาท Shrek ใน Universal Studios Singapore

บนเกาะ Sentosa มีโรงแรมของ Resorts World Sentosa อยู่หลายโรงแรมเช่น Hardrock, Festive, Crockfords Tower, Hotel Michael แต่ละโรงแรมราคาค่อนข้างแพงประมาณคืนละหมื่นกว่าบาท

แผ่นพับ ข้อมูลท่องเที่ยว Sentosa

กลับมาข้างในห้าง Vivo City ต่อ ที่สถานี Sentosa ของรถไฟฟ้า Sentosa Express เราจะต้องเสียค่ารถไฟฟ้า Sentosa Express คนละ 3 SGD ราคานี้รวมค่ารถไฟฟ้า ค่ารถรางที่อยู่ในเกาะ Sentosa แล้ว เสียครั้งเดียวขากลับไม่ต้องเสียอีกแล้ว

สำหรับคนที่มีบัตร EZ-link อยู่แล้วก็แตะบัตรผ่านเข้าไปได้เลย ส่วนคนที่ไม่มีบัตร EZ-link ก็ต้องซื้อบัตรผ่านกับตู้ ราคา 3 SGD

การเดินทางมาเกาะ Sentosa นอกจากมาทาง Sentosa Express แล้วยังสามารถมาทางรถ, Cable Car, ทางเลื่อน Board walk แต่สะดวกสุดก็ต้อง Sentosa Express

เราลงที่สถานี Waterfront สถานีนี้เป็นที่ตั้งของสวนสนุก Universal Studios Singapore (USS) เต่เนื่องจากว่าปีที่แล้วเราก็เข้าไปเล่นใน USS มาแล้ว เลยตัดใจไม่เข้าดีกว่า ในช่วงที่ผ่านมาของปี 2011 – 2012 เครื่องเล่นที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ก็มี Transformer เพียงอย่างเดียว แต่หลายคนบอกว่า Transformer เป็นเครื่องเล่นที่สนุกมาก ถ้าเค้าคิดค่าตั๋วเฉพาะที่เล่นก็คงดี เราจะได้แวะไปเล่นTransformer อย่างเดียว

ใครที่ไม่ได้อ่านรีวิว Universal Studios Singapore ของปีที่แล้วที่ผมไปมา คลิกอ่านได้ที่นี่เลยครับ –> เที่ยวสวนสนุก Universal Studios Singapore และเกาะ Sentosa

คราวที่แล้วลูกโลก USS ปิดซ่อมครั้งนี้เลยถือโอกาสถ่ายรูปแก้ตัว ที่หน้าร้าน candylicious มีตุ๊กตา m & m ทำเป็นมุมให้ถ่ายรูป admin เลยให้แฟนถ่ายรูปให้ admin คือคนในรูปด้านล่างครับ เจอกันที่ไหนก็ทักทายได้ครับ

น้ำพุ Lake of Dreams

ใกล้ๆ กันนี้มีทางลงไป Casino พูดถึงเรื่อง Casino แล้วประเทศเพื่อนบ้านเราทั้งหมดต่างก็มี Casino กันทุกประเทศ จะว่าดีมันก็ดีที่เราไม่มี Casino มามอมเมาประชาชน แต่ข้อเสียมันก็มี ในปีนึงคนไทยไปเล่น Casino ที่ประเทศเพื่อนบ้านเป็นเงินจำนวนมาก เงินไหลออกจากประเทศ

ทางเข้า Casino

จากสถานี Waterfront ถ้าเราจะไปถ่ายรูป Merlion ตัวพ่อที่ Merlion Park เราสามารถเดินไปได้เลยครับ ไม่ต้องไปขึ้น Sentosa Express

Merlion ที่เกาะ Sentosa เป็น Merlion ตัวใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ ตรงปาก Merlion เป็นหอคอยชมวิว

ที่ด้านหลัง Merlion เป็นทางเดิน มีสระน้ำกระเบื้องลวดลายสวยอยู่ตรงกลางทางเดิน บริเวณนี้มีชื่อว่า Merlion Walk

เมื่อช่วงต้นปีผมไปเที่ยวทะเลภาคใต้บ้านเรามาหลายที่ทั้งฝั่งอันดามัน และ ฝั่งอ่าวไทย ขอมาดูทะเลที่สิงคโปร์บ้างว่าเป็นอย่างไร หาดที่เราจะไปเป็นหาด Siloso หาดที่สวยที่สุดในสิงคโปร์ การเดินทางไปหาด Siloso สามารถนั่งรถพ่วงนำเที่ยวที่ด้านล่างสถานี Beach Staion นั่งได้ฟรีครับ หรือถ้าจะเดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ก็ประมาณ 25 นาที ถึงหาด Siloso

ตรงข้ามกับที่รอรถเป็นอาคาร Ifly Singapore เครื่องเล่นที่มีลมดันขึ้นจากด้านล่างทำให้เราลอยได้ ใครอยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ แนะนำให้ลองเล่นดูครับ ก่อนจะเล่นจริงเค้ามี Train ให้เรา ว่าจะลอยตัวได้อย่างไร สอนเรื่องความปลอดภัย

ถนนบริเวณหาด Siloso จะไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้ามาได้ ถนนจึงดูร่มรื่นและโล่งๆ แบบนี้ ถ้าไม่รีบร้อนไปเที่ยวที่ไหนแนะนำให้เช่าจักรยานปั่นริมหาด ราคาอยู่ที่ 9.9 SGD

เราลงรถที่สุดสาย หาด Siloso สังเกตได้จากป้าย Siloso ขนาดใหญ่ริมหาด

ที่บริเวณ หาด Siloso วัยรุ่นสิงคโปร์ ชอบมาออกกำลังกายริมหาดเล่นวอลเล่ย์บอล, ฟุตบอล ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติก็มีมานอนอาบแดดบ้าง แต่ไม่เยอะเหมือนที่ประเทศไทย

ทะเลที่หาด Siloso ถึงน้ำจะไม่ใสมาก แต่มีดีที่ความสะอาด หาดนี้เล่นน้ำได้นะครับ แต่วิวไม่ค่อยสวยเท่าไหร่มีเกาะเล็กๆ ที่ใช้กันคลื่นบังวิวอยู่ ถ้ามองออกไปก็จะเจอแต่เรือสินค้าขนาดใหญ่ลอยลำอยู่เต็มไปหมด

ตอนเช้าฟ้ายังใสแดดดีอยู่เลย ตอนนี้เมฆเริ่มมาเยอะ อากาศที่สิงคโปร์ก็เป็นแบบนี้แหล่ะครับเอาแน่เอานอนไม่ได้ เลยตัดสินใจกลับโรงแรมดีกว่า

เรากลับโรงแรมไปพักเอาแรง ตากแอร์เย็นๆ รอจนเย็นแล้วออกไปเที่ยวต่อที่ Clarke Quay ย่านร้านอาหาร ผับ บาร์ และที่ท่องเที่ยวยามราตรีของสิงคโปร์

การเดินทางมา Clarke Quay ให้นั่งรถไฟฟ้าสายมีม่วงมาลงที่สถานี Clarke Quay ออกจากสถานีทางออก C

ที่ Clarke Quay นอกจากจะเป็นแหล่งรวมร้านอาหารแล้วยังมีเครื่องเล่นหวาดเสียว G-max Reverse Bungy โดยการเล่นนั้นจะให้เราอยู่ในแคปซูลแล้วจะมีเครื่องดึงแคปซูลจนได้ระดับแล้วปล่อย แคปซูลก็จะถูกเหวี่ยงไปด้านหน้าและเด้งกลับมา ราคาค่าเล่นอยู่ที่คนละ 40 SGD หรือถ้าอยากเล่นในราคาที่ถูกกว่านี้ 50% มาเล่นที่ในไทยก็ได้ครับ ที่ Santorini Park ชะอำ ผมเห็นมีเจ้าเครื่องเล่นนี้เหมือนกัน

สำหรับคนที่อยากชมบรรยากาศริมน้ำ แต่ไม่อยากเสียตังค์แพง ก็มานั่งเล่นที่ริมน้ำได้ครับ ลมเย็นๆ ดูเรือวิ่งผ่านไปมา

เรือ Bumble Bee Hop-On Hop-Off

ช่วงเย็นจะเป็นช่วงที่ถ่ายรูปสวยสุด ฟ้ายังไม่มืดมาก แต่ละร้านก็เริ่มเปิดไฟ เสียดายตรงที่ฟ้าครึ้มมาก ฝนใกล้จะตก

ตรงนี้คือร้าน Jumbo Seafood ร้านอาหารชื่อดังย่าน Clarke Quay เมนูแนะนำของร้านนี้จะเป็นพวกปู เช่นปูผักพริกไทยดำ, ปูผัดพริก ปูที่ร้านนี้ตัวใหญ่มาก เป็นปูนำเข้าจากศรีลังกา ส่วนราคาก็แพงตามบรรยากาศและชื่อเสียงของร้าน แต่ก็มีคนมากินเต็มทุกโต๊ะเลย

ห้าง Central ที่สถานีรถไฟฟ้า Clarke Quay

วันที่ 3 : Chinatown, Orchard, สนามบิน Changi บินกลับไทย

วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่มาเที่ยวสิงคโปร์ เครื่องออกเวลา 17.30 น. ยังมีเวลาเที่ยวอีกเยอะ ก่อนที่จะไปสนามบิน โปรแกรมของวันนี้คือไปที่ Chinatown ซื้อของฝากพวกพวงกุญแจ, Magnet, ชมวัดพระเขี้ยวแก้ว, วัดศรีมาริอัมมัน

การเดินทางมายัง Chinatown ก็นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี Chinatown ออกจากสถานีแล้วก็เตร็ดเตร่หามุมถ่ายรูปอยู่แถวนั้น ห้างที่เห็นในรูปบนเป็นห้าง People’s Park Centre ขายของที่ระลึก เสื้อผ้า หยก

เยื้องๆ กับ People’s Park Centre เป็นโรงแรม Hotel 81 Chinatown โรงแรมนี้ทำเลดีมาก ตัวตึกก็ทำสวยกลมกลืนกับย่าน Chinatown แต่ก่อนคนไทยนิยมมาพักที่นี่ แต่หลังๆ มา ราคาขึ้นเอาๆ ไม่สมกับเป็น Budget Hotel

ร้านหมูแผ่น Bee Cheng Hiang น่าจะเป็นสาขาที่ 2 ของย่าน Chinatown รสอร่อย แต่ราคาแพงอยู่เหมือนกัน บางคนก็ว่ารสชาติเหมือนหมูแผ่นที่เยาวราช บ้านเรา

รูปร่างเป็น โรงแรม Porcelain โรงแรมที่ผมเล็งไว้ตั้งแต่ทีแรกว่าจะมาพักที่นี่ แต่เล็งไว้นานไปหน่อยจนราคาขึ้น ถ้าใครกำลังหาที่พักที่สิงคโปร์ผมแนะนำโรงแรม Porcelain เลยครับ โรงแรมตกแต่งสวย ใหม่ ใกล้รถไฟฟ้า เดิน 5 นาทีถึง Chinatown ราคาประมาณ 2 พันปลายๆ ถึง 3 พันต้นๆ แต่โรงแรมนี้มีข้อเสียตรงนี้ห้องไม่ค่อยกว้างเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เล็กคับแคบแบบโรงแรมในฮ่องกง

ภารกิจต่อไปของผมคือพาแฟนไปดูพวงกุญแจ, Magnet ที่ Chinatown ครับ

พวงกุญแจในย่านนี้ผมว่าขายถูกที่สุดในสิงคโปร์แล้ว อย่างเช่นพวงกุญแจรูป Merlion ที่เป็นกรรไกรตัดเล็บด้วยอันละ 1 SGD แต่ถ้าเป็นพวงกุญแจโลหะธรรมดาขาย 30 อัน 10 SGD ตกแล้วอันละไม่ถึง 10 บาท

ร้านขายน้ำหอม ย่าน Chinatown

รูปล่าง Chinatown Heritage Centre เป็นพิพิธภัณฑ์ชาวจีน และ ร้านอาหาร

จากสถานีรถไฟฟ้า ถ้าเราเดินตรงมาจนสุดจะเจอกับ วัดศรีมาริอัมมัน (Sri Mariamman Temple) เป็นวัดฮินดูที่อยู่ในย่าน Chinatown

ที่กำแพงของวัดนี้มีนกพิราบเยอะมาก คิดว่าคงมีคนให้อาหารเป็นประจำ นกเลยไม่ไปไหน บริเวณกำแพงและรอบๆ มีขี้นกเยอะมาก ดูสกปรกไปเลย

วันที่ไปเห็นเค้ากำลังทำพิธีกันอยู่ เลยไม่ได้เข้าไปดูด้านใน

เราเดินย้อนกลับไปทางวัดพระเขี้ยวแก้ว ผ่านโรงแรม SANTA GRAND Hotel Chinatown โรงแรมนี้ก็ทำเลดีน่าพักครับ

ก่อนที่จะถึงวัดพระเขี้ยวแก้ว เราแวะเข้าไปดูใน Chinatown Complex ที่นี่เป็นคล้ายๆ ห้าง มีร้านขายของสารพัดอยู่เช่น ของฝาก ของที่ระลึก กระเป๋า เสื้อผ้า ศูนย์อาหาร และที่ชั้นล่างเป็นตลาดสด

ตลาดสดของสิงคโปร์ดูสะอาด พื้นไม่เปียกแฉะ ดูแล้วน่าเดินครับ

มาถึง Chinatown ถ้าไม่ได้มาที่ วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple & Museum) ก็เหมือนมาไม่ถึงครับ

วัดพระเขี้ยวแก้วถ้าดูจากภายนอกคล้ายปราสาท รูปแบบการก่อสร้างเป็นสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์ถัง ทาสีด้วยสีแดง

วันที่ไปมีการสวดมนต์อยู่ที่ด้านล่าง

การตกแต่งในตัวอาคารจะมีพระพุทธรูป เทพเจ้าต่างๆ จำนวนมาก

หลายคนที่มาวัดพระเขี้ยว อาจไม่รู้ว่าเราสามารถเดินชมที่ชั้น 2 – 4 และดาดฟ้าได้ด้วย บางชั้นไม่ให้ถ่ายรูป บางชั้นถ่ายรูปได้แต่ห้ามใช้แฟลช เพราะจะทำให้ภาพเขียน หรือวัดถุโบราณเสื่อมเร็วขึ้น

การขึ้นไปยังชั้นบนสามารถขึ้นไปทางลิฟต์หรือบันไดหนีไฟก็ได้ ผมขึ้นไปที่ชั้น 4 ก่อน แล้วไปดาดฟ้า แล้วก็เดินลงบันไดหนีไฟลงมา

ชั้น 4 จะมีพระพุทธรูปในปางต่างๆ ถ้าดูให้ดีจะเห็นว่าลักษณะพระพุทธรูปของแต่ละประเทศ มีลักษณะแตกต่างกันไป

จากชั้น 4 ขึ้นไปดาดฟ้าจะต้องเดินขึ้นบันไดเท่านั้น ไม่มีลิฟท์ แต่สำหรับผู้พิการมีเก้าอี้เลื่อนไฟฟ้าให้ขึ้นไปยังชั้นบนด้วย เห็นแล้วอยากให้ประเทศไทยมีทางขึ้นแบบนี้ให้กับผู้พิการด้วย จะได้ไปไหนมาไหนสะดวก

ที่ดาดฟ้าของวัดพระเขี้ยวแก้ว เป็นสวนและมีศาลา ภายในมีวงล้อคล้ายๆ ถังให้เราเดินหมุนถังได้ ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเอาไว้ใช้ในพิธีกรรมอะไร

ออกจากวัดพระเขี้ยวแก้ว เดินทางไปแหล่งชอปปิ้งที่ Orchard ก่อนที่จะไปสนามบิน เห็นรถ Taxi หรูสีดำจอดอยู่ข้างถนน อยากลองนั่งดูเหมือนกันครับ ไม่รู้ว่าจะแพงมากไหม

ทางลงไปรถไฟฟ้า

ในประเทศที่มีคนอยู่หนาแน่น และมีความเป็นระเบียบสูง ให้ลองสังเกตการขึ้นบันไดเลื่อนดูครับ ที่สิงคโปร์จะยืนชิดซ้าย ส่วนที่ฮ่องกงจะยืนชิดขวา หลีกทางให้คนที่รีบก้าวขึ้นไปได้

เรานั่งรถไฟฟ้าลงที่สถานี Dhoby Ghaut สถานีนี้เป็นต้นถนน Orchard

บริเวณถนน Orchard เป็นย่านชอปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ มีห้างใหญ่ๆ อยู่ติดถนนมากกว่าสิบห้าง ขายตั้งแต่ของ Brandnane กลางๆ เช่น Giordano, Bossini ไปจน Brand หรู แต่ราคาเสื้อผ้าผมว่าแพงครับซื้อบ้านเราถูกกว่า

ห้างแต่ละห้างอยู่ตึกติดๆ กัน

ใครที่เคยมา Orchard คงจะเคยเห็นบ้านหลังใหญ่ มีต้นไม้ร่มรื่นอยู่หน้าบ้าน สถานที่แห่งนี้เป็นบ้านพักประธานาธิบดีสิงคโปร์ ที่หน้าบ้านจะมีทหารถือปืนรักษาความปลอดภัย ในปีนึงจะเปิดบ้านให้เข้าชมในวันสำคัญ 2-3 วัน เราไม่กล้าถ่ายที่หน้าบ้านตรงๆ เลยต้องถ่ายแบบเฉียงๆ แบบนี้

มองดูเวลาแล้ว เราไม่รู้จะไปเที่ยวไหนต่อ เลยคิดว่าจะไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้กับโรงแรม แล้วไปสนามบิน Changi เลย

เราลากกระเป๋าขึ้นรถไฟฟ้า ไปลงที่สถานี Changi Airport แล้วไปที่ Terminal 3

ใครที่ชอปปิ้งเกิน 100 SGD สามารถทำเรื่องขอคืนภาษีได้ที่ GST Refund ตามรูปด้านล่างได้เลยครับ รู้สึกว่าจะมี GST Refund ทุก Terminal เลย

ก่อนเดินทางเราอ่านมาจาก Pantip ว่าที่ Terminal 3 ก่อนเข้า Departure มีภาพ 3 มิติให้ถ่ายรูปเล่น คล้ายกับ Art in Paradise ที่พัทยา

ถ้าอยากจะเข้าไปเล่นด้านในต้องต่อแถวเข้าคิวและถอดรองเท้า เมื่อยืนตรงกลาง จะมองเห็นภาพเป็น 3 มิติ เนื่องจากว่าผมไม่สามารถยืนตรงกลางได้เป๊ะ รูปเลยออกมาไม่ค่อยได้มิติเท่าไหร่ ถ้ายืนในตำแหน่งถูกต้องภาพจะออกมาเหมือนรูปด้านล่าง บันไดดูเหมือนเป็นขั้นจริงๆ คนก็เหมือนนั่งเก้าอี้จริงๆ

นอกจากภาพ 3 มิติ ที่ Terminal 3 แล้วเดี๋ยวผมจะพาไปดูอะไรแปลกๆ ที่ชั้น B2 ของสนามบิน Changi

The Slider @ T3

ที่ชั้น B2 มีสไลเดอร์ในสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก สามารถพาเด็กๆ ไปเล่นได้ฟรีครับ อยู่ในโซนด้านนอก ไม่ต้องขึ้นเครื่องก็เข้าไปได้

เตรียมตัวลง

ลงมาที่ชั้นล่าง

จุดที่สูงที่สุดของสไลเดอร์มีความสูงจากพื้นดิน 12 เมตร ถ้าอยากจะลงมาจากด้านบนสุด เสียค่าใช้จ่ายคนละ 10 SGD แต่ถ้าลงจากชั้น B2 เล่นได้ฟรี

สไลเดอร์เปิดเวลา 12.00 – 22.30 น.

ตรงข้ามกับสไลเดอร์มีโรงหนัง 4D ให้บริการ แต่เสียค่าใช้จ่ายด้วยนะครับ

สนามเด็กเล่นเล็กๆ

ร้านอาหารในสนามบิน

เรานั่ง Skytrain จาก Terminal 3 มา Terminal 1 สายการบิน Air Asia จะขึ้นเครื่องที่ Terminal 1

Counter Check-in อยู่แถวสุดท้ายเลย เดินไกลมาก พอมาถึงเจอช่อง Baggage Drop เต็มไปหมด แถวสั้นด้วย พอไปถึงก็โหลดกระเป๋าได้เลย ทำ Web Check in มาจากบ้านก็สะดวกรวดเร็วแบบนี้ครับ

เราเข้าไปในส่วนของผู้โดยสารขาออก (Departure) ดูในคู่มือสนามบินบอกว่ามีสวนกระบองเพชรที่ Terminal 1 ด้วย เดี๋ยวไปดูกัน

อันนี้เป็นสวนไดโนเสาร์ รูปแบบของสวนน่าจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

สวนกระบองเพชรของ Terminal 1 จะต้องเดินไปทางซ้ายมือจนสุด Terminal 1

ร้านขายของ Brand name ในสนามบิน Burrerry, Gucci

สวนกระบองเพชรจะอยู่ชั้นบน ต้องขึ้นบันไดเลื่อน ขึ้นไปด้านบน

ถึงแล้วครับสวนกระบองเพชรกลางแจ้งของสนามบิน Changi กระบองเพชรที่ปลูกก็จะเป็นพันธุ์ที่ปลูกขึ้นง่าย แม้ว่าจะไม่สวยเหมือนสวนนงนุช แต่ก็ดูดีแล้วสำหรับสนามบิน

บริเวณสวนกระบองเพชรเป็นที่สำหรับสูบบุหรี่ เราชมได้ไม่นานก็ต้องรีบออกมา เพราะกลิ่น/ควันเยอะมาก

ออกจากสวนกระบองเพชรเป็นโซน Family มีที่ให้เปลี่ยนผ้าอ้อม ห้องแม่ให้นมลูก สุดยอดจริงๆ ครับสนามบิน Changi

ร้านรองเท้าบาจา (Bata) ในสนามบิน Changi

ไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างที่ผมเคยคิดหรือเปล่า ตอนแรกผมคิดว่ารองเท้าบาจา เป็นยี่ห้อรองเท้าของคนไทย ประกอบกับชื่อ Bata (บาทา) แปลว่าเท้า เลยยิ่งมั่นใจไปใหญ่ พอได้ไปเที่ยวต่างประเทศหลายๆ ประเทศก็เห็นร้าน Bata อยู่หลายประเทศ เลยลองค้นหาประวัติดู กลายเป็นว่าเป็นรองเท้าของประเทศเชค (Czech) มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สวิสเซอร์แลนด์ ถึงแม้ว่าจะเป็นรองเท้าสัญชาติยุโรปแต่ก็ทำออกมาดีและราคาไม่แพง

Gate ขึ้นเครื่องของเราอยู่ที่ D38 เป็น Gate ที่อยู่ไกลสุดของ Terminal T1

ที่สนามบิน Changi สิงคโปร์จะสแกนสัมภาระก่อนเข้า Gate ไม่เหมือนสนามบินอื่นที่สแกนหลังจากผ่าน ตม. ไปแล้ว ข้อดีคือเราสามารถหิ้วน้ำดื่มจากด้านนอกเข้าไปได้จนถึงหน้า Gate เลย ส่วนข้อเสียคือภายใน Gate ไม่มีห้องน้ำ ถ้าจะเข้าห้องน้ำต้องออกจาก Gate มาเข้าข้างนอก แล้วก็ต้องตรวจสัมภาระกันใหม่

เที่ยวบินขากลับของเรา FD 3508 ออกเดินทางเวลา 17.30 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 18.50 น. เที่ยวบินนี้มีงวงช้างขึ้นเครื่องด้วยครับ เดินขึ้นเครื่องได้เลย

สำหรับทริปนี้ ก็ขอจบดื้อๆ แต่เพียงเท่านี้ครับ ทริปหน้าจะพาลงใต้ไปนั่งกระเช้าที่หาดใหญ่ ไปชอปปิ้งที่ตลาดกิมหยง ใครจะสอบถามเรื่องทริป ก็ Comment มาถามได้ที่ช่องด้านล่างเลยครับ 🙂

สรุปค่าใช้จ่ายเที่ยวสิงคโปร์ 3 วัน 2 คืน ของ 2 คน

– ค่าตั๋วเครื่องบิน Air Asia รวมเลือกที่นั่งและโหลดกระเป๋า 15 Kg ไป / กลับ 6,680 บาท (โปรฯ Big Sale)

– ค่าโรงแรม Hotel 81 Bencoolen 2 คืน 3,500 บาท x 2 คืน = 7,000 บาท

– ค่าเดินทางในสิงคโปร์? 21.85 SGD x 2 = 43.7 SGD หรือประมาณ 1,092 บาท

– ค่ากิน 7 มื้อ 90 SGD หรือประมาณ 2,250 บาท

– ซื้อของที่ระลึก ของฝาก 1,200 บาท

รวมทั้งหมด 18,222 บาท เฉลี่ยคนละ 9,111 บาท

Link. เช็คราคาโรงแรม Hotel 81 Bencoolen รับประกันราคาถูกสุด

เที่ยวต่างประเทศ ไม่ง้อทัวร์

เซินเจิ้น ฮ่องกง 1 ฮ่องกง 2 มาเก๊า
มาเลเซีย มะละกา ชอปปิ้งในมาเลเซีย Genting (เกนติ้ง)
สิงคโปร์ 1 USS & Sentosa สิงคโปร์ 2 บาหลี

Post Views 197733

admin

นักเขียนประจำ emagtravel.com

97 thoughts on “รีวิวเที่ยวสิงคโปร์ด้วย Air Asia 3 วัน 2 คืน ไม่ง้อทัวร์

  • June 6, 2012 at 6:57 pm
    Permalink

    ตามมาดูรีวิวนะคะ สุดยอดมากเลยค่ะ ^^ อยากไปเร็วๆบ้างแล้ว อิอิ

  • June 21, 2012 at 2:39 pm
    Permalink

    รีวิวละเอียดดีมากคะ เห็นแล้วอยากไปเร็วๆ ^^

  • July 31, 2012 at 11:00 pm
    Permalink

    ไปเที่ยวสักกี่วันดีคะ อยากไปช่วงกลาวงเดือนสิงหาคมค่ะ อ่านที่ไปแล้วดูแน่นๆเหมือนกันนะคะ อยากมีเวลาเดินไป พักไป กินไป shoppingไปค่ะ และไม่ทราบว่าช่วงนี้มี promotion ตั๋วเครื่องบินไปสิงคโปร์ไหมคะ

    ขอบคุณค่ะ
    Paan

  • September 3, 2012 at 6:23 pm
    Permalink

    ขอบคุณมากครับสำครับข้อมูล ผมจองตั๋วไปแล้วไป ต้นเดือนมกราคมนะครับ แต่โรงแรมยังไม่จ้อง คิดว่าจะไปหาเอา ไปถึงสิงคโปร์เลย ไม่รู้ว่าจะมีปัญหามั้ย ช่าวยแนะนำหน่อย อยากได้ห้องเดียวที่พัก3คน แต่เรามีเด็กไปด้วย2 คนเขาจะคิดยัง และเราจะต้องจองแบบไหน และจองทางเน็ตกับไปหาที่นั้นเลยตอนถึงที่มันจะลำบากมั้ย ผู้ใดรู้ช่วยแนะนำและตอบทางเมลล์ก็ได้จะเป็นพระคุณอย่างมากครับ ตอนนี้ก็กำลังหาข้อมูลไปเลื่อยๆนะครับ

  • September 3, 2012 at 6:30 pm
    Permalink

    ตอบคุณ ruj

    เรื่องโรงแรมอยากให้จองไปเลยครับ เอาเวลาเดินหาโรงแรมไปเที่ยวดีกว่า ยิ่งมีเด็กไปด้วยผมว่าไม่สะดวกครับ เดี๋ยวนี้ในอินเตอร์เนตมีรีวิวโรงแรมแทบจะทุกโรงแรมในสิงคโปร์ เราสามารถดูเป็นข้อมูลในการตัดสินใจจองโรงแรมได้ครับ

    ปกติแล้วเด็กอายุเกิน 10-11 ปี เค้าจะนับเป็นผู้ใหญ่ครับ ผมคิดว่าน่าจะจองห้อง Triple room หรือไม่ก็ Family room

  • September 3, 2012 at 7:19 pm
    Permalink

    ครับผม แล้วไหนดีครับ เกลัง ไชน่าทาวน์ หรือ ลิตเติลอิเดียดีครับ ไป ผู้ใหญ่ 3คน เด็ก 2คน (7/11) ครับ จองทางเน็ตเขาจะหักบัตรเครดิตเลยใช่มั้ยครับ ราคาอยู่ที่ประมาณเท่าไรครับตอนนี้หาข้อมูลทุกวัน ครั้งก่อนไปนอนคอนโดของเพื่อน ครั้งนี้เขาไม่อยู่ เลยหาเองครับ

  • September 3, 2012 at 11:08 pm
    Permalink

    ตอนนี้ได้ที่พักแล้วค่ะ resorts world 3วัน2คืน 6800บ./ท่าน + บัตรUss + คูปองทานอาหาร10SGD ยังไม่ได้จองตั๋วเครื่องค่ะ จะไปช่วง พ.ย. นี้ แต่เราทั้ง2คนพูดภาษาอังกฤษได้แย่มากค่ะ ช่วยแนะนำด้วยค่ะ คือ1.ถ้าพักที่นี้จะไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆนอกเซ็นโตซ่าลำบากมั้ยมค่ะและไปยังงัยค่ะ 2.ไปถึงเอาสัมภาระเก็บแล้วควรไปที่ไหนก่อนดีค่ะ ขอบคุณคะ

  • September 4, 2012 at 9:11 pm
    Permalink

    รีวิวได้เห็นภาพมากๆเลยค่ะ ชอบมากเลย ไม่ทราบว่าพอจะมีบัตรEZ link ให้ยืมหรือเปล่าคะ พอดีว่่ไปกันสองสาวยไม่อยากให้งบบานปลายน่ะค่ะ ขอบคะนมากค่ะ

  • September 4, 2012 at 9:19 pm
    Permalink

    ตอบคุณ namida

    เรื่องบัตร EZ link อยากจะแนะนำให้ซื้อเอาที่โน่นเลยครับ ก่อนกลับก็ refund บัตรจะเสียค่ากินเปล่าไปประมาณ 120 บาท / ใบครับ

  • September 9, 2012 at 1:00 am
    Permalink

    ชอบรีวิวนี้มากจนแพลนตามแล้วค่ะ จองตั๋วกับโรงแรมผ่าน Expedia พักโรงแรมเดียวกับแอดมินด้วยค่ะ ได้ราคาทั้งตั๋วและโรงแรมเพียง 6250 บาทต่อคน ตั๋วแอร์เอเซีย และโรงแรม 81 Bencoolen พักสองคืนเหมือนกันค่ะ จะไปปลายเดือนหน้าแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ เราจะเที่ยวตามแบบเป๊ะๆเลย อิอิ ง่ายดี ไปสิงค์โปร์มาสามรอบแล้วยังเที่ยวไม่คุ้มเท่าที่แอดมินรีวิวเลยค่ะ รอบนี้ตั้งใจมาก ว่าจะไปให้ครบตามรีวิวเลยค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

  • September 11, 2012 at 7:37 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Nim

    ยินดีมากๆ เลยครับที่คุณ Nim อ่านรีวิวแล้วไปเที่ยวตามได้เลย แนะนำให้ไป Garden By The Bay ด้วยนะครับ เป็นสวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่ที่เพิ่งจะเปิดหลังผมไปได้ 1 เดือน อยู่ย่าน Marina Bay ครับ

  • October 2, 2012 at 7:21 am
    Permalink

    จะเดินทางวันที่ 13 ตุลานี้แล้วครับ
    อยากสอบถามว่า ที่สิงคโปร์ มีพิพิธภัณฑ์ อะไรน่าสนใจเดินทางสะดวกไหมครับ
    พักแถว ไชน่าทาวน์ ไปกัน 8 คนครับ สองวันแรกจะเที่ยวพิพิธภัณฑ์กันครับ
    ช่วยแนะนำ ด้วยครับ
    ที่เล็งๆ ไว้ คือ asian civilization museum กะ Peranagan Museum
    มีอันไหนที่น่าไป น่าสนใจ รึอยู้ใกล้ๆ เดินทางง่ายๆ อีกไหมครับ
    แล้ว red dot museum กะ mint museum อันไหนน่าสนใจกว่ากันครับ
    พอดีกรุ๊ปที่ไป สนใจ museum กันทั้งคณะครับ
    ขอบคุณนะครับ

  • October 3, 2012 at 7:14 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Dan

    เรื่อง Museum ผมไม่ค่อยสันทัดครับ แต่เคยอ่านเจอมาว่า พิพิธภัณฑ์ Images of Singapore ที่เกาะ Sentosa น่าไปครับ

  • October 5, 2012 at 3:33 pm
    Permalink

    รบกวนแนะนำด้วยค่ะ มีเวลา 4 วัน 3 คืน มีแพลนดังนี้ค่ะ

    1 จองตั๋วกับหางแดงไว้แล้ว ได้ไฟลท์เช้า ไปมาเลเซียค่ะ มีเวลาเที่ยวที่ มาเลเซีย 1 วัน แนะนำด้วยค่ะ
    – ควรพักที่ไหน ที่เดินทางสะดวกดีคะ เพราะตอน บ่าย 2 วันรุ่งขึ้น ต้องบินไป สิงคโปร์ ต่อค่ะ
    – ค่าใช้จ่ายสำหรับ มาเลเซีย 1 วัน ประมาณเท่าไหร่คะ
    – มีเวลา เที่ยวแค่ ครึ่งวันที่มาเลเซีย เราสามารถเที่ยวได้ดึกสุดกี่โมงคะ รถมีตลอดหรือเปล่า

    2.แนะนำที่พักสิงคโปร์ที่เดินทางไม่ยาก ด้วยค่ะ เนื่องจาก เพิ่งเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก และ ก็ไม่ค่อยเก่งภาษาสักเท่าไหร่
    – ค่าใช้จ่ายในสิงคโปร์แพงมากไหมคะ ควรเตรียมเงินไปเท่าไหร่ดี สำหรับ 2 คืน 3 วัน

    รบกวนแนะนำด้วยค่ะ gift_koh@hotmail.com

  • October 12, 2012 at 9:10 am
    Permalink

    รีวิวละเอียดมากค่ะ อ่านเพลินจนหายง่วงเลย^^ รบกวนถามนิดนึงนะคะ ส่วนของการขอคืนภาษีอ่ะค่ะ ต้องทำไงบ้างคะ ต้องลงทะเบียนผู้เสียภาษีก่อนรึป่าว? หรือทุกคนมีสิทธิเรียกคืนได้อยู่แล้วอ่ะคะ

  • October 17, 2012 at 12:57 pm
    Permalink

    สอบถามนะคะ ถ้าจะไปแบบadminเลย ต้องเติมเงินในตั๋วEZ-LINK เท่าไหร่คะ เพราะทราบว่าค่ารถเมล์ รถไฟฟ้าเค้าไม่มีทอนกัน ต้องเตรียมพอดีๆไปว้เลย ขอบคุณค่ะ

  • October 17, 2012 at 1:04 pm
    Permalink

    ตอบคุณ pook

    เติมประมาณ 20 SGD ครับ แบ่งเติมที่ละ 10 SGD ก็ได้ครับ

  • October 17, 2012 at 1:06 pm
    Permalink

    ตอบคุณ vj

    ถ้าชอปปิ้งที่สิงคโปร์ มูลค่าตั้งแต่ 100 SGD ขึ้นไปในร้านเดียวกัน วันเดียวกัน ขอเอกสารคืนภาษีจากทางร้านมาคืนภาษีที่สนามบินได้เลยครับ สำหรับภาษีที่ได้คืนก็ 7% ของยอดที่ซื้อ ไม่ต้องไปลงทะเบียนล่วงหน้านะครับ

  • November 17, 2012 at 9:06 am
    Permalink

    ไปสิงค์โปร์ครั้งแรก ไม่ง้อทัวร์ครั้งแรกกับครอบครัว
    ประทับใจความเป็นมิตรอยากช่วยเหลือ มีน้ำใจของชาวสิงค์ลา มากสุดๆ:-)

  • December 9, 2012 at 8:38 pm
    Permalink

    สนใจโรงแรมที่แนะนำค่ะ Porcelain แต่ไปปีหน้า เดือน กย. เลยอยากขอคำแนะนำว่าควรจองไปก่อนเลยหรือว่ารอสักสามเดือนก่อนเดือนทางค่อยจองดีกว่า

  • December 9, 2012 at 8:51 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Naninee

    ถ้าจองแล้วยังไม่เสียตังค์ ยกเลิกได้ฟรี ก็จองได้ครับ แต่ถ้าจองแล้วจ่ายเงินเลย จองล่วงหน้าซัก 1-2 เดือนก็ได้ครับ

  • January 25, 2013 at 10:54 am
    Permalink

    พอดีจะไปเที่ยวอ่ะคะ แต่ไม่มีความรู้ทางด้านนี้เลยอ่ะค่ะ รบกวนพี่ช่วยแนะนำหน่อยได้มั้ยคะ

  • January 25, 2013 at 11:47 am
    Permalink

    รบกวนตอบกลับทางเมล์นะคะ ขอบคุณค่ะ

  • January 25, 2013 at 11:50 am
    Permalink

    ตอบคุณ punaka

    ไม่ทราบว่าจะให้แนะนำตรงไหนครับ สงสัยตรงไหนก็ถามได้เลยครับ 🙂

  • January 28, 2013 at 9:15 pm
    Permalink

    ถามนิดนึงค่ะ ถ้าไปแบบครอบครัว 5 คน ควรพักโรงแรมไหนดีค่ะ ผู้ใหญ่ 5 คนเรยค่ะ
    แนะนำเรื่องโรงแรมให้หน่อยนะคะ

  • January 28, 2013 at 9:23 pm
    Permalink

    ตอบคุณ minikung

    แนะนำ Marina Bay Sands ครับ ทำเลดีขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ เดินไป Merlion, Garden by the Bay ได้ ใกล้รถไฟฟ้าด้วย

  • February 5, 2013 at 11:31 am
    Permalink

    มันแพงมากเลยคร้าาา คุณ admin มีที่ราคาไม่แพงมากบ้างไหมคะ

  • February 6, 2013 at 10:10 am
    Permalink

    ขอบคุณสำหรับรายละเอียดนะคะ แต่ไปครั้งแรกก็ไม่กล้าไปเอง คงต้องง้อทัวร์ก่อนค่ะ มีทัวร์แนะนำมั๊ยคะ ขอบคุณค่ะ

  • February 6, 2013 at 7:00 pm
    Permalink

    ตอบคุณ vilaai

    เรื่องทัวร์ไม่ทราบเลยจริงๆ ครับ ยังไงสิงคโปร์ผมก็แนะนำให้ไปเอง สิงคโปร์เที่ยวง่ายเหมือนอยู่ในกรุงเทพฯ ยกเว้นแต่มีเด็ก หรือผู้สูงอายุแบบนั้นทัวร์จะสะดวกกว่า

  • February 19, 2013 at 6:12 pm
    Permalink

    โทดนะคะไม่ทราบว่าใช้กล้องของอะไรคะ ชอบภาพถ่ายมากๆค่ะ 🙂

  • February 19, 2013 at 7:16 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Sorn

    ใช้ Canon 500D + Len 18-55IS และ SIGMA 10-20 ครับ 🙂

  • March 16, 2013 at 6:39 pm
    Permalink

    พอจะทราบเส้นทางจากสนามบินไปโรงแรมOrchard Hotel Singapore ที่ถนนOrchardไหมคร้า

  • March 18, 2013 at 7:43 pm
    Permalink

    ขอบคุณมากๆ สำหรับข้อมูลต่างๆ กำลังจะเดินทางไปเที่ยว 11-13 พ.ค.56 กับ ลูกชายค่ะ

  • April 24, 2013 at 5:41 pm
    Permalink

    ไม่สันทัดภาษาอังกฤษเท่าไหร่ค่ะ ถือว่าเป็นอุปสรรคในการไปมั้ยคะ

  • April 24, 2013 at 6:57 pm
    Permalink

    ตอบคุณ busaba

    ถ้าเราทำการบ้านมาเป๊ะแล้ว ภาษาก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่ครับ แต่อย่างน้อยควรสื่อสารตอนเช็คอินโรงแรม ฝากกระเป๋า ซื้อของได้

  • April 26, 2013 at 4:52 pm
    Permalink

    ขอบคุณค่ะ ถ้าอย่างนั้นก็พอไหว

  • May 9, 2013 at 8:33 pm
    Permalink

    แหะๆ อยากไปเที่ยวด้วยตัวเองบ้าง แต่ภาษาอังกฤษ ไม่แข็งแรงจริงๆ (ป่วยด้วยมั๊ง)
    แต่จะพยายามลอก ทริปนี้ ของ Admin ให้ได้….(สักวันหนึ่ง)
    ว่าแต่ขอฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม กับให้เขาเติมเงินในบัตร Ez-link
    ภาษาปะกิต เขาพูดว่ายังไงค่ะ

  • May 9, 2013 at 8:37 pm
    Permalink

    จริงๆ ค่ะ ไม่ได้ล้อเล่น
    อย่างอื่นกะจะไม่พูดอะไรเลย ชี้ๆ เอาอย่างเดียว

  • May 9, 2013 at 8:41 pm
    Permalink

    ตอบคุณ sunta023

    บอกตามตรงเลยครับผมก็ไม่เก่งภาษาอังกฤษเหมือนกัน แค่พอเอาตัวรอดได้ ไปเที่ยวต่างประเทศมันจะมีประโยคหากินอยู่ไม่กี่ประโยคครับ ไปบ่อยๆ ก็จำได้

    ฝากกระเป๋าที่โรงแรม
    – Can I left luggage?

    เติมเงินในบัตร Ez-link (ปกติใช้เครื่องเติมเอาครับ สะดวกดี)
    – Top up (จำนวนเงิน) dollar please

    ซื้อบัตร Ez-link
    – Buy Ez-link (อีซี ลิงค์) 1 card please

    และที่สำคัญเวลาเราขอให้ใครทำอะไรให้อย่าลืมต่อท้ายด้วย please นะครับ ถ้าใครบริการให้เราเสร็จแล้วก็อย่าลืม Thank you ด้วย ภาษาอังกฤษสำหรับท่องเที่ยวไม่ยากครับ 🙂

  • May 16, 2013 at 10:37 pm
    Permalink

    สวัสดีคับ
    ผมไปอยู่ 5 วันควรซื้อบัตร tourism หรือ EZ LINK ดีคับ

    รบกวนช่วยแนะนำร้านอาหารอร่อยๆ หน่อยครับ

    ผมจะไป Universal ควรซื้อจากเอเยนต์ไทยหรือไปซื้อที่ people park center ดีกว่าคับ
    ขอบคุณคับ

  • May 16, 2013 at 11:05 pm
    Permalink

    ตอบคุณ beta

    ผมไปอยู่ 5 วันควรซื้อบัตร tourism หรือ EZ LINK ดีคับ
    – ไม่ทราบว่าเดินทางเยอะขนาดไหนครับ เช้าถึงค่ำเลยหรือเปล่า ถ้าใช่ก็ Singapore Tourist Pass เลยซื้อแบบ 3 วัน 20 SGD แล้วเดินทาง 3 วันแรกให้เยอะ วันที่ 4-5 บัตรนี้จะกลายเป็น EZ-link วันที่ไปเล่น USS ก็เอาไว้วันที่ 4 เพราะเดินทางน้อย
    – รบกวนช่วยแนะนำร้านอาหารอร่อยๆ หน่อยครับ
    แนะนำร้าน Jumbo seafood ครับ เมนูพวกปู เป็นปูจากศรีลังกา หรือลองไปเดินดูแถว Clark Quay ก็ได้ครับ ร้านดังๆ จะอยู่ย่านนี้

    – ผมจะไป Universal ควรซื้อจากเอเยนต์ไทยหรือไปซื้อที่ people park center ดีกว่าคับ
    ไม่ทราบไปตอนไหนครับ ตอนนี้มีโปรลด 15% ของ USS ร่วมกับ Master card http://www.rwsentosa.com/language/en-US/Homepage/Promotions เค้าจะมีโปรฯ มาตลอดครับ ต้องหมั่นเข้าไปดู แต่ถ้าช่วงนี้ไม่มีโปรฯ ก็ไปซื้อที่ร้าน Sea Wheel Travel ย่าน Chinatown ก็ได้ครับ ซื้อที่ไหนก็ได้ครับ ที่ถูกที่สุด

  • July 5, 2013 at 8:51 am
    Permalink

    รบกวนขอคำแนะนำจาก Admin ครับ ผมวางแผนจะไปเที่ยวสิงคโปร์ 3 วัน 2 คืนช่วงปลายปีนีัครับ แต่ลังเลอยู่ว่าจะไปวันธรรมดาหรือไปให้ตรงเสาร์อาทิตย์ดีน่ะครับ ถ้าจะไปเที่ยวสิงคโปร์วันธรรมดามีข้อดีหรือข้อเสียยังไงบ้างครับ รบกวนขอคำแนะนำจาก Admin ด้วยนะครับ

    ขอบคุณมากครับ

  • July 5, 2013 at 8:58 am
    Permalink

    ตอบคุณ oudy ไม่ทราบว่าไป Uss ด้วยหรือเปล่าครับ ค่าตั๋ววันธรรมดาจะถูกกว่า

  • July 5, 2013 at 11:04 am
    Permalink

    uss อาจจะไม่ไปน่ะครับ ตอนนี้ที่วางแผนไปแน่นอนจะมี
    1.S.E.A. Aquarium
    2.Singapore Cable Car
    3.Singapore Flyer
    4.สวนนก

    นอกนั้นกำลังพิจารณาอยู่ครับ พอดีไม่เน้นสวนสนุกครับ

    ขอคำแนะนำเพิ่มเติมนะครับ
    1.ระหว่าง Singapore River Cruise กับ Singapore Duck Tour อันไหนน่าจะดีกว่าครับ
    2.ซื้อบัตรจากเมืองไทยผ่าน Web: SingaporeFanclub ไปเลยดีกว่ามั๊ยครับ
    3.ตกลงวันธรรมดาก็ไปเที่ยวได้เหมือนวันเสาร์อาทิตย์เลยใช่มั๊ยครับ คนจะน้อยกว่าเยอะมั๊ยครับ

  • July 8, 2013 at 7:19 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Oudy

    1.ระหว่าง Singapore River Cruise กับ Singapore Duck Tour อันไหนน่าจะดีกว่าครับ
    – Duck Tour น่าจะสนุกกว่านะครับ เค้าได้รับรางวัลนี้มาครับ Winner of the Tourism Awards Singapore

    2.ซื้อบัตรจากเมืองไทยผ่าน Web: SingaporeFanclub ไปเลยดีกว่ามั๊ยครับ
    – ถ้าไม่ Fix วันก็ซื้อได้ครับ บางวันฝนอาจจะตก

    3.ตกลงวันธรรมดาก็ไปเที่ยวได้เหมือนวันเสาร์อาทิตย์เลยใช่มั๊ยครับ คนจะน้อยกว่าเยอะมั๊ยครับ
    – เที่ยววันธรรมดาดีกว่าครับ ค่าใช้จ่ายถูกกว่า คนไม่เยอะมากด้วย

  • July 11, 2013 at 7:09 pm
    Permalink

    ไม่เคยขึ้นเครื่องมาก่อนเลยค่ะ กำลังจะไปสิงคโปร์กับพี่สาว อยากสอบถามว่าพอเราโหลดกระเป๋าเสร็จแล้วก็เข้าGateได้เลยใช่มั้ยคะ แล้วเมื่อถึงสิคโปร์ต้องผ่านตม.ก่อนแล้วค่อยไปเอากระเป๋าที่สายพานใช่มั้ยคะ เราต้องเดินไปตามป้ายคำว่าอะไรหรอคะ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าไปเอากระเป๋าที่ล็อกไหน กระเป๋าจะหายมั้ยคะคือกลัวมากเรยค่ะ

  • July 11, 2013 at 7:19 pm
    Permalink

    ตอบคุณ dao

    ขั้นตอนเป็นแบบนี้ครับ ถึงสนามบิน –> Check in สายการบิน + โหลดกระเป๋า –> ได้ใบ ตม. ไทยมา –> เข้า ตม. –> ไปที่ Gate รอขึ้นเครื่อง

    ถึงสิงคโปร์ –> เข้า ตม. (immigration) –> รับกระเป๋าที่สายพาน (baggage claim) จะมีจอบอกครับว่าสายพานนี้ของเที่ยวบินอะไร

    กระเป๋าไม่หายหรอกครับ แต่ผมขอแนะนำให้หาสายคาดกระเป๋าสีเด่นๆ มาคาดไว้ หรือติดริบบิ้นสีที่หูหิ้ว จะได้สังเกตเห็นได้ง่าย คนอื่นไม่หยิบผิด

  • July 11, 2013 at 7:22 pm
    Permalink

    ขอบคุณมากนะคะ

  • August 6, 2013 at 11:53 pm
    Permalink

    อยากสอบถามการท่องเที่ยวในเกาะ Sentosa ค่ะ
    ตามที่วางแผนไว้
    1. Underwater World – Dolphin Lagoon
    2. USS
    3. ปิดท้ายด้วย Song of the sea
    เวลาใน 1 วัน จะเพียงพอมั๊ยคะ คือ USS คงจะไม่เล่นเครื่องเล่นอะไรมากมายค่ะ
    อ้อ เดินทางวันธรรมดาค่ะ คนคงไม่หนาแน่นมากมั็งคะ
    รบกวนสอบถามการเดินทางในเกาะด้วยค่ะ จากที่วางแผนไว้ต้องเดินทางยังงัยบ้างคะ
    ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

  • August 7, 2013 at 9:42 pm
    Permalink

    ตอบคุณ ja_ae

    ถ้าจะทำให้ครบทั้ง 3 ที่ใน 1 วันก็พอจะทำได้นะครับ แต่จะเหนื่อยนิดหน่อย วันธรรมดาคิดว่าคนคงไม่เยอะมากครับ

    1. Underwater World ? Dolphin Lagoon
    – นั่งรถไฟฟ้าจาก Vivo city ไปลงสถานี Beach Station สถานีสุดท้ายเลย แล้วต่อรถรางฟรีไปลงป้าย Siloso point

    2. USS
    – นั่งรถไฟฟ้าจากสถานี Beach Staion ลงที่สถานี Waterfront

    3. ปิดท้ายด้วย Song of the sea
    – นั่งรถไฟฟ้าไปลงสถานี Beach Station

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *