เจษฎา เทคนิค มิวเซียม พิพิธภัณฑ์รถโบราณ นครปฐม

สำหรับคนที่ชอบชมรถโบราณ มอเตอร์ไซค์เก่า เวสป้า ยานพาหนะรุ่นเก่าสมัยสงครามโลก Classic car หรือ เฮลิคอปเตอร์ เครื่องบิน ที่หาชมได้ยาก วันนี้เรามีสถานที่มาแนะนำครับ ไปกันที่ เจษฎา เทคนิค มิวเซียม อ. นครชัยศรี จ. นครปฐม ใกล้ๆ กรุงเทพฯ นี่เอง

เมื่อมาถึงแล้วจอดรถได้ที่ริมถนนหน้าพิพิธภัณฑ์ แล้วเดินเข้าไปได้เลยครับ

Jesada Technik Museum สังเกตคำว่า Technik นะครับ เขียนแบบภาษาเยอรมัน

รถรับส่งนักเรียน นำเข้าจากต่างประเทศ

จากประตูทางเข้ามองเห็นรถที่อยู่ในโรงจอดเยอะมาก ยิ่งตื่นเต้น อยากเข้าไปชมไวไว

เดินเข้าไปถึงตรงนี้มีพนักงานบอกให้เราเข้าไปลงทะเบียนที่ทางด้านซ้ายมือก่อน

เค้าจะมีแบบสอบถามให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัว และสนใจอะไรในพิพิธภัณฑ์ กรอกแปปเดียวก็เสร็จครับ ส่วนค่าเข้าชมเจษฎา เทคนิค มิวเซียม นั้นไม่เก็บครับ เข้าชมได้ฟรี ต้องขอขอบคุณ คุณเจษฎา เดชสกุลฤทธิ์ ที่สร้างพิพิธภัณฑ์ดีๆ แบบนี้ให้ได้เข้าชมกันฟรีๆ

หลังจากส่งแบบสอบถามแล้วเจ้าหน้าที่จะบอกกับเราว่าอย่าเปิดประตูไปเล่นในรถ เพราะรถที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ เป็นรถเก่า รถจะเสียหายได้

ก่อนที่จะเข้าชมพิพิธภัณฑ์ผมขอเล่าถึงความเป็นมาของ เจษฎา เทคนิค มิวเซียม ให้ได้ฟังกันก่อนนะครับ

Jesada Technik Museum ก่อตั้งขึ้นโดย คุณเจษฎา เดชสกุลฤทธิ์? เจ้าของธุรกิจโรงงานประกอบรถ เช่นรถขนขยะ รถล้างท่อระบายน้ำ รถเติมน้ำมันเครื่องบิน พิพิธภัณฑ์เปิดดำเนินการด้วยทุนส่วนตัว โดยไม่เก็บค่าเข้าชม

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เกิดจากแรงบันดาลใจจากการเดินทาง? ไปท่องเที่ยวดูงานด้านเครื่องยนต์กลไก? ในทวีปยุโรปและอเมริกา? ได้พบเห็นพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่รวบรวมรถยนต์หายากไว้มากมาย และจัดแสดงได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะที่พิพิธภัณฑ์ Technikmuseum Speyer (Technikmuseum Speyer) ที่เมืองสเปเยอร์ ทางตอนใต้ของแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน

จากนั้นคุณเจษฎาฯ จึงเริ่มสะสมรถยนต์หายากขึ้นบ้าง เริ่มจากรถ? Messerschmitt KR-200 ปี 1958? รถการ์ตูน (Bubble Car)? รถคันแรกที่นำเข้ามาจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์? ยิ่งสะสม? ยิ่งค้นคว้า? ยิ่งตระหนักว่าวิวัฒนาการยานยนต์มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดความสุข ความสะดวกสบาย แก่มวลมนุษยชาติ ยนตรกรรมทุกชิ้นจะแฝงไว้ซึ่งปรัชญาแนวความคิด ที่บ่งบอกถึงจิตวิญญาณของผู้ออกแบบและผู้ผลิตสามารถใช้เป็นบทเรียนแก่คนรุ่นหลังได้อย่างล้ำค่า

เจษฎา เทคนิค มิวเซียม มีพื้นที่ในส่วนของพิพิธภัณฑ์ 3 ไร่ ในอนาคตมีแผนจะย้ายพิพิธภัณฑ์ไปที่ จ. อยุธยา บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ (ใกล้กับศูนย์ศิลปชีพบางไทร)

ConferenceBike เป็นจักรยานที่ปั่นพร้อมกันได้ถึง 7 คน คุ้นๆ ว่าจะเป็นคันเดียวกับที่ เสธ.หนั่น (พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์) ใช้ปั่นในการหาเสียง ที่เรียกกันว่าจักรยานปรองดอง

BMW Isetta 250 (รถการ์ตูน หรือ Bubble car) เป็นรถสีฟ้าคาดขาว ที่เห็นในรูปด้านบนครับ เป็นรถขนาดเล็ก นั่งได้ 1-2 คนเท่านั้น รถรุ่นนี้ถูกออกแบบโดยบริษัทผลิตตู้เย็น ยี่ห้อ ISO ประเทศอิตาลี ประตูรถจะเปิดจากด้านหน้า คล้ายกับประตูตู้เย็น (คิดว่าคงได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากการผลิตตู้เย็น) เวลาเปิดประตูทีนึงพวงมาลัยก็ติดไปกับประตูด้วย ต่อมา BMW มาเห็นเข้าคงถูกใจ เลยขอซื้อลิขสิทธิ์ไปผลิตเป็นยี่ห้อ BMW

สังเกตว่ามีทะเบียนไทย และเสียภาษีถูกต้องด้วย น่าจะยังวิ่งได้ด้วย

รถยนต์ที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ บางคันตัวถังรถทำมาจากไฟเบอร์ฯ, กระดาษอัด, ไม้, สแตนเลส ตามวัสดุที่หาได้ และเทคโนโลยีสมัยนั้น

คันสีฟ้ารูปบนเป็นรถ Ford ครับ ยี่ห้อนี้เป็นยี่ห้อแรกๆ ของโลกที่ผลิตรถยนต์ ที่ท้ายรถมีถังอะไรไม่รู้อยู่ด้วย หรือเป็นถังเชื้อเพลิงก็ไม่รู้

คันนี้ดูๆ ไปแล้วเหมือนรถเก็บของเก่าเลย

รถเต่าสีแดง เหลือง

ถัดจากรถเต่าสีเหลือง เป็นรถกะบะ 3 ล้อ ทีี่มีโครงสร้างหลักเป็นไม้ ด้านหน้ารถวางเครื่องยนต์ เปิดโล่ง ไม่มีฝาครอบ ส่งผ่านกำลังไปยังล้อหน้าด้วยโซ่ ท่อไอเสียก็ิอยู่ด้านหน้าด้วย ขับไปก็คงจะเหม็นไป เป็นรถที่ใช้ในฟาร์ม รถคันนี้ค่อนข้างเก่ามาก ตั้งแต่ปี 1933 เลย

เดินดูไปเรื่อยๆ มีสามล้อจากเมืองมะละกา ประเทศมาเลเซียด้วย

โซนนี้จะเป็นโซนรถจักรยาน มอเตอร์ไซค์ รถถีบ

รถเก่าๆ เยอะมาก จอดเรียงติดๆ กัน คิดว่าทางเจษฎา เทคนิค มิวเซียม คงไม่มีพื้นที่เพียงพอที่จะวางเรียงกันทีละคัน

บางคันก็สภาพไม่ 100% ไฟหน้าหลุดไปบ้าง ขึ้นสนิมบ้าง แต่กว่าจะสะสมได้ขนาดนี้คงต้องมีใจรักมาก และต้องใช้ทุนเยอะด้วย

เวสป้ารุ่นเก่า

ชั้นวางรถเด็กเล่นกะด้วยสายตาคร่าวๆ น่าจะ 100 คันได้

เดินไปดูในโรงจอดใหญ่บ้าง รถสีเขียวที่ตกแต่งให้ดูเหมือนรถไฟ เป็น รถโรงเรียนญี่ปุ่น ครับ ตกแต่งซะสวยแบบนี้เด็กนักเรียนเค้าคงอยากขึ้นรถไปเรียน เท่าที่สังเกตดูนะครับ ชาวญี่ปุ่นเป็นชาติที่มีจินตนาการสูง ชอบคิดอะไรใหม่ๆ เสมอ ทั้งเรื่องเทคโนโลยี และเรื่องอื่นๆ อย่างหนังสือการ์ตูนที่เด็กไทยติดกันงอมแงมก็เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นทั้งนั้นเลย

ในโรงจัดแแสดงรถจะมีทางให้เดินอยู่ 3 ลอคครับ รถจะอยู่ฝั่งซ้ายและขวา ของทางเดิน ที่นี่เค้าให้เราได้ดูรถอย่างใกล้ๆ ไม่มีเชือกกั้น

Messerschmitt KR-200 รถสะสมคันแรกของคุณเจษฎา ผลิตโดยบริษัท Messerschmitt ประเทศเยอรมัน เดิมทีบริษัทนี้เป็นผู้ผลิตเครื่องบินรบ แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เยอรมันเป็นประเทศผู้แพ้สงคราม บริษัท Messerschmitt จึงได้ถูกห้ามผลิตเครื่องบิน บริษัทเลยหาทางออกมาผลิตรถยนต์แทน รถยนต์ที่ผลิตออกมาเลยมีหน้าตาแปลกกว่ารถยนต์รุ่นอื่นในสมัยนั้น

เนื่องจากว่า Messerschmitt KR-200 เป็นรถสะสมคันแรกของคุณเจษฎา สัญลักษณ์ของเจษฎา เทคนิค มิวเซียมก็เลยเป็นรูปรถคันนี้ด้วยครับ

BMW Isetta Series (รถการ์ตูน) มีหลายสีมากครับ สภาพก็ยังดีอยู่ รถคันสีเขียวที่รูปด้านบน เป็นรถรุ่น BMW Isetta 300 มีไซเรนอยู่บนหลังคา เนื่องจากว่าเป็นรถที่รัฐบาลเยอรมันนำมาใช้เป็นรถตรวจการ (Polizei Niderachsen) เป็นรถที่มีความคล่องตัว และทำความเร็วได้ถึง 85 Km/hr ทางเยอรมันได้นำมาใช้ในการตรวจความเรียบร้อยของเมืองหลวง

ถัดจากรถคันสีเขียว คันที่สีออกแดงๆ ส้มๆ เป็นรุ่นใหม่ขึ้นมาอีก BMW Isetta 600 ได้่มีการพัฒนาเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นมาจาก 250 – 300 cc. เป็น 600 cc. แต่ทำยอดขาดได้ไม่ค่อยดี จึงเลิกผลิตในเวลาต่อมา ทั่วโลกมีรถรุ่นนี้เพียง 36,000 คันเท่านั้น

แถวนี้จะเป็นรถ CITROEN

รถ CITROEN รุ่นเก่า มีทะเบียนไทยด้วย

สามล้อหัวกบ หรือ ตุ๊กตุ๊กหัวกบ จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เริ่มมีการนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นในช่วงปี พ.ศ. 2502 สมัยจอมพลสฤษฎ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี รถตุ๊กตุ๊กหัวกบจากประเทศญี่ปุ่นจะแตกต่างจากตุ๊กตุ๊กไทยตรงที่ของญี่ปุ่นบังคับด้วยพวงมาลัยแบบรถยนต์ แต่ของไทยเป็นเหมือนแฮนด์มอเตอร์ไซค์

เวสป้า เกือบร้อยคันได้ครับ

รถคันสีแดง เป็นรถดับเพลิงรุ่น willam city รถคันนิดเดียวเองแต่มีอุปกรณ์ดับเพลิงครบ ตั้งแต่ขวานสายยาง บันได ถังดับเพลิง แต่รู้สึกว่าจะไม่มีที่ใส่น้ำ

รูปบนเป็นรถสีขาวคันเล็กนั่งได้คนเดียว รุ่น mini comtesse เป็นรถจากประเทศฝรั่งเศษ น้ำหนักเบา ที่แปลกก็คือประตู 2 บานเปิดด้วยวิธีต่างกัน บานทางขวามือกางออกเมือนปกติ บานซ้ายต้องสไลด์ขึ้นบน ถ้าเอามาวิ่งในบ้านเราแทนมอเตอร์ไซค์ น่าจะดีนะครับ กันแดด กันฝนได้ด้วย

รถคันนี้รูปร่างหน้าตาคล้ายกับรถการ์ตูน Bubble car ของ BMW แต่แท้จริงแล้วเป็นรถยี่ห้อ Heinkel รุ่น Trojan 200 เป็นรถประเทศเยอรมัน ประกอบที่อังกฤษในปี 1960-1966 ทำมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่อยากได้รถแบบ Bubble car ของ BMW แต่งบน้อยหน่อย รูปร่างหน้าตาก็สวยไม่แพ้ BMW เลย

Trojan 200 เป็นรถสามล้อ (หน้า 2 หลัง 1) ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กเพียง 198 cc วิ่งได้เร็วสุด 55 กิโลเมตร / ชั่วโมง

เพิ่งดูได้ครึ่งหนึ่งของโรงจอดเอง รถเยอะมากๆ ครับ

แถวนี้นี้น่าจะเป็น Classic car

ดูรถคลาสสิคมาเยอะแล้ว ขอคั่นด้วยรถ 3 ล้อสีเขียว นั่งได้ 2 คน จากประเทศอังกฤษ เป็นรถรุ่น Bondbug ยี่ห้อ?Bond Cars Ltd/Reliant จัดอยู่ในกลุ่มของ Microcar เป็นรถสามล้อที่แต่ก่อนได้รับความนิยมมาก เพราะมีเพียงใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ก็สามารถขับรถคันนี้ได้แล้ว รถรุ่นนี้พิเศษตรงที่สามารถยกหลังคา เข้าออกได้ สังเกตที่บริเวณเหนือไฟหน้าจะมีขอบของชิ้นหลังคาที่สามารถดันมาด้านหน้าได้

ข้อเสียของรถรุ่นนี้ก็อยู่ที่จะขึ้น – ลง รถก็ต้องดันหลังคา ขึ้น -ลง ไม่สามารถเข้าทางประตูได้ ทำให้ผู้ใช้งานไม่สะดวกเท่าที่ควร

รถสีแดงในรูปด้านบน เป็นรถจากประเทศเดนมาร์ครุ่น MINI EL เป็นรถพลังงานแสงอาทิตย์ ติดตั้ง Salar cell ไว้ที่บนหลังคา นั่งได้ 1 คน หน้ารถออกแบบให้เอียงลู่ลม สามารถทำความเร็วได้สูงสุด ถึง 70 กม / ชั่วโมง

checker 8 door รถรุ่นนี้น่าจะจัดว่าอยู่ในพวกรถลีมูซีน คันยาวมาก มีประตูรถถึง 8 ประตู เป็นรถที่ใช้ในประเทศอเมริกา รับส่งแขก VIP ที่สนามบิน

มาดูรถที่ถือว่าเป็นพระเอกของเจษฎา เทคนิค มิวเซียม กันบ้าง ใครที่มาเที่ยวก็มักจะมาถ่ายรูปรถคันนี้ DMC Delorean-12 (รูปบน ทะเบียน วม 202) รถรุ่นนี้เป็นรถสปอร์ต ผลิตในประเทศไอซ์แลนด์ ในปี 1981 เครื่องยนต์ 2900 CC สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 209 กม./ ชั่วโมง รูปร่างหน้าตาถือว่ารูปทรงล้ำสมัยมากในตอนนั้น และได้ใช้ประกอบภาพยนต์เรื่อง Back to the future (เจาะเวลาหาอดีต) ภาพยนต์เครื่องดังในอดีต การออกแบบรถรุ่นนี้ได้ใช้วิศวกรกว่า 10 ประเทศและเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในสมัยนั้น รถรุ่นนี้มีจำหน่ายเพียงไม่กี่คันเนื่องจากสาเหตุว่าเจ้าของรถยี่ห้อนี้ถูกจับในคดียาเสพติดการผลิตจึงได้ยุติไป

ประตูรถเป็นแบบปีกนก เปิดขึ้นด้านบน ตัวรถทำจากสแตนเลส ไม่พ่นสีทับ

รถสีเขียวในรูปด้านบนเป็นรุ่น 1953 Bond Minicar Mark ?C? เป็นรถ 3 ล้อ สัญชาติอังกฤษ 1953 – 1956 ทำความเร็วได้สูงสุด 50 km/hr รถรุ่นนี้ไม่มีเกียร์ถอยหลัง? เวลาจะกลับรถ ต้องใช้วิธีหมุนรถเป็นวงกลมเอาเอา ให้ล้อหลังเป็นจุดหมุน เห็นหน้ารถยาวแบบนี้ เปิดฝาฝากระโปรงมา ไม่มีอะไรเลย มองเห็นพื้นถนนด้านล่าง โล่งๆ

รถทะเบียน วข 501 เป็นรถรุ่น BMW 501 เป็นรถคลาสสิครุ่นหนึ่งของ BMW วัสดุที่ใช้ทำรถ ทำมาจากเหล็กและอลูมิเนียม ทำให้รถมีน้ำหนักเบาขึ้น สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 150 km / hr

รถ Ford สีเหลือง เป็นรถเก๋งที่คันใหญ่มากครับ ผลิตในปี 1947 ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาดเครื่องยนต์ 3300 cc.

รถตระกูลเบนซ์ คันสีแดงในรูปด้านล่างมีตราหน้ารถว่าสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่แน่ใจว่าเป็นรถประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนไหนหรือเปล่า

ตอนนี้เราก็วนออกมาที่ด้านหน้าแล้ว

คันที่อยู่ด้านหน้ามีเชือกกั้นน่าจะเป็นหายาก หรือรถคันโปรดของคุณเจษฎา อย่างรถโบราณคันนี้ สภาพยังดีอยู่มาก เหมือนมีตราลูกเสืออยู่ที่ทะเบียนด้วย

รถคันสีเทาในรูปบนเป็นรถคันที่แพงที่สุดในพิพิธภัณฑ์ รุ่น Tatraplan T600 สัญชาติเชคโกสโลวาเกีย เป็นรถในปี 1952 รูปร่างของรถจะมีลักษณะโค้งมล สวยงาม ด้านหลังของรถจะมีครีบคล้ายกับหัวของอุลตร้าแมน

หลังจากดูรถเก่า ที่หาดูได้ยากเสร็จแล้ว ถ้ายังไม่เต็มอีก แนะนำให้ไปดูเครื่องบินกันต่อครับ ลานจอดเครื่องบิน (อากาศยานเพื่อการเรียนรู้กับ JDA Airline) จะอยู่ถัดจากพิพิธภัณฑ์รถโบราณ ไปอีกประมาณ 100 เมตร จะเดินหรือขับรถไปก็ได้ครับ

ถ้าขับรถไปก็จอดได้ที่ฝั่งขวามือจะมีเต๊นท์ที่จอดรถ

รถดับเพลิง ก็มีด้วย

ที่จอดอยู่ในหลังคาครึ่งวงกลมเป็นรถเมล์ ลอนดอน ที่วิ่งในประเทศอังกฤษ (London Bus)

สภาพยังสวยอยู่เลย ในบางโอกาสทางพิพิธภัณฑ์ เปิดให้เข้าไปชมในรถได้ด้วย สังเกตคันขวามีทะเบียนไทยด้วย

เครื่องบินเก่า บินไม่ได้แล้วนะครับ

มาดูเครื่องบินลำใหญ่กันบ้าง เป็นเครื่องบินรุ่น NAMC YS – 11 เครื่องบินโดยสารเครื่องยนต์เทอร์โบใบพัดแบบแรกของญี่ปุ่น ผลิตในช่วง พ.ศ. 2505 – 2517 จำนวน 182 ลำ บรรทุกผู้โดยสารได้ 60 ที่นั่ง เครื่องบินลำนี้ได้นำเข้ามาใช้เป็นเครื่องบินโดยสารในประเทศไทย และปลดประจำการเมื่อปี 2552 จากนั้น เจษฎา เทคนิค มิวเซียม ได้นำเข้าในโครงการอากาศยานเพื่อการเรียนรู้

เครื่องบินลำนี้มีน้ำหนัก 25 ตัน ยาว 26 เมตร กางปีก 32 เมตร ใหญ่มากครับ ผมเห็นจอดในลานแบบนี้ก็อดสงสัยตามประสาคนอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ว่า สามารถขนเครื่องบินที่มีลำใหญ่ ขนาดนี้มาได้ไง ตัวเครื่องบินก็เท่ากับถนน 4 เลนแล้ว

คิดว่าเค้าคงต้องตัดชิ้นส่วน แล้วมาประกอบใหม่อีกทีมั้งครับ

เห็นมีบันไดขึ้นไปด้านบนเครื่องบินด้วย เลยขอขึ้นไปดูข้างในหน่อย

Cockpit หรือห้องกัปตันนั่นเอง มีมาตรวัด เกจ์เยอะมาก มีป้ายติดไว้ว่าห้ามเข้า “เพื่อความปลอดภัยของทุกท่าน เนื่องจากเครื่องยนต์บางส่วนยังใช้งานได้อยู่”

แหวกม่านเดินเข้าไปดูในห้องโดยสารบ้าง ตอนแรกคิดว่าคงเก่าตามสภาพ แต่พอเข้าไปจริงๆ ติดแอร์เย็นเฉียบ ไฟสว่าง มี LCD TV ที่แถวหน้าของเครื่องด้วย เบาะสะอาดเหมือนเครื่องบินโดยสารเลย บนเครื่องไม่มีใครอยู่ซักคน น่าปรับเบาะเอนแล้วงีบซักตื่น

ลงจากเครื่องมาเก็บภาพในมุมกว้างต่อ

รูปบนเป็นอดีตฝูงบินกองทัพไทย สภาพไม่ค่อยสมบูรณ์ ส่วนหัวหาย ล้อหลุด ใบพัดไม่มี

เรือดำน้ำ U-194 สมาชิกใหม่ของ เจษฎา เทคนิค มิวเซียม

นอกจากรถยนต์โบราณ มอเตอร์ไซค์จำนวนมาก และเครื่องบินที่จัดแสดงในเจษฎา เทคนิค มิวเซียมแล้ว ทางพิพิธภัณฑ์ยังได้สั่งซื้อเรือดำน้ำสัญชาติรัสเซีย รุ่น U-194 มาจัดแสดงเพิ่มในพิพิธภัณฑ์ เป็นเรือดำน้ำขนาดใหญ่ ยาวถึง 75 เมตร เป็นเรือดำน้ำที่ปลดระวางแล้ว โดยเรือดำน้ำรุ่นเดียวกันนี้ส่วนมากได้ถูกทำลายไปหมดแล้ว

แต่เรือดำน้ำที่จะซื้อนี้อยู่ในมือนักสะสมที่ชื่อว่า Mr. Timo WALLIN จอดอยู่ที่ประเทศสวีเดน หลังจากเจรจาเรื่องการซื้อ-ขายเสร็จแล้ว คุณเจษฎา เจ้าของพิพิธภัณฑ์ ได้ว่าจ้างเรือลากเรือดำน้ำมายังประเทศไทย แต่โชคร้ายเรือดำน้ำได้จมลงในทะเลในวันที่ 3 ของการขนย้าย และจนถึงตอนนี้ยังไม่มีแผนกู้เรือขึ้นมาใหม่

ข้ามถนนมายังฝั่งที่จอดรถ ตรงนี้น่าจะเป็นโรงซ่อมรถของ เจษฎา เทคนิค มิวเซียม มีรถเก่าๆ รอคิวอยู่เยอะเลย การซ่อมรถโบราณเป็นเรื่องที่ยากมาก ตั้งแต่การหาอะไหล่ และจะเคาะดัดรถยังไงให้ออกมาเหมือนเดิม รถตัวอย่างที่สมบูรณ์ก็ไม่มีให้ดู ต้องใช้การหารูปจากในอินเตอร์เนตมาดูแล้วจินตนาการตาม เพื่อทำให้เหมือนเดิมมากที่สุด

สุดท้ายแล้ว ขอขอบคุณ เจษฎา เทคนิค มิวเซียม สำหรับพิพิธภัณฑ์ที่ให้ความรู้ และให้เข้าได้ฟรี ถ้ามีโอกาสลองไปเที่ยวกันดูนะครับ ใกล้ๆ กรุงเทพฯ ขับรถชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้ว

การเดินทางไปเจษฎา เทคนิค มิวเซียม

จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนพระบรมราชชนนี (338) แล้วเลี้ยวขวาเข้า ถ. พุทธมณฑลสาย 8 ไปทางเดียวกับ อ.นครชัยศรี วิ่งตรงไปเรื่อยๆ จนตัดกับถนน 3235 ให้เลี้ยวซ้าย จนเจอกับตลาดท่านา จะหาอะไรทานที่ตลาดก่อนก็ได้ (มีป้ายสีฟ้าติดไว้ใหญ่มาก) ให้เลี้ยวขวาข้ามสะพาน แล้วเลี้ยวซ้าย บรรยากาศสองข้างทางจะเป็นป่าหญ้าไม่ต้องกลัวครับ มาถูกทางแล้ว ก็จะเจอกับเจษฎา เทคนิค มิวเซียม ทางขวามือ

แผนที่เจษฎา เทคนิค มิวเซียม จากเวบไซต์ www.jesadatechnikmuseum.com/contactus.php

เวลาเปิดทำการ : 9.00 – 17.00 น. เปิดทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์

เวบไซต์ : www.jesadatechnikmuseum.com

ที่อยู่ : 100 ม.2 ต.งิ้วลาย อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม 73120

ติดต่อสอบถาม : 02 819 4000, 086 979 5777

ค่าเข้าเจษฎา เทคนิค มิวเซียม : ไม่มี

ใช้เวลาในการชม : 45 นาทีขึ้นไป

วันที่ไป : 16 กรกฎาคม 2554

อุปกรณ์ถ่ายภาพ : EOS 500D + 18-55 IS + Sigma 10-20 F4.5

การเข้าชม
เวลาทำการ : วันอังคาร-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น. ปิดทำการวันจันทร์
ช่วงเวลาเที่ยว : ตลอดทั้งปี
ที่ตั้ง – ติดต่อ
ที่อยู่ :
100 หมู่ 2 ตำบลงิ้วราย อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม 73120
เบอร์โทรศัพท์ : 034-339-468
เวบไซต์ : http://www.jesadatechnikmuseum.com/
การเดินทาง
รถยนต์ : จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี หลังจากข้ามแม่น้ำนครชัยศรี ขับตรงไปกลับรถใต้สะพานยกระดับ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้า ถนนพุทธมรฑลสาย 8 ขับตรงไปแล้วจะเห็นป้าย

Post Views 13296

admin

นักเขียนประจำ emagtravel.com

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *