เที่ยวเซินเจิ้น จีน ไปเองได้ ไม่ง้อทัวร์

ผู้สนับสนุน

เดือนเมษายนนี้มีทริปที่ไม่อยู่ใน plan หนึ่งทริป เป็นทริปไปดูงานที่ เซินเจิ้น (Shenzhen) ประเทศจีน ทริปนี้ไปเพียง 3 วัน 2 คืน เดินทางด้วยสายการบิน Air asia เป็นเพียงสายการบินเดียวที่มีบินตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปเซินเจิ้น จากการคาดคะเนน่าจะใช้เวลาดูงาน 1 วัน และได้เที่ยวเต็มที่อีก 1 วัน

เนื่องจากทริปนี้เป็น Business Trip เลยไม่ได้เอากล้องตัวใหญ่ไป แต่เอากล้อง compact Fuji JX200 ไป เพื่อความคล่องตัว ก็ถือโอกาสรีวิวกล้อง Fuji JX200 ไปด้วยนะครับ

สำหรับการเดินทางไปประเทศจีนนั้น ต้องมี Visa ก่อนนะครับ ทำได้ที่สถานทูตจีนที่อยู่ติดกับห้างฟอร์จูน แยกพระรามเก้า ค่าทำ Visa 1,000 บาท ใช้เวลา 4 วัน หรือถ้าต้องการใช้ Visa ด่วนก็มีทำแบบทำเสร็จภายในวันเดียว ราคา 2,200 บาท

ก่อนออกเดินทางเราได้แลกเงินหยวนไปประมาณ 20,000 บาท สำหรับ 2 คน สำหรับกินและเที่ยว ไม่รวมค่าโรงแรม ถ้าจะแลกต่ำกว่าหมื่นบาทแนะนำว่าไปแลกที่สนามบินเลยก็ได้ครับ ไม่ต่างกันมาก แต่ถ้าจะแลกเยอะๆ ก็ลองดูที่ Superrich ครับ

การเดินทางไปเซินเจิ้น มีเพียง Air asia สายการบินเดียวที่มีเที่ยวบินตรง กรุงเทพฯ – เซินเจิ้น เที่ยวบิน Air asia เวลาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับถึงที่เซินเจิ้นตอนดึก แถมขากลับก็ออกจากเซินเจิ้นตอนดึกอีก วันนึงมีไป 1 เที่ยว กลับ 1 เที่ยว เท่านั้น อีกทางเลือกหนึ่งในการเดินทางไปเซินเจิ้น ให้นั่งเครื่องไปลงที่ฮ่องกงแล้วนั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานี Lo Wu สถานีนี้จะอยู่ติดกับเซินเจิ้น

ขาไปเรานั่ง FD3622 เครื่องออกเวลา 18.25 น. ตามมาตราฐานของผมจะต้องถึงสนามบินก่อนเครื่องออก 3 ชั่วโมง เราเช็คอิน Air asia ที่ Row E มีช่องพิเศษสำหรับคนที่ทำ web check in มาแล้ว ช่องนี้จะตรวจเอกสารในการเดินทาง, พาสปอร์ต รวมทั้งโหลดกระเป๋าด้วย

FD3622 BKK –> SZX*

FD3622 SZX –> BKK*

*หมายเหตุ ในรูปด้านบนเป็นราคา และตารางเวลาของปี 55 นะครับ เที่ยวบินจะดึกขึ้น ทั้งไป และกลับ

ใครที่บินกับ Air asia แนะนำให้ทำ web check in ไปนะครับ ไม่ต้องรอคิวแถวยาวๆ ผมรอแค่คิวเดียวเอง

สำหรับคนที่ต้องการใบกำกับภาษี ก็สามารถขอได้ที่เค้าเตอร์ขายตั๋วของ Air asia ใช้เวลาไม่นานครับ เอกสารที่ต้องใช้ก็มีแค่ใบจองที่เค้าเมลส่งมาให้เรา และชื่อ – ที่อยู่บริษัท เท่านั้นเอง ถ้าโทรขอทางโทรศัพท์ แค่รอสายพูดกับพนักงานบางที 30 นาทียังไม่ได้คุยเลย

ซ้าย : เกี๊ยวน้ำชามละ 95 บาท

จัดการอะไรเสร็จก็ไปหาข้าวกิน ก่อนขึ้นเครื่อง เป็นเกี๊ยวน้ำคนละชาม กับน้ำเปล่าคนละขวด กินกัน 2 คน เช็คบิลมา 306 บาท ร้านอาหารที่สุวรรณภูมิแพงจริงๆ ถ้าจะหาที่กินราคาประหยัดๆ ในสนามบินสุวรรณภูมิ แนะนำให้ไปที่ชั้นล่างตรงที่จอด Taxi จะมีศูนย์อาหาร Magic foodpoint อยู่ เป็นศูนย์อาหารราคาประหยัด ประมาณจานละ 35 บาท

จากนั้นเราก็ผ่าน ตม. ไปรอที่เกท

ผมสังเกตุว่าบินกับ Air asia ทีไร ได้เกทไกลๆ ทุกที่ น่าจะเป็นเพราะ Air asia ลด cost หรือเปล่า ครั้งนี้ได้ Bus Gate F1A เป็นเกตที่ไม่มีงวงช้างให้ขึ้นเครื่อง จะต้องลงไปขึ้นรถบัส แล้วรถจะพามาขึ้นเครื่องอีกที

เราเสียค่าจองที่นั่ง 11A – 11B มารู้ทีหลังว่าแถว 11 เบาะปรับเอนไม่ได้ เพราะด้านหลังเป็นประตูฉุกเฉิน เสียดายจัง ทริปนี้ไม่ได้เสียเงินซื้ออาหารกินบนเครื่อง เพราะดึกแล้วอยากงีบมากกว่า

บนเครื่องบินเที่ยวนี้ดูจะวุ่นวายเป็นพิเศษ มีคนจีนที่ไม่ได้จองที่นั่งไว้ จะเนียนมานั่งกับเพื่อน ทั้งๆที่ ที่นั่งนั้นมีคนนั่งอยู่แล้ว ผู้หญิงเจ้าของที่เค้าก็ไม่ยอมเลยต้องไปเรียกแอร์โฮสเตสมาเคลียร์

นั่งไปได้กลางทางแอร์โฮสเตสก็เอาใบเข้าเมืองเซินเจิ้น (Immigration form) มาแจกให้กรอก รายละเอียดก็เหมือนประเทศอื่นครับ ให้กรอกชื่อ-นามสกุล, สัญชาติ, วัน-เดือน-ปี เกิด, เดินทางด้วย Flight อะไร, มาทำอะำไรที่เซินเจิ้น ฯลฯ หน้าตาก็จะเป็นแบบด้านล่างครับ

คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย

[วันที่ 1]

ประมาณ 3 ชั่วโมงเราก็มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติ เซินเจิ้น ลงจากเครื่องแล้วก็ต้องนั่งรถบัสมาที่ Terminal D เพื่อผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง ตม. จีนไม่ถามอะไรซักคำ ประทับตราใน Passport อย่างเดียว ส่วนเจ้าหน้าที่ที่สนามบินจะพูดแต่ภาษาจีน ไม่พูดภาษาอังกฤษ

เงินที่ใช้ในประเทศจีน

เงินจีนมีหน่วยเป็น “หยวน” มีตัวย่อตามมาตราฐานสากลคือ CNY (Chinese Yuan) และตัวย่ออีกตัวคือ RMB? โดยที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 CNY = 4.6 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 1/05/11) เวลาแลกเงินพยายามขอแบงค์ย่อยมาด้วยนะครับ เคยมีคนไปซื้อของด้วยแบงค์ใหญ่แต่ได้แบงค์ปลอมกลับมาก็มี

เวลาที่ Shenzhen เวลาจะเร็วกว่าเรา 1 ชั่วโมง (GMT +8) อย่าลืมปรับเวลาให้เป็นเวลาท้องถิ่นด้วยนะครับ

ตอนที่เราไปนั้นรถไฟฟ้า (Metro) จาก Shenzhen Airport เข้าไปในตัวเมือง ยังสร้างไม่เสร็จครับ แต่ถ้าเดินทางตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2554 ก็สามารถ เดินทางด้วยรถไฟฟ้า สายสีเขียว L1 (Luobao Line) นั่งเข้าเมืองได้เลย สายนี้สุดสายที่ Luohu ชายแดนเซินเจิ้น ติดกับฮ่องกง

รอรับกระเป๋าเสร็จก็เกือบจะ 5 ทุ่มแล้ว ออกไปรอขึ้น Taxi ที่จุดรอรถ Taxi

Taxi ที่เซินเจิ้น เป็น Taxi meter จะมีรถ Taxi สีเขียวและสีแดง รถสีเขียวจะวิ่งไปเมืองอื่นนอกเซินเจิ้นได้ โดยคิดราคาตามมิเตอร์ ส่วนรถสีแดงจะวิ่งในเซินเจิ้นเท่านั้น

เราไปโรงแรมด้วย Taxi บอกโรงแรมที่เราจะไปด้วยการยื่นชื่อกระดาษหน้าเวบโรงแรม และที่อยู่เป็นภาษาจีน ถ้าจะพูดเป็นภาษาอังกฤษ กลัวว่าจะไม่เข้าใจ

สไตล์การขับรถของคนจีนยังเหนือกว่า Taxi ในกรุงเทพฯ มาก เค้าจะบีบแตรตลอดเมื่อไม่ได้อย่างใจ เช่นรถติดไฟแดงอยู่สิบคันพอไฟเขียวปุ๊บบีบแตรส่งก่อนเลย มีปาดซ้าย – ขวาตลอด แต่เค้าขับกับแบบนี้ก็ไม่เห็นมีมามองหน้าหรือหาเรื่องกันเลย

จากสนามบิน รถ Taxi วิ่งเข้าทางด่วน แล้ววิ่งทางปกติ ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจากสนามบิน ค่ารถ 120 + ค่าทางด่วน 20 รวม 140 CNY ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 644 บาท น่าจะแพงกว่าประเทศไทย 3 เท่า

ที่พักในทริปนี้เราพักที่โรงแรม Fortune Hotel เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ห้องกว้าง มีอาหารเช้าด้วย ราคาพันกว่าบาทเอง ถูกมากๆๆ ตอน Check-in เค้าจะมัดจำเรา 400 CNY และจะคืนให้เมื่อเรา Check-out เราได้ห้องพักที่ชั้น 3 ที่นี่ใช้ระบบ Key card 100% ไม่มีกุญแจเลย โรงแรมนี้อยู่ในย่านชอปปิ้งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และใกล้สถานีรถไฟฟ้า Huaqiang Road มาก เดินไปได้ไม่ถึง 5 นาที

Link. เช็คราคา Fortune Hotel, จองโรงแรม Fortune Hotel, โรงแรมในซินเจิ้น

ภายในห้องพักมีน้ำเปล่า 2 ขวดเล็ก ที่ทานได้ฟรี อย่างอื่นต้องเสียตังค์ครับ ราคา Minibar เค้าค่อนข้างแพงด้วย อย่าน้ำอัดลมกระป๋อง ที่ 7-eleven ขาย 3 หยวน ที่โรงแรมขาย 12 หยวน

Minibar มีหลายอย่าง แต่ราคาแพงไปหน่อย

ในห้องมี LED TV จอใหญ่ยี่ห้อ KONKA เมื่อเห็นโลโก้ตัวอักษร KONKA รู้สึกว่าคุ้นๆ เลยหยิบโทรศัพท์มือถือ NOKIA ขึ้นมา เลยร้องอ๋อ เพราะตัวอักษร KONKA ใช้ Font เดียวกับ NOKIA เลย

KONKA เป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือและ TV ของจีน สำหรับโทรศัพท์มือถือนั้นหน้าตาคล้ายกับ NOKIA มาก เห็นแล้วก็อดสงสัยว่าเทคโนโลยีเค้าทำได้ขนาดนี้ทำไมไม่สร้าง Brand ของตัวเองให้มีเอกลักษณ์เฉพาะไปเลย

เมื่อเข้าห้องแล้วก็ไปสำรวจในห้องน้ำก่อนเลย เพราะกังวลกับส้วมจีน ว่าจะไม่ได้มาตราฐาน พอเข้าไปก็เห็นกับชักโครกอย่างดี มีห้องอาบน้ำ กั้นด้วยกระจก น้ำร้อน – น้ำเย็นมีหมด

ห้องน้ำที่นี่ไฟติดอัตโนมัติด้วยครับ เข้าห้องน้ำกลางดึกไม่ต้องหาสวิตช์ไฟ แต่ถ้าอยู่ในห้องน้ำนานๆ โดยไม่ขยับไฟก็จะดับเอง

ในห้องน้ำมีเจ้านี่วางอยู่ เลยหยิบมาถ่ายรูปหน่อย เป็นถุงยาง ไม่ได้แจกฟรีนะครับ คิดตังค์

หลังจากเก็บของเสร็จก็ต้องรีบนอน เพราะดึกมากแล้วต้องเก็บแรงไปดูงานในวันรุ่งขึ้น

[วันที่ 2]

มื้อเช้าเราฝากท้องไว้ที่โรงแรม ห้องอาหารอยู่ที่ชั้น 2 เลือกที่นั่งแล้วตักอาหารได้เลย เป็น Buffet ครับ อาหารมีให้เลือกพอประมาณ มี American Breakfast ไส้กรอก, ไข่ดาว, ขนมปัง ในห้องอาหารรู้สึกว่าเค้าจะไม่ห้ามสูบบุหรี่ เห็นคนจีนสูบบุหรี่กันควันโขมงเลย

มื้อเช้ากินง่ายๆ เท่านี้ ตบท้ายด้วยกาแฟ ก็อิ่มแล้ว

จากนั้นเราก็ออกจากโรงแรมไปขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานี Huaqiang Road เป้าหมายอยู่ที่สถานี Convenion & Exhibition Center

ตึกสูงที่อยู่อาศัยของคนจีนที่ทำงานใน Shenzhen

ก่อนที่ผมจะพาไปเที่ยวใน Shenzhen ขอเล่าข้อมูลคร่าวๆ ของ Shenzhen ให้ฟังก่อนนะครับ

Shenzhen หรือที่คนไทยเรียกกันว่า เซินเจิ้น เป็นเมืองคนรวยของประเทศจีน อยูี่่ในมณฑลกวางตุ้ง (Guangdong) มีพื้นที่อยู่ติดกับฮ่องกง ก่อนหน้านี้เซินเจิ้นเป็นเพียงเมืองประมง มีผู้คนอยู่ไม่มาก ต่อมาทางการจีนได้กำหนดให้เซินเจิ้นเป็นเมืองเศรษฐกิจพิเศษ Special Economic Zones (SEZs) จึงมีนักลงทุนจำนวนมากมาตั้งโรงงานที่นี่ เมื่อมีโรงงานก็มีห้าง มีโรงแรม สถาบันการเงินต่างๆ มาเปิดสาขาที่นี่

จากการที่มีประชาชนชาวจีนมาหางานทำที่เซินเจิ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ในเวลาต่อมาเซินเจิ้นได้กลายเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ 5 ของโลก เซินเจิ้นมีชื่อเสียงทางด้านสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ของก๊อปแบรนดัง เช่นโทรศัพท์มือถือ, GPS, Portable Player, คอมพิวเตอร์พกพาแนว Ipad

เซินเจิ้น เป็นเมืองที่คนนิยมซื้อของจากจีนไปขายต่อยังอีกประเทศ ไม่ใช่เมืองที่เน้นทางด้านการท่องเที่ยว แต่ก็ไม่ใช่ว่าเซินเจิ้นจะไม่มีที่เที่ยวเลย ที่เที่ยวในเซินเจิ้นมีดังนี้ครับ

1. Window of the world หรือที่เรียกเป็นไทยว่า “หน้าต่างโลก” คล้ายๆ กับเมืองจำลองบ้านเรา มีสถานที่สำคัญต่างๆ ทั่วโลก ถูกจำลองไว้ที่นี่ แบ่งเป็นโซนเอเชีย โซนยุโรป แอฟริกา อเมริกา สามารถนั่งรถไฟฟ้าไปได้โดยลงที่สถานี Window of the world

2. Luohu (หลอฮู) ย่านชอปปิ้งของ Shenzhen ที่อยู่ติดกับฮ่องกง ของพวกของก๊อปปี้แบรนด์เนม ที่นี่เป็นสวรรค์ของคนชอบต่อราคา เพราะของที่นี่สามารถต่อได้ถึง 1/5 เลย

3. Dongmen (ตงเหมิน) อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า Laojie (เหล่าเจี่ย) ถ้านั่งรถไฟฟ้ามา ให้ออกที่ EXIT A ที่นี่เป็นแหล่งชอปปิ้ง คล้ายๆ สยามหรือเซ็นเตอร์พ้อยต์ บ้านเรา แต่ร้านค้าและห้างจะมีเยอะมาก ของที่ขายที่นี่จะออกแนวแฟชั่น

4. Shenzhen Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ของเมืองเซินเจิ้น

5. หมู่บ้านวัฒนธรรมจีน มีโชว์การแสดงต่างๆ เช่นการเต้น กายกรรม อยู่ติดกับ Window of the world

การเดินทางใน Shenzhen

มีทั้งรถไฟฟ้าและรถเมล์ แต่แนะนำให้ใช้รถไฟฟ้าเป็นหลัก (Shenzhen Metro) รถไฟฟ้าเค้าถูกมาก นั่งรถไป 2 สถานีก็ประมาณ 2 หยวน หรือ 9 บาทเท่านั้น และครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่ด้วย ส่วนรถ Taxi ไม่แนะนำเท่าไหร่เพราะอาจจะเสี่ยงกับการโดนโกงได้ อีกทั้งยังอาจสื่อสารกับคนขับไม่ได้

การซื้อตั๋วรถไฟฟ้าจะนิยมซื้อกับตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

1. เลือกเป็นภาษาอังกฤษ (ที่มุมขวาล่าง)

2. เลือกสถานีปลายทาง และจำนวนผู้โดยสาร จะแสดงจำนวนเงินที่ต้องจ่าย

3. ใส่แบงค์ หรือ เหรียญเข้าไป

4. รอรับเหรียญและเงินทอน

จากนั้นก็นำเหรียญไปแตะที่ทางเข้าประตูก็จะกางออก เหมือนบ้านเราเลยครับ

รถไฟฟ้าที่เซินเจิ้น รอไม่นาน ขึ้นทีไรก็เจอคนเต็มรถ ที่ประตูรถจะมีไฟบอกด้วยว่าตอนนี้อยู่ที่สถานีอะไร ปลายทางอยู่ที่ไหน

นั่งรถไฟฟ้ามา 2 สถานี + เดินอีกนิดหน่อยก็ถึง Shenzhen Convenion & Exhibition Center อันนี้ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวนะครับ เป็นสถานที่ที่ผมมาดูงาน

ตึกสูงมากมายบ่งบอกถึงความเจริญและความหนาแน่นของประชากรใน Shenzhen

หลังจากเสร็จภารกิจใน Shenzhen Convenion & Exhibition Center เราก็มีเวลาเหลือ เลยคิดว่าจะไปเที่ยวต่อที่ Luohu

การเดินทางไป Luohu (หลัวหู) นั้นง่ายมากสามารถไปได้ด้วยรถไฟฟ้า โดยนั่งรถไฟสาย L1 (Luobao Line) มาลงที่สถานี Luohu เลย สำหรับคนที่ต้องการเข้าไปยังฮ่องกงสามารถผ่านแดนหลอฮู ตรงนี้ได้เลยครับ ผมเองก็อยากจะเข้าไปฮ่องกงใจจะขาด ฮ่องกงไม่ต้องใช้ Visa ด้วย แต่ปัญหาคือขากลับเราต้องบินกลับจากเซินเจิ้น เมื่อเราออกไปนอกเซินเจิ้นแล้ว เท่ากับว่า Visa เซินเจิ้นได้หมดลงแล้วไม่สามารถเข้ามาได้ใหม่ต้องเสียตังค์ทำ Visa on arrival*

หมายเหตุ* ตอนนี้ที่ด่านฮ่องกง เข้ามายังเซินเจิ้น ไม่สามารถทำ Visa on arrival ได้แล้วต้องทำมาจากไทยเท่านั้น

Luohu เป็นพื้นที่ที่อยู่ติดกับฮ่องกง มีนักท่องเที่ยวเข้าออกระหว่างเซินเจิ้นและฮ่องกงเป็นจำนวนมาก คนที่มาจากฝั่งฮ่องกงก็มาช๊อปของถูกที่เซินเจิ้น ส่วนคนที่เซินเจิ้นก็ไปช๊อปของแบรนเนมที่ฮ่องกง

ห้างชื่อดังที่หลอฮู ชื่อว่า Luohu Commercial City ขายของก๊อปหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกา เครื่องประดับ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ บางคนก็เรียกว่า มาบุญครองเซินเจิ้น

เสน่ห์ของการมาชอปปิ้งที่หลอฮู คือการได้ต่อราคา ซึ่งสามารถต่อราคาได้ถึง 1 ใน 5 ของราคาแรกที่เค้าบอกเลยทีเดียว

เราเดินเล่นไปเรื่อยๆ ทุกชั้น ไม่เจออะไรที่ถูกมาก เห็นแต่ของไม่ติดป้ายราคา คงกะบอกผ่านด้วยราคาแพง ใครต่อไม่เป็นก็จ่ายแพงไป ส่วนของที่ติดป้ายราคา ราคาก็ไม่ต่างจากของจีนที่นำเข้ามาขายบ้านเราเลย

Tip. การซื้อของที่ Luohu สามารถต่อราคาได้มากถึง 70-80% เลยทีเดียว

Luohu Commercial City

สรุปแล้วไม่ได้อะไรกลับไปเลย

โรงแรมดังในย่านนี้จะเป็นโรงแรม Railway Station Hotel เหมาะสำหรับคนที่คิดจะข้ามไปเที่ยวฮ่องกง เพราะอยู่ติดด่านเลย

ก่อนกลับก็แวะถ่ายรูปตึกสูงๆ ที่ Luohu ไว้ซะหน่อย มองไปเห็นร้านนึงขายเป็ดทั้งร้านเลย มีทั้งแบบชั่งเป็นกิโล มีให้เลือกเป็นส่วนปีก ส่วนหัว และส่วนอื่นๆ คนแวะซื้อเต็มไปหมด น่าจะอร่อย เลยคิดว่าจะซื้อมาลองชิมซะหน่อย เป็นเป็ดตัวเล็กๆ หมักน้ำปรุงรสแบบเข้าเนื้อ มีรสเผ็ดเล็กน้อย

ร้านเป็ดชื่อดัง (รูปนี้เป็นสาขาแถว SEG plaza)

ก่อนจะกลับเข้าโรงแรมแวะซื้อของกินเล่น ขนม มาม่า และเบียร์ที่ 7-eleven ครับ

เมื่อเห็นเบียร์ในตู้แช่รู้สึกประหลาดใจมาก เพราะเบียร์จีนราคาถูกมาก อย่างเบียร์กระป๋องยี่ห้อ TSINGTAO ราคาเพียง 4 หยวนเท่านั้นเอง ตีเงินเงินไทย ไม่ถึง 20 บาท!!! เลยเหมามาซะครึ่งโหล ส่วนขวดใหญ่ขาย 5.2 หยวน ก็ยิ่งถูกไปอีก

หลังจากที่ได้ลองชิมเบียร์ TSINGTAO แล้ว รสชาตินุ่มมากครับ ยังกับไฮนาเก้นเลย

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอันซ้าย 8 หยวน อันขวา 5 หยวน ซื้อที่ 7-eleven มื้อนี้ว่าจะกินเล่นๆ เท่านั้น กินไปกินมา กลายเป็นมื้อเย็นเลย

จากการที่ได้มาอยู่เซินเจิ้น 2 วันพบว่าคนจีนสูบบุหรี่กันเยอะมาก และสูบกันได้ทุกที่ ตามท้องถนน ร้านอาหารติดแอร์ ในโรงแรม เหมือนว่าไม่มีพื้นที่ห้ามสูบเลย ถ้าเทียบกับประเทศไทย ของเราคนสูบน้อยกว่าครับ และของเราไม่สูบตามที่สาธารณะด้วย

[วันที่ 3]

วันนี้เราว่างทั้งวันก็กะว่าจะเดินเล่นแถวๆ ถนน Shennan Middle, Huaqiang Road หรือย่านไซ่เก๋อ (SEG Plaza) เป็นย่านอิเล็กทรอนิกส์ของจีน มีห้างใหญ่ๆ หลายห้าง อยู่ติดกันทั้งสองฝั่งของถนนเลย ถนนเส้นนี้คนเยอะมาก

ข้อควรระวัง!!! กระเป๋าที่สะพายด้านหลัง ถ้ามี ให้เอามาสะพายไว้ด้านหน้าครับ กันคนล้วงหรือกรีด, เวลาซื้อของกับร้านข้างทางที่ไม่ใช้ห้าง พยายามจ่ายเงินให้พอดี อย่าให้แบงค์ใหญ่ ที่เซินเจิ้นเคยมีนักท่องเที่ยวโดนทอนแบงค์ปลอม

การข้ามถนนที่เซินเจิ้น จะมีทางม้าลาย และไฟเขียวไฟแดงของคนข้ามให้ แต่ชาวจีนส่วนมากจะไม่รอไฟเขียวคนข้าม จะเดินข้ามไปเลย รถต้องเป็นฝ่ายหยุดให้

ทางเท้าบ้านเค้ากว้างดีครับ บ้านเราแคบกว่านี้แถมมีของมาขายแย่งพื้นที่เดินอีก

ห้าง Children ขายของเล่นเด็ก เสื้อผ้าเด็ก ผมซื้อรถบังคับมาคันนึง สามารถวิ่งบนกำแพงได้ด้วย คนขายเปิดราคามาที่ 80 หยวน ผมขอต่อเธอให้ที่ 75 หยวน ผมเลยบอก 70 หยวนละกัน ก็เลยจบที่ 70 หยวน จริงๆ น่าจะต่อรองได้มากกว่านี้ แต่ขี้เกียจเสียเวลา

คนขายหยิบกล่องรถบังคับใส่ถุงให้เรา ดูเหมือนเป็นคันใหม่ พอผมแกะกล่องมาดู โอ้…นี่มันรถตัวโชว์แน่เลย สีถลอกทั้งคัน เล่นจนเยินแล้วมาทำเนียนใส่กล่อง ที่ร้ายไปกว่านั้นรังถ่านของรีโมทสปริงหายไปอันนึงครับ ใครจะซื้อของที่เซินเจิ้นก็ดูให้ดีนะครับ เช็คของต่อหน้าเค้าเลย

เราเดินห้างโน้น ต่อห้างนี้จนหมดแรงเลยต้องแวะกินมื้อกลางวันที่ KFC ชุดนี้ประมาณ 200 บาทครับ

KFC ที่จีนไม่มีมีด ส้อม และไม่มีซอสให้กด ต้องเดินไปขอซอสมะเขือเทศแบบซองที่เค้าท์เตอร์

ด้านบนเป็นสถานีตำรวจเคลื่อนที่ หลังคารถติดกล้องวงจรปิดหลายตัว

ห้าง SUNNING

อันนี้เป็นรถเมล์จีนครับ มาอยู่ 3 วันไม่ได้ลองขึ้นเลย

คนจีนที่เซินเจิ้นเป็นคนจีนที่รวย เปิดโรงงานทำการค้า ส่งออก สังเกตุได้จากรถยนต์ที่ใช้ เป็นรถยุโรปก็เยอะครับ เช่น Benz, BMW, Audi,Volkswagen, Porche

รถยนต์คันกลางในรูป ยี่ห้อ BYD เป็นรถสัญชาติจีน ตูดคล้าย Benz ทำรถสไตล์ยุโรป คันใหญ่ มีโลโก้คล้ายกับ BMW รถรุ่น BYD F8 หน้าตาคล้ายเบนซ์ CLK มาก เป็นรถเปิดประทุน ไฟหน้ากลม 2 ดวงติดกัน ราคาเพียง 8 แสนกว่าบาท (ราคาขายที่จีน)

หลังจากเดินเล่นจนเมื่อยแล้ว ไม่รู้จะไปไหนเลยคิดว่าจะไปรอขึ้นเครื่องที่สนามบินเลย เราเกิดนึกประหยัดเลยนั่งรถไฟฟ้าไปสุดสายเพื่อที่จะได้ต่อ Taxi ในราคาไม่แพง จริงๆ แล้วในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าวิ่งไปถึงสนามบิน Shenzhen เลย แต่ตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง (ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2554 สามารถใช้บริการรถไฟฟ้า ไปถึงสนามบินได้ครับ)

แนะนำนิดนึงครับสำหรับคนที่จะเดินทางด้วย Taxi ควรให้ทางโรงแรมเขียนสถานที่ปลายทางเป็นภาษาจีนให้เราด้วย เพราะส่วนมากเค้าจะไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ

เราลงรถไฟฟ้าที่สถานี Shenzhen University แล้วลากกระเป๋าล้อลากออกจากสถานีไปที่ป้ายรถเมล์ ทันใดนั้นก็มีชาวจีนมาชวนเราไปขึ้นรถเค้า โดยเค้าคิดที่ราคา 70 หยวน เราก็ไม่ไป ตอนนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องอะไรถูกอะไรแพง คิดแต่ว่าปลอดภัยไหม เค้าค่อนข้างตื้อมาก ไม่ไปไหน ยืนบังเราไม่ให้ไป มีหยิบกุญแจรถมาโชว์เราว่ามีรถจริง

สุดท้ายเราก็ตัดความรำคาญด้วยการไปกับเค้า เึ้่ค้าพาเราไปขึ้นรถ ถือกระเป๋าให้อย่างดี รถเค้าเหมือนจะเป็นยี่ห้องมิตซูบิชิ ท้ายเบนซ์ เก่าๆ หน่อย รถวิ่งไปเรื่อยๆ เราพยายามดูว่าเค้าไปตามป้าย Airport หรือเปล่า

นั่งไปได้ซักพักคนขับมาขอเงินค่าโดยสาร 70 หยวน ตอนแรกว่าจะไม่ให้แต่พี่ที่ไปด้วยกันให้เค้าไปแล้ว กลายเป็นว่าตอนนี้เราไม่มีอะไรต่อรองเลย คนขับรถคนจีนคนนี้ฝีมือการขับรถไม่ธรรมดาเหมือนกัน ทั้งปาด ทั้งเบียด ทั้งบ่น ด่า เป็นภาษาจีนไปตลอดทาง รถติดที่ไหนพี่แกจะต้องบีบแตร

ตอนรถติดที่สี่แยกไฟแดงแกบีบแตรแซวผู้หญิงที่ข้ามถนนพร้อมกับ ตะโกนแซวเป็นภาษาจีน แล้วก็หัวเราะชอบใจอยู่ในรถคนเดียว

รถวิ่งใกล้ถึงสนามบินแล้ว อยู่ตรงสะพานที่เลี้ยวเข้าสนามบิน มีอุบัติเหตุชนกันอยู่ 2 คันที่คอสะพานทำให้รถติดยาว ทันทีที่ Taxi ที่เรานั่งผ่านตรงที่รถชนกัน คนขับจีนก็เปิดหน้าต่าง ชี้หน้าด่าคนขับรถ 2 คันนั้น เสียงดัง พอปิดกระจกก็หัวเราะชอบใจเหมือนเดิม เราละเสียวมีเรื่องจริงๆ กลัวว่าจะไม่ได้กลับบ้าน

พอรถจอดที่สนามบิน แล้วเราลงจากรถรู้สึกโล่งใจมาก นึกในใจคราวหลังจะไม่ขึ้น Taxi ป้ายดำแบบนี้อีกแล้ว ยอมจ่ายแพงกว่า แต่ชัวร์กว่า

ภายในสนามบิน Shenzhen

ที่สนามบิน Shenzhen หาคนพูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้ แม้แต่จะถามว่า Terminal D อยู่ที่ไหน ยังไม่มีใครเข้าใจเลย

Terminal ของ Air asia จะอยู่ที่ Terminal D เป็น Terminal เล็กๆ (Terminal เดียวกับตอนที่เครื่องลง) ใช้บินไปยังประเทศใกล้ๆ เช่นฮ่องกง, ไต้หวัน, มาเก๊า

เรากินข้าวเย็นที่ร้าน BEST COFFEE ข้าวเซตละประมาณ 200 บาท เบียร์จีน TSINGTAO กระป๋องละ 18 หยวน (ปกติขาย 4 หยวน)

ผมถามพนักงานในร้าน BEST COFFEE ว่า “Where is Telephone in this Terminal?” กะว่าจะโทรกลับบ้าน แต่ก็ไม่มีใครเข้าใจ เธอตอบกลับมาว่า “No English” สุดท้ายใช้ภาษามือทำเป็นรูปโทรศัพท์ ก็เข้าใจกันครับ สุดท้ายแล้ว ใน Terminal D ไม่มีโทรศัพท์สาธารณะซักเครื่อง แม้แต่เครื่องเดียวก็ไม่มี คาดว่าอยู่ในระหว่างการติดตั้ง

เที่ยวบิน Shenzhen –> Bangkok ของเราเป็นเที่ยวบิน FD3623 เครื่องออกเวลา 23.30 น. ถึงสุวรรณภูมิก็ 1.15 น. เล่นเอาซะดึกเลย แต่บินกับ Thai air asia (FD) ดีอย่างครับ เค้าพูดไทยกับเราได้

หลังจากเช็คอิน และผ่าน ตม. จีนเข้าไปแล้วเราก็ไปเดินเล่นที่ Shenzhen Dutyfree airport shop เห็นเหล้าขวดนึงราคาตีเป็นเงินไทย 2 แสนบาท ไม่รู้จะนุ่มขนาดไหน ผมเดินผ่านๆ ไม่ได้อะไรกลับไป

นั่งรอที่เกตต่อ (Bus Gate) จนถึงเวลาเราก็ลงไปขึ้นรถบัสแล้วค่อยขึ้นเครื่อง

ทุกอย่างพร้อมแล้วก็ขึ้นเครื่องกลับไทยกันครับ

ทริป Shenzhen ฉบับไปเองได้ ไม่ง้อทัวร์ของผมก็จบลงเท่านี้ครับ ขอบคุณที่ติดตามชมครับ 🙂

Link.

โรงแรมในซินเจิ้น, จองโรงแรมเซินเจิ้น

เที่ยวฮ่องกง ไม่ง้อทัวร์

เที่ยวต่างประเทศ ไม่ง้อทัวร์

เซินเจิ้น ฮ่องกง 1 ฮ่องกง 2 มาเก๊า
มาเลเซีย มะละกา ชอปปิ้งในมาเลเซีย Genting (เกนติ้ง)
สิงคโปร์ 1 USS & Sentosa สิงคโปร์ 2 บาหลี

Post Views 47153

admin

นักเขียนประจำ emagtravel.com

31 thoughts on “เที่ยวเซินเจิ้น จีน ไปเองได้ ไม่ง้อทัวร์

  • May 24, 2011 at 4:42 pm
    Permalink

    ทริปนี้หมดไปกี่บาทหรอค่ะ?

  • May 25, 2011 at 7:26 pm
    Permalink

    ตอบคุณ ปอย

    ค่าเครื่องคนละประมาณ 7,500 บาท โรงแรมคืนละ 1,200 บาท ค่ากิน + เดินทางวันละ 500 บาทครับ

  • May 30, 2011 at 10:19 pm
    Permalink

    ขอบคุณที่นำเรื่องดี ๆ มาเล่าให้ฟังเผื่อมีidea จะไปดูของมาขายมั่งจ้า

  • June 4, 2011 at 6:30 pm
    Permalink

    ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากเลยครับ ได้ความรู้จริงๆเลย ถ้าเป็นไปได้มีเบอร์โทรไหมครับอยากคุยด้วย

  • June 4, 2011 at 6:33 pm
    Permalink

    ตอบคุณ JOH

    ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ถามตรงนี้ได้เลยครับ เผื่อคำถาม-คำตอบ จะเป็นประโยชน์กับคนอื่นด้วย

  • July 23, 2011 at 5:15 pm
    Permalink

    ถ้าเราจะไปหิ้วของกลับมาขาย….อัตราการเสียภาษีเค้าเป็นไงคะ….ขอบคุณค่ะ

  • July 29, 2011 at 12:03 pm
    Permalink

    อยากไปมั้งจังไปช่วงเดื่อนไหนถึงอากาศดีค่ะ

  • July 30, 2011 at 1:17 pm
    Permalink

    ตอบคุณ สุเเฟิสฟูจิ

    ที่เซินเจิ้นอากาศไม่ร้อนเหมือนบ้านเรา ถ้าอยากไปแบบอากาศดีๆ ก็ พ.ย.-ม.ค. ครับ อุณหภูมิประมาณ 10-20 องศา

  • September 3, 2011 at 9:35 am
    Permalink

    ขอบคุณครับ ข้อมูลละเอียดมาก เป็นประโยชน์มาก
    ถ้าผมได้ไปเซินเจิ้น จะำพยายามเอาข้อมูลมาแบ่งปันกัน

    ขอบคุณครับ

  • October 6, 2011 at 12:58 pm
    Permalink

    ขอบคุณมากค่ะ กำลังหาข้อมูลอยู่พอดีเลย จะไปตอนต้นเดือนพ.ย. ไปกันกับเพื่อน 4-5 คน

  • October 29, 2011 at 3:51 pm
    Permalink

    สวัสดีครับ…….คือผมจะไปเที่ยวที่เซินเจิ้นช่วงต้นปีหน้า 5 วัน… คิดว่าจะไปแบบชิวๆสะพายเป้นะครับ….ไปต่างประเทศคนเดียวครั้งแรก เลยมีเรื่องรบกวนสอบถามพี่ดังนี้ครับ
    1.ไปแอร์เอเชีย ถึงตอนดึก…คืนนั้นผมจะนอนที่สนามบินได้ป่าวครับ…แบบว่าอยากประหยัดค่าที่พัก
    2.ผมอยากเที่ยวกลางคืนด้วยนะครับ…ไม่ทราบว่าพอจะมี บาร์หรือร้านเหล้าบ้างป่าวครับ…
    3.ถ้าผมออกจากเซินเจิ้นไปฮ่องกง ขากลับมาที่เซินเจิ้นต้องทำวีซ่าใหม่ด้วยหรือครับ…ไม่ทราบว่ายุ่งยากป่าวครับ
    4.พี่พอจะมีแผนที่ในเซินเจิ้นที่เป็นอังกฤษจีน หรือไทยจีนป่าวครับ…
    5.มีเรื่องที่แนะนำอื่นๆ..รบกวนบอกผมด้วยนะครับ…

    ขอบพระคุณล่วงหน้าอย่างสูงครับ

  • October 29, 2011 at 4:05 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Kujaku

    1. น่าจะนอนที่สนามบินได้นะครับ สนามบินเซินเจิ้นเป็น International airport น่าจะมีเที่ยวบินทั้งคืน แต่โรงแรมที่เซินเจิ้น ราคาไม่ถึงพันบาท เยอะแยะเลย นอนโรงแรมก็สบายกว่านะครับ

    2. ที่เที่ยวกลางคืนไม่ทราบครับ ถ้าไม่มีคนท้องถิ่นพาไปเที่ยว อย่าไปเลยครับ ถ้าชอบกินเบียร์ลองเบียร์จีน TSINGTAO ดูครับ รสชาติดี ถูกด้วย มีขายตาม 7-eleven ทั่วไป

    3. ถ้าจะไปฮ่องกง แล้วเข้าเซินเจิ้นอีกรอบ ให้ทำ Visa แบบ Double ไปเลยครับ แต่ก็จะแพงกว่าแบบ Single

    4. แผนที่ไม่มีครับ ลองไปหาดูที่สนามบินนะครับ แต่ต้องไปอีก Terminal นึง ที่ไม่ใช่ Terminal ที่ Air asia ลง หรือจะ print ไปจาก google map ก็ได้ครับ

    5. ซื้อของต่อราคาเยอะๆ ครับ 1/5 เลย ถ้าซื้อกับร้านที่ไม่น่าไว้ใจ อย่าใช้แบงค์ใหญ่นะครับ เงินหยวน ปลอมกันเยอะ

  • October 30, 2011 at 7:21 am
    Permalink

    ขอบพระคุณมากๆครับ

  • December 21, 2011 at 12:50 pm
    Permalink

    ขอบคุณค่ะ สำหรับการท่องเที่ยวที่เซินเจิ้น เราจะไปช่วง 3 – 7 มค ไปประชุมสัมมนาค่ะ เห็นเขาบอกว่าที่เซินเจิ้นไม่พูดภาษาอังกฤษกันหรอค่ะ แล้วเวลาสื่อสารกับเขาเราจะทำไงหรอค่ะ อีกอย่างเรามีวิธีตรวจสอบเงินหยวนปลอมไหมค่ะ จะได้ไม่ถูกหลอกค่ะ ขอบคุณค่ะ

  • December 21, 2011 at 1:33 pm
    Permalink

    ตอบคุณ aum

    พนักงานโรงแรมพอจะพูดภาษาอังกฤษได้ครับ แต่ที่สนามบินพูดอังกฤษกันไม่ได้เลย เวลาสื่อสารกับเค้าก็ชี้เอาครับ ภาษามือ ถ้าจะไปไหนให้ print ชื่อสถานที่นั้นเป็นภาษาจีนไปด้วย เวลาขึ้น Taxi ก็ยื่นให้เค้า

    ส่วนเงินหยวนปลอม ผมดูไม่เป็นเหมือนกันครับ แนะนำว่าให้ใช้แบงค์ใหญ่กับสถานที่ที่วางใจได้เท่านั้นเช่นห้าง ร้าน KFC ฯลฯ แต่ผมไปก็ไม่เจอเงินปลอมนะครับ เจอแต่แบงค์เน่าๆ ที่เค้าทอนมาให้ 1 ครั้ง พอจะไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเกต เค้าดันไม่รับแบงค์เน่าๆ นี้ แต่ก็ช่างมันครับ 5 หยวนเอง

  • January 13, 2012 at 9:00 am
    Permalink

    ได้ความรู้ดีมากครับ ผมสอบถามนิดนึงครับว่าโรงงานผลิตสินค้าประเภทอิเลคทรอนิคส์อยู่ห่างจากในเมืองแค่ไหนครับ ผมกำลังจะไปดูเกี่ยวกับงานเหล่านี้ทีนั่นครับ

  • February 8, 2012 at 2:27 am
    Permalink

    ขอบคุณมากค่ะ
    ไปเดือน กันยาไม่รู้ว่าอยู่ในฤดูไหนเหรอคะ

  • February 8, 2012 at 2:28 am
    Permalink

    แล้วถ้าเราซื้อกระเป๋าก๊อบแบรนด์หลาย ๆ ใบจะเอาเข้าไทยได้มั๊ยอ่ะค่ะ

  • February 8, 2012 at 3:38 pm
    Permalink

    ตอบคุณเจี๊ยบ

    – เซินเจิ้น เดือนกันยายน อยู่ในหน้าฝนครับ อุณหภูมิประมาณ 28 องศา
    – ถ้าซื้อกระเป๋าก๊อบแบรนด์มาหลาย ๆ ใบ อาจเสี่ยงต่อการโดนศุลกากรไทยตรวจ และอาจต้องเสียภาษีนำเข้าครับ

  • February 9, 2012 at 12:30 am
    Permalink

    อยากทราบว่า ห้าง Children นี่อยู่ตรงแถวไหนครับ ลงใต้ดินอะไร ตั้งใจจะไปซื้อของเล่นเลยครับ

  • February 9, 2012 at 6:43 am
    Permalink

    ตอบคุณ boyze

    ห้าง Children อยู่แถว สถานีรถไฟฟ้า Huaqiang Road ครับ ซื้อของเล่นต้องดูดีๆ นะครับ คนขายชอบแอบสับเอาของไม่ดีให้เรา

  • February 9, 2012 at 5:56 pm
    Permalink

    ขอบคุณนะคะสำหรับคำตอบ

  • February 10, 2012 at 12:46 pm
    Permalink

    ไปกัน 2 คน หิ้วกระเป๋ากลับมากันคนละ 5 ใบ คงไม่โดนเสียภาษีหรอกเนาะ

  • October 24, 2012 at 5:33 pm
    Permalink

    สินค้าพวกอุปกรณ์มือถือ , เคสมือถือ
    มีแหล่งใหญ่อยู่ที่เซินเจิ้นหรือกวางเจาค่ะ
    ถ้าเซินเจิ้นอยู่ที่ย่านไหนค่ะ

  • December 17, 2012 at 8:38 pm
    Permalink

    ตั้งใจจะส่งลูกไปเรียนภาษาที่มหาวิทยาลัยเซินเจิ้น แต่ไม่รู้ว่าจะเดินทางไปอย่างไร ไกลสนามบินมากมั้ย วันแรกตั้งใจนอนใกล้ๆๆสนามบินเลย อีกวันค่อยหาทางไปมหาวิทยาลัย ไปนอนรร ใกล้ๆๆ อยากรู้ถนน และการเดินทางไปเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม พอทราบข้อมูลมั้ยคะ จะลำบากมั้ยคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

  • December 19, 2012 at 5:14 pm
    Permalink

    ขอบคุณคุณ admin ที่นำประสบการณ์ดีๆ พร้อมภาพปรพกอบที่น่ารัก มาแชร์ให้พวกเราได้เก็บเป็นข้อมูลสำหรับการเดินทางไป เซิ่นเจิ้น น่ารักมากกกกกกกๆๆๆเลยครับ

  • January 11, 2013 at 3:29 pm
    Permalink

    review ได้ละเอียดมากครับ ตอนแรกเห็นสำนวนคุ้นๆ ที่แท้เว็บท่านโฟค นี่เอง 🙂

  • January 23, 2013 at 12:29 am
    Permalink

    พอดีอยากทราบรายละเอียดการเดินทางเริ่มจากสนามบินเซินเจิ้นไป otc ว่าสามารถไปทางไหนบ้างเช่นรถเมล,รถไฟฟ้าใต้ดิน,ขอแบบละเอียดเลยอะคับแล้วก็ใช้เวลาเดินทางนานไหม (ไม่เอาtaxiนะคับ)
    อยากทราบลายระเอียดจาก otc ไปท่าเรือไป มาเก๊าต้องไปต่อยังไง ขอบคุณนะคับพอดีจะไปช่วง
    16-17 กุมพา 2556 ช่วงวันหยุดเสา-อา อะครับ รบกวนช่วยทีนะครับ

  • August 29, 2015 at 3:30 pm
    Permalink

    ไปมาล่าสุดของเยอะมากครับ คนแนะนำแบบเดินมาถามว่าเอา กระเป๋ามั้ย นาฬิกามั้ย มาถามตื้อจนน่าลำคาญพอเราไม่สนใจ หรือ บอกไปว่าเราต้องการซื้อเอง ก็ออกแนวด่า หาว่าเราไม่มีเงิน อันนี้เป็นอะไรที่ไม่ชอบเลยครับ เกือบจะไฟว์กับมันมาแล้ว…สินส่วนค้าคนที่ต่อเก่งๆจะได้เปรียบครับ

  • August 29, 2015 at 8:03 pm
    Permalink

    ตอบคุณ シワポーン。

    เห็นด้วยครับว่าตื้อมาก แล้วราคาตั้งมาเผื่อต่อรองเยอะมาก สินค้าพวกนี้ถ้าให้สบายใจซื้อที่ไทยดีกว่า พังก็ยังเคลมได้

  • June 16, 2016 at 1:56 am
    Permalink

    จองตั๋วไปเดือนกันยายนนี้ ใครสนใจร่วมเดินทางทักมานะค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *