เที่ยวสวนส้มธนาธร อ.ฝาง ชิมส้มสดๆ จากสวน

เชียงใหม่ / เที่ยวสวนส้มธนาธร อ.ฝาง ชิมส้มสดๆ จากสวน

ทริปเที่ยวเชียงใหม่ ทริปนี้มีด้วยกันทั้งหมด 4 ตอนนะครับ แต่ขอตั้งชื่อตอนตามสถานที่ท่องเที่ยวที่ไป ตอนนี้เป็นตอนที่ 1

1. เที่ยวสวนส้มธนาธร ฝาง ชิมส้มสดๆ จากสวน

2. นอนแช่น้ำพุร้อนฝาง อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก

3. เที่ยวดอยอ่างขาง ชมโครงการหลวง ตามล่าหาดอกนางพญาเสือโคร่ง

4. เที่ยวงานพืชสวนโลก 2554

การเดินทางในครั้งนี้เราใช้บริการรถทัวร์ ไปลงที่ปากทางดอยอ่างขาง หน้าวัดหาดสำราญ ซึ่งรถทัวร์ที่ไป อ. ฝาง จะมี นิววิริยะยานยนต์ กับ บขส 2 เจ้าเท่านั้นเราเลือกเดินทางกับนิววิริยะยานยนต์ เป็นรถ VIP ราคาตั๋ว 731 บาท คิดว่าน่าจะนั่งสบายกว่ารถ บขส

เราต้องไปขึ้นรถที่หมอชิต ไปถึงแล้วก็หาข้าว หาน้ำกิน เวลาขึ้นรถแล้วจะได้หลับยาวไป

ดูร้านอาหารในศูนย์อาหารหมอชิต ไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่ เลยสั่ง KFC มากินดีกว่า

กินอิ่มเสร็จ เข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมตัวนอนบนรถ

ในตั๋วบอกว่ารถออกเวลา 19.45 น. แต่เอาเข้าจริงรถออก 20.30 น. delay ไปเกือบชั่วโมง คงรอผู้โดยสารให้ครบทุกที่นั่ง

เมื่อขึ้นไปบนรถก็ต้อง Surprise เพราะที่นั่งกว้างมาก นิววิริยะจัดวางที่นั่งแบบ A – CD ใครที่นั่งแถวเดียว ริมทางเดินน่าจะสบายที่สุด ไม่ต้องเบียดใคร

สภาพภายในรถกลางๆ ไม่เก่ามาก เบาะรถเป็นเบาะปรับเอนนอนธรรมดา ไม่มีนวดไฟฟ้า แต่ผมว่ามันก็ไม่ได้จำเป็นหรอก

พื้นที่วางขากว้างตามมาตราฐาน แต่ถ้าเบาะหน้าเอนมาสุดก็เกือบโดนขาเราเหมือนกัน ถ้าใครชอบรถที่มีพื้นที่วางขากว้างแนะนำสมบัติทัวร์เลยครับ

ห้องน้ำในรถจะอยู่ที่ชั้นล่าง ตรงบันไดทางขึ้น

ของที่แจกบนรถก็จะมี คุ้กกี้ + น้ำดื่ม + นมถั่วเหลืองดีน่ากล่องเล็ก

รถจะแวะจอดกลางทาง กินข้าว เข้าห้องน้ำตอนประมาณเที่ยงคืนนะครับ หลังเที่ยงคืนไปแล้วรู้สึกว่าห้องน้ำในรถทัวร์ กลิ่นค่อนข้างเหม็น เนื่องจากการใช้งาน ผิดกับรถทัวร์ของนครชัยแอร์, สยามเฟิร์สทัวร์, สมบัติทัวร์ ที่มีการทำความสะอาดเป็นระยะ

รถทัวร์สายนี้แวะส่งคนที่ขนส่งเชียงใหม่ (อาเขต) ประมาณตี 5 แล้ววิ่งต่อไปยัง อ. ไชยปราการ อ. เชียงดาว

เราลงรถที่ปากทางดอยอ่างขาง (วัดหาดสำราญ) โดยเราติดต่อเหมารถให้มารับ พาเที่ยว ฝาง – ดอยอ่างขาง ก่อนหน้านี้แล้ว ไกด์ของเราชื่อคุณคำใส ครับ เจ้าของกระทู้ ใน Pantip “เช้านี้ที่อ่างขาง …..” คุณคำใส มารับเราที่หน้าวัดหาดสำราญ ด้วยรถ Isuzu Dmax Hilander รถยังใหม่อยู่เลยครับ

คุณคำใส คิดค่าบริการดังนี้

– ขึ้นดอยอ่างขาง พาเที่ยวโครงการหลวง ไร่สตรอว์เบอร์รี่ จุดชมวิว และส่งขึ้นรถตู้ฝาง กลับเชียงใหม่ 1,900 บาท

– เที่ยวสวนส้มธนาธร อ.ฝาง 300 บาท

– เที่ยวน้ำพุร้อนฝาง 300 บาท

รวมทั้งหมด 2,500 บาท 2 วัน

ติดต่อคุณคำใส 084 174 0159

ใครที่ไม่ได้ขับรถไปผมแนะนำให้เหมารถเที่ยว จะเที่ยวได้เยอะกว่า สะดวกกว่านั่งรถโดยสารครับ สามารถติดต่อคุณคำใส ล่วงหน้าได้ที่เบอร์โทรด้านบนเลยครับ คุณคำใส ขับรถดี บริการดี ใจเย็น ส่งให้ถึงที่ ราคาไม่แพงครับ

อากาศตอนเช้าที่ อ.ฝาง หนาวมากครับ น่าจะต่ำกว่า 20 องศา เราลงจากรถโดยที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อกันหนาว เวลาพูดควันออกปากเลยครับ หนาวจนสั่นเลย

เราทานมื้อเช้าที่ตัว อ. ฝาง อากาศเย็นๆ กับก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ เข้ากันได้ดี ทานข้าวเสร็จก็ลุยกันต่อเลย ยาวไปที่สวนส้มธนาธร อ.ฝาง

ระยะทางจากตัว อ.ฝาง ไปสวนส้ม ธนาธร ประมาณ 30-40 นาที ทางดี สะดวก ไม่โค้ง ไม่ชัน รถเก๋งก็ไปได้ครับ ก่อนถึงสวนส้มธนาธร จะเจอกับสวนส้มของเจ้าอื่นอยู่ที่ปากทาง

พอเกือบจะถึงสวนส้มธนาธร ทางเริ่มไม่ค่อยดีเป็นลูกรัง แต่ระยะทางไม่ไกลครับ ลุยลูกรังไปแปปเดียวก็เจอสวนส้มแล้ว

ทางไปสวนส้มธนาธร

ถึงแล้ว สวนส้มธนาธร วันที่เราไปเป็นวันศุกร์ และยังเช้าอยู่ แทบไม่มีคนมาเที่ยวเลย

สวนส้มธนาธร (Thanathon Orchard) ที่เราไปนั้นเป็น สวนส้มธนาธร 2 บ้านลาน เริ่มเพาะปลูกในปี พ.ศ. 2527 บนพื้นที่กว่า 700 ไร่ ทางสวนส้มได้เช่าพื้นที่พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติลุ่มน้ำฝาง บรรยากาศล้อมรอบไปด้วยภูเขา และอยู่ใกล้กับเขื่อนพลังไฟฟ้าแม่มาว ที่นี่เป็นแหล่งกำเนิดส้มสายน้ำผึ้งชื่อดัง ที่ส่งไปขายทั้งในและนอกประเทศ

แค่ซุ้มทางเข้าที่ด้านหน้าสวน ก็มีดอกไม้ให้ถ่ายเยอะแยะ สีเหลืองๆ ในรูปด้านบนคือมะเขือการ์ตูนครับ พวกยอดดอยที่อากาศหนาวชอบปลูกกันเยอะครับ ปลูกประดับไว้สวยๆ ทานไม่ได้นะครับ

อยากจะบอกว่าเราเจอดาราที่สวนส้มธนาธรด้วยครับ ผมเดินสวนกับ คุณกอล์ฟ เบญจพล ตอนเข้าห้องน้ำ คุณกอล์ฟ เบญจพลมาถ่ายละครเรื่องธรณีนี่นี้ใครครอง

เนื่องจากว่าสวนส้มมีขนาดใหญ่ กว่า 700 ไร่ และเปิดให้นักท่องเที่ยวชมบางส่วน ดังนั้นการเข้าชมในสวนควรใช้บริการรถเรือของสวนส้มธนาธรนะครับ ค่าบริการคนละ 30 บาท

ข้อห้ามของสวนส้มธนาธร ห้ามเด็ดส้ม ฝ่าฝืนปรับลูกละ 500 บาท ใครที่พาเด็กไป ก็ระวังกันหน่อยนะครับ

มีตั๋วแล้วขึ้นรถได้เลยครับ รถเรือหน้าตาจะเป็นตามรูปด้านล่างครับ

รถรอบนี้เรานั่งกันไป 3 คน เท่านั้น VIP มากๆ ในรถจะมีไกด์ ให้ความรู้ในสวนส้มธนาธร อยู่ด้วยครับ

ไกด์อธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับสายพันธุ์ของส้มอยู่ค่อนข้างเยอะ แต่จำไม่ค่อยได้ครับ

ด้วยความที่เป็นคนสนใจที่มาที่ไปของเจ้าของกิจการต่างๆ ว่าเค้าเริ่มต้นจากอะไร กว่าจะมาเป็นวันนี้ เลยเข้าไปดูที่เวบไซต์ของสวนส้มธนาธร www.tntorchard.com/histrory.html เจอประวัติของคุณบัณฑูร จิระวัฒนากูล ผู้ก่อตั้งสวนส้มธนาธร เจ้าของสวนส้มที่เป็นที่รู้จักกันทั้งประเทศ

ใครจะรู้บ้างว่ากว่าจะประสบความสำเร็จขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านอะไรมาหลายอย่าง และจะอึ้งยิ่งขึ้นเมื่อรู้ว่า คุณบัณฑูร เรียนไม่จบ ป.3

ผมขอก๊อปประวัติของคุณบัณฑูร มาให้อ่านกันนะครับ

นายบัณฑูร จิระวัฒนากูล เป็นบุตรชายคนโตของนายชุ่นเส็ง และนางม่วยนี้ แซ่เล้า เกิดที่ ตำบลบางซื่อ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
เมื่อ พ.ศ. 2485 บิดา มารดา มีอาชีพทำสวนผัก มีพี่น้องรวม 12 คน ชาย 5 คน หญิง 7 คน นายบัณฑูร เรียนหนังสือได้ไม่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก็ได้ลาออกมาช่วยบิดา มารดา ทำสวนผัก และค้าขาย และยังเหมาซื้อผักของสวนที่ใกล้เคียงไปส่งขายให้แม่ค้าที่ตลาด

ปี 2504 นายบัณฑูร ได้ย้ายตามบิดาขึ้นมาทำสวนผักที่ ตำบลฟ้าฮ่าม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อว่างจากส่งผักที่ตลาด ก็หัดทำข้าวเกรียบกุ้งขายตามหมู่บ้าน และเขตใกล้เคียงโดยใช้จักรยานเป็นพาหนะ และรู้จักเจ้าของสวนลำไยจึงติดต่อซื้อลำไยจากเจ้าของสวนนำมาบรรจุเข่งส่งขายกรุงเทพฯ? และรับผลไม้จากกรุงเทพฯ มาจำหน่ายส่งให้แก่พ่อค้า แม่ค้าในตลาดที่เชียงใหม่ โดยอาศัยขนส่งทางรถไฟ ช่วงปี 2504 การเดินทางจากเชียงใหม่-กรุงเทพฯ เป็นปัญหาต่อการขนส่ง ผลไม้เกิดเน่าเสียทำให้ขาดทุน และหยุดกิจการไป

ต่อมาจึงหันมาซื้อของตามท้องถิ่นขาย เช่น ส้ม ของสวนวังน้ำค้าง สวนสุวิมล (สวนดอยทอง) และสวนที่ใกล้เคียง โดยรับซื้อจากสวน และนำมาขายส่งที่ เชียงใหม่ ลำปาง

ปี 2506 นายบัณฑูร ได้เข้ารับการเกณฑ์ทหาร ในจังหวัดเชียงใหม่ ค่ายกาวิละ เข้าประจำการจนครบ 2 ปี นายบัณฑูรรู้สึกว่าเป็นการโชคดีที่ได้เป็นทหารเกณฑ์ เนื่องจากทำให้รู้จักระเบียบ วินัย สะอาด อดทน รู้ขั้นตอนการทำงาน เป็นการเรียนรู้การได้อยู่ร่วมกัน ความสามัคคี จากจุดนี้ทำให้นายบัณฑูร ได้มีแนวคิดในการจัดระบบการบริหารงานองค์กร

ปี 2511 ได้สมรสกับนางสายจิต วัฒนการ มีบุตร 2 คนคือ นางสาวธนาธร จิระวัฒนากูล และนายบรรจง จิระวัฒนากูล โดยยังประกอบอาชีพ
ค้าขายผัก และเอารถ 4 ล้อไปแลกซื้อรถ 6 ล้อ วิ่งรับจ้างซื้อกะหล่ำปลีไปขายทางภาคอีสาน ซึ่งต้องเป็นคนขับรถเอง โดยมีลูกน้องอีก 1 คน

ปี 2512 ภาคอีสานเป็นฐานทัพอเมริกา จึงเอาผักไปขายให้ทหารอเมริกัน แล้วได้รู้จักคุณประยูร พลพัฒน์พงศ์ เจ้าของบริษัท เอ เอ เบเกอรี่ ต่อมาได้เป็นคู่ร่วมค้า และสนับสนุนช่วยเหลือนายบัณฑูร เกี่ยวกับสินค้าเกษตร โดยว่าจ้างให้ปลูกพืชผัก มะเขือเทศ ส่งค่ายอเมริกัน ถึงแม้ผลผลิตจะเสียหายไม่ครบตามสัญญา ก็ไม่เคยทอดทิ้งกันจนถึงปัจจุบัน

ปี 2516 เริ่มมีการทำปลาทะเลแช่แข็งมาขายในจังหวัดเชียงใหม่ นายบัณฑูรเห็นว่าอนาคตน่าจะไปได้ไกล จึงรวบรวมเงินจากพี่น้อง ทำปลาทะเลแช่แข็งขายสด และแปรรูป โดยวิธีการนึ่ง กิจกายขยายไปในหลายจังหวัด ระยะแรกกิจการค้าดี ต่อมาเริ่มมีคู่แข่ง จากที่เคยซื้อพ่อค้าเอกชน ก็หันไปซื้อกับองค์การอุตสาหกรรมห้องเย็น แต่คุณภาพของปลาที่องค์การฯ สดสู้ของเอกชนไม่ได้ ทำให้ต้องพยายามต่อสู้ ปรับปรุงวิธีการจำหน่าย และเข้าไปซื้อปลาสดจากชาวประมงเอง
ปี 2518 เกิดข่าวปลาทะเลมีพยาธิ และการแข่งขันทางการตลาดมีมาก ทำให้ปลาทะเลขายไม่ได้ จนต้องเลิกกิจการ เป็นหนี้องค์การอุตสาหกรรมและโดนฟ้องร้อง

หลังจากนั้นกลับบ้านที่เชียงใหม่ ยึดอาชีพการซื้อส้มในท้องถิ่น เป็นทั้งลูกค้า และคนงานสวน การเข้าไปคลุกคลีในสวน ทั้งสวนส้มวังน้ำค้าง และสวนส้มสุวิมล ทำให้รู้ปัญหา และตลาด เกิดแรงบันดาลใจอยากทำสวนส้มเป็นของตนเอง

ปี 2519 ได้มาที่อำเภอฝาง และมีโอกาสชักชวนเถ้าแก่สวนส้มสุวิมล ขอเข้าร่วมทุนซื้อที่ดินจำนวน 66 ไร่ ที่บ้านห้วยไคร้ ตำบลแม่สูน เถ้าแก่ฯให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ต่อมาเถ้าแก่ฯ ได้ขอถอนตัวในการเข้าหุ้นแต่ก็ยังให้ความช่วยเหลือ เรื่องการเงิน การทำสวนส้มในตอนนั้นจะใช้ปุ๋ยชนิดดี จึงไปซื้อปุ๋ยตราเรือใบไวกิ้ง ที่บริษัทโรจน์กสิกิจ ซึ่งเดิมตั้งอยู่ที่ปากคลองตลาดซื้อจำนวน 40 กระสอบ เมื่อทางบริษัทโรจน์ฯ ทราบว่าจะนำไปใช้ในเชียงใหม่ จึงติดต่อให้เป็นตัวแทนจำหน่ายที่เชียงใหม่ เพราะกำลังหาตัวแทนจำหน่ายอยู่พอดี ในปีแรกสวนส้มได้เงินจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายปุ๋ยมาขยาย และปรับปรุง พอปีที่สอง การค้าปุ๋ยเริ่มมีปัญหา เรื่องหนี้สินที่ปล่อย เก็บเงินไม่ได้บ้าง เงินบางส่วนเอาไปลงสวนส้ม และต้องถือเป็นพระคุณของ คุณประวิทย์ (เถ้าแก่ปุ๋ยเรือใบ) ที่ให้ความเห็นอกเห็นใจ ยอมให้นายบัณฑูรเป็นหนี้จำนวนมาก พร้อมยังให้กำลังใจนายบัณฑูร ต่อสู้อุปสรรค นายบัณฑูรโชคดีมากที่เจอผู้อุปการะที่ยิ่งใหญ่ ทำให้นายบัณฑูรมีโอกาส และเข้าใจถ่องแท้ว่า การตั้งใจจริงที่จะทำงานซื่อตรงต่ออาชีพตัวเอง ต่อสู้ปัญหา ความพยายามจะไม่สูญเปล่า จะช้าหรือเร็ว อยู่ที่จังหวะ อย่าท้อถอย

หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตส้มในปีแรกแล้ว นายบัณฑูรก็ขยายสวนส้มต่อไปอีก โดยการซื้อที่บริเวณใกล้เคียงเพิ่มครั้งละ 20-30 ไร่ ปลูกส้มเขียวหวานเพิ่มมากขึ้นทุกปี ปัจจุบันสวนห้วยไคร้ปลูกส้มเขียวหวาน (ผิวทอง) ประมาณ 150 ไร่ และมีการปลูกมะม่วงบ้างเล็กน้อย

ปี 2527 ได้ทำการเช่าพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติลุ่มน้ำฝาง เขตตำบลม่อนปิ่น อำเภอฝาง จำนวน 701 ไร่ ขยายการปลูกส้มช่วงแรกเป็นส้มเขียวหวาน ต่อมาได้มีโอกาสไปดูงานต่างประเทศ เช่น อิสราเอล ออสเตรเลีย จีนแดง ญี่ปุ่น อเมริกา ได้ศึกษาเกี่ยวกับพันธุ์ต่างๆ ตลอดจนการใช้ต้นตอของส้มชนิดอื่นๆมาทำการติดตา และเสียบยอด เพื่อช่วยให้ต้นส้มมีอายุยืน ติดผลดี รสชาดดี ยังทำการวิจัยเกี่ยวกับส้มพันธุ์ไหนที่เหมาะจะปลูกส้มเขียวหวาน (ผิวทอง) เพื่อที่จะให้ผู้บริโภคในประเทศได้บริโภคของดี ราคาถูก พร้อมทั้งพยายามหาพันธุ์ส้มที่ตลาดต่างประเทศต้องการและสามารถปลูกในประเทศไทยได้? เพื่อสามารถส่งออก และเป็นการช่วยเกษตรกรไม่ให้ผลผลิตล้นตลาด ในปัจจุบันสวนส้มธนาธรมีพันธุ์ส้มทั้งหมดเกือบ 40 พันธุ์ที่อยู่ในระหว่างการทดลอง และขยายสายพันธุ์ส้มต่างๆ ที่ได้มาจากอิสราเอล ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และมีบางส่วนที่ทำการเพาะปลูกเมล็ดพันธุ์เอง
จากผลงาน และความสามารถของนายบัณฑูร ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2536 สถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ จึงได้มอบปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาวิชาพืชศาสตร์ ให้แก่นายบัณฑูร ซึ่งนับเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่แก่ชีวิต เป็นรางวัลชีวิตภาคภูมิใจเป็นที่สุด

และในวันที่ 27 กุมภาพันธุ์ 2543 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาพืชศาสตร์ ให้แก่นายบัณฑูร จิระวัฒนากูล ซึ่งก็สร้างความภาคภูมิใจในชีวิตการทำงานเป็นอย่างยิ่ง

นั่งรถมาถึงตรงนี้รถก็จอดให้เราลงไปเดินชมสวน และ ถ่ายรูป

ในช่วงเดือน ธ.ค. – เม.ย. จะเป็นช่วงที่เหมาะกับการชมสวนธนาธรมากที่สุดครับ เป็นระยะเก็บเกี่ยวของส้มเกือบทุกชนิด จะได้เห็นผลส้มติดอยู่กับต้นส้ม

ส้มแปลงนี้น่าจะใกล้เก็บได้แล้วครับ ลูกใหญ่ สีเหลืองแล้ว

แปลงนี้ยังเขียวอยู่ คงอีกซักพักถึงจะเก็บได้

นอกจากต้นส้มแล้ว ยังมีแปลงดอกไม้ที่ปลูกไว้ให้ดูสวยงาม

แปลงดอกไม้เมืองหนาว

ชมวิว ชมสวนเสร็จแล้วก็เดินทางกันต่อครับ

รถมาจอดจุดที่ 2 (จุดสุดท้าย) ที่บ้านไม้สีน้ำตาล มีชื่อว่า บ้านโรจน์กสิกิจ บ้านหลังนี้อยู่บนเนินเขา มองเห็นวิวได้สวยสุด เป็นบ้านพักของแขก VIP สวนส้มธนาธร ไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปเข้าพัก บ้านหลังนี้เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังหลายเรื่องเหมือนกัน ล่าสุดก็เรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง

ที่มาของบ้านโรจน์กสิกิจ มาจาก บริษัทโรจน์กสิกิจ ที่ขายปุ๋ยตราเรือใบไวกิ้ง เป็นผู้มีพระคุณของคุณบัณฑูร เจ้าของสวนส้มธนาธร

กระหล่ำประดับหน้าบ้าน ดูจากการก่อสร้างแล้ว สร้างคล้ายๆ สไตล์รีสอร์ทเลยครับ

เดินไปชมวิวที่หลังบ้านบ้าง

หลังบ้านเป็นระเบียงยื่นออกไป

หลังบ้านบ้านโรจน์กสิกิจ

มองเห็น กองถ่ายละครธรณีนี่นี้ใครครอง ที่สวนส้มธนาธร นักแสดงนำในเรื่องนี้ได้แก่ ณเดชน์ ญาญ่า กุ๊บกิ๊บ ถ้าใครสายตาดีๆ มองลงไปอาจจะเห็น ณเดชน์ ญาญ่า คุณคำใส ไกด์ของเราบอกว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่กองถ่ายนี้อยู่

จากรูปบนถ้าซูมเข้าไปใกล้ๆ จะเห็นสันเขื่อนแม่มาว ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของสวนส้มธนาธร ไกด์สาวของสวนส้มธนาธร บอกกับเราว่า ทะเลสาบที่อยู่ด้านล่างเขื่อนจะเปิดเป็นที่กางเต๊นท์ต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกครับที่สวนส้มธนาธรจะเน้นทำเป็นที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร

รถเรือที่เรานั่งมาครับ สังเกตุว่ามีสติ๊กเกอร์ปุ๋ยไข่มุก ตราเรือใบไวกิ้ง ติดเต็มรอบรถไปหมด ถ้าใครได้อ่านประวัติของคุณบัณฑูร เจ้าของสวนส้มธนาธร ก็จะเข้าใจครับ ว่าทำไมถึงมีสติ๊กเกอร์นี้

เราใช้เวลาชมสวนประมาณ 30 นาที รถเรือก็มาส่งเราที่จุดเดิม

เดี๋ยวเราแวะไปดูส้ม ซื้อไปกินเล่นกันหน่อยครับ

ส้มคาราเมนติน เป็นส้มลูกเล็กที่กินได้ทั้งเปลือก ขายถุงละ 30 หรือ 35 บาท นี่แหล่ะครับ ไม่แน่ใจ ผมก็เพิ่งรู้ว่ามีส้มที่ทานได้ทั้งเปลือก เราซื้อไปลอง 1 ถุงครับ

ส้มโอเชียน เป็นส้มสายพันธุ์ใหม่ โดยการนำส้มไปผสมกับส้มเช้ง กลีบเนื้อส้มจะคล้ายกับส้มเช้ง หวาน ส่วนเปลือกส้มจะแกะง่าย เปลือกหนา ขายที่สวนโลละ 35 บาท หรือ 3 โลร้อยครับ

ส้มธนาธร Number 1 เป็นส้มมีสีเหลือง ลูกใหญ่ เปลือกหนา คล้ายส้มเช้ง รสชาดหวานอมเปรี้ยว
ซางในนิ่มและมีน้ำมากทำน้ำส้มคั้นได้มาก กลิ่นหอม

สรุปว่าเราได้ส้มคาราเมนติน 1 ถุง และส้มโอเชียนไป 1 โล ส้มที่สวนราคาค่อนข้างถูกครับ โลละ 35 บาทเท่านั้น ถ้าไปซื้อที่กรุงเทพฯ น่าจะโลละ 60 บาท เสียดายว่าไม่ได้ขับรถไป ไม่งั้นจะเหมามาเป็นลังมาฝากญาติๆ

เสร็จจากสวนส้มธนาธร เดี๋ยวเราจะไปอาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อนที่บ่อน้ำพุร้อนฝาง ที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก ติดตามกันตอนต่อไปนะครับ

อ่านตอนต่อไป –> นอนแช่น้ำพุร้อนฝาง อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก

Post Views 39981

admin

นักเขียนประจำ emagtravel.com

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *