เที่ยวทะเลสาบโทวาดะ ลำธารโออิราเสะ (Lake Towada – Oirase) ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี

ต่อจากตอนที่แล้ว รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น ภูมิภาค Tohoku – พิพิธภัณฑ์โคมไฟ Nebuta Aomori

เมื่อคืนเราหลับเต็มอิ่ม พร้อมที่จะลุยต่อในวันนี้ โปรแกรมเที่ยวในวันนี้จะเป็นการชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ทะเลสาบโทวาดะ และลำธารโออิราเสะ (Lake Towada – Oirase Stream) ที่นี่จัดว่าเป็นหนึ่งในไม้ไม้เปลี่ยนสีที่สวยอันดับต้นๆ ในโทโฮคุ รูปแบบการเที่ยวจะเป็นการเดินเลียบลำธาร ชมธรรมชาติ เดินค่อนข้างเยอะ และ มีเรือให้นั่งชมวิว การไปเที่ยวทะเลสาบโทวาดะ สามารถไปแบบเช้าไป-เย็นกลับ จาก Aomori ได้ แต่จะไปได้ไม่ครบทุกจุด เพราะเสียเวลาไปกับการเดินทาง ถ้ามีเวลานอนพักซัก 1 คืนกำลังดี ที่พักใกล้ทะเลสาบ Towada มีสวยๆ หลายแห่ง แบบเรียวกังก็มี

การเดินทางจาก Aomori ด้วยรถบัส ใช้เวลาถึงขาละ 3 ชั่วโมง แนะนำว่าควรออกแต่เช้า ให้ทันรถรอบแรกๆ 7.30 น. 7.45 น. 8.15 น. จะได้มีเวลาเที่ยว และกลับไม่เย็นมาก

ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี Lake Towada – Oirase Stream เป็นช่วงไหน?

ค่าเฉลี่ยจะอยู่ประมาณสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคม โดยจะแดงมาจากโซนทะเลสาบ Towada ก่อน แล้วค่อยไล่มายังลำธาร Oirase ส่วนบนภูเขา Mt. Hakkoda ช่วงพีคประมาณสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคม ในทริปนี้ เราเดินทางไปวันที่ 2 พฤศจิกายน เป็นช่วงท้ายๆ ของใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว

มื้อเช้าฝากท้องที่ร้านข้าวหน้าเนื้อ Yoshinoya หน้าสถานี Aomori เป็นร้านข้าวร้านเดียว (ที่เราเห็น) ที่เปิดขายแล้ว มื้อนี้คนละประมาณ 500 เยน อิ่มกำลังดี แนะนำว่าทานข้าวแต่พอดี อย่าทานน้ำเยอะ บนรถบัสไม่มีห้องน้ำ แต่มีแวะจอดให้เข้าตามจุดจอด

ซื้อของกินไปทานมื้อกลางวัน

ทริปนี้เป็นทริปเช้าไป-เย็นกลับ ต้องทำเวลาพอสมควร เราเลยซื้อข้าวปั้น และ ขนมปัง ใน Family Mart ใส่กระเป๋า ทานเป็นมื้อกลางวันที่ทะเลสาบโทวาดะ แนะนำเป็นของที่ทานง่าย และไม่มีกลิ่นออกเมื่ออยู่บนรถ

.

การเตรียมตัวไปทะเลสาบโทวาดะ ลำธารโออิราเสะ (Lake Towada – Oirase)

1.เช็คพยากรณ์อากาศก่อนไป เลือกไปวันที่ไม่มีฝน ควรจัดโปรแกรมยืดหยุ่น สลับวันได้

2.ควรเตรียมร่ม เสื้อกันฝนติดตัวไว้ บางครั้งฝนก็อาจตกโดยไม่แจ้งล่วงหน้า

3.ควรเตรียมอาหารมื้อกลางวันไปทาน เช่น แซนวิช ข้าวปั้น เบนโตะ ที่ทะเลสาบโทวาดะ หาของกินยาก และ อาจต้องรอคิวร้านอาหาร

ข้อมูลทะเลสาบโทวาดะ และ ลำธารโออิราเซะ (Lake Towada – Oirase)

ทะเลสาบโทวาดะ (Lake towada)

อยู่ที่จังหวัด Aomori ติดกับจังหวัด Akita เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่สุดบนเกาะฮอนชู ที่เกิดจากการทรุดลงของปากปล่องภูเขาไฟ (ภาษาอังกฤษใช้คำว่า caldera) จนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ และเมื่อมีน้ำมาขังก็กลายเป็นทะเลสาบ ทะเลสาบโทวาดะ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงด้านใบไม้เปลี่ยนสีของภูมิภาคโทโฮคุ พื้นที่รอบทะเลสาบส่วนมากเป็นป่า มีเพียงโซน Yasumiya ที่มีลักษณะเป็นเมืองเล็กๆ มีที่พัก ร้านอาหาร และ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

ลำธารโออิราเซะ (Oirase stream)

เป็นลำธารที่เชื่อมต่อกับทะเลสาบโทวาดะ ทำหน้าที่ระบายน้ำออกจากทะเลสาบ จุดที่เชื่อมต่อกับทะเลสาบจะเป็นบริเวณ Nenokuchi เส้นทางที่ลำธารไหลผ่านจะเป็นป่า หุบเขาเล็ก มีน้ำตกระหว่างทางมากกว่า 10 น้ำตก มีเส้นทางชมธรรมชาติยาวประมาณ 14 กิโลเมตร ช่วงที่นักท่องเที่ยวมาเยอะที่สุดจะเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ประมาณช่วงปลายตุลาคม – ต้นพฤศจิกายน

.

การเดินทางด้วยรถบัส JR Bus หน้าสถานี Aomori

รอขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 11 ข้าง Tourist Information Center Aomori City ที่อยู่บริเวณหน้าสถานี Aomori ไม่ต้องจองล่วงหน้า ให้บริการแบบ First come First serve ใครมาก่อนได้ขึ้นรถก่อน รอบรถตามที่ระบุในตาราง ถ้าวันไหนมีคนมากกว่าปกติ จะมีรถเสริมวิ่งให้บริการ ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่ารถเต็มแล้วจะอดไป

  • ผู้ที่มี JR EAST PASS Tohoku, JR Pass ใช้ขึ้นรถได้
  • ผู้ที่ไม่มีพาส ให้เตรียมเงินค่ารถประมาณ 7,000 เยน เป็นค่ารถไป+กลับ ค่ารถจะคิดตามระยะทางที่ขึ้น-ลง โดยจะต้องรับหมายเลขตั๋วตอนขึ้น และ ชำระเงินตามที่ขึ้นหน้าจอตรงหน้ารถตอนลง ไม่สามารถชำระด้วย IC Cards (Suica, Icoca ฯลฯ) ได้
  • นอกจากนี้ยังมี “2 days unlimited travel Aomori – Hachinohe – Lake Towada” ใช้เดินทางได้ 2 วัน ราคา 5,000 เยน ซื้อได้ที่ JR Bus ticket counter สถานี Aomori

แถวขึ้นรถที่ไปทะเลสาบโทวาดะ มีนักท่องเที่ยวมายืนรอตั้งแต่ก่อน 7 โมง ก่อนจะขึ้นรถแนะนำให้เข้าห้องน้ำทำธุระให้เสร็จ

ประมาณ 7.30 น. เราไปต่อแถวขึ้นรถ แถวยาวถึงหน้าสถานี

หน้าตารถ JR Bus Tohoku ที่จะพาเราไปยังทะเลสาบ ให้บริการโดย JR เป็นรถบัสชั้นเดียว ปรับอากาศ ไม่มีห้องน้ำ นั่งได้ประมาณคันละ 50 คน รูปแบบการเดินทางจะเป็น Sightseeing Bus มีป้ายหยุดรถระหว่างทางหลายจุด มีบรรยายเมื่อผ่านสถานที่สำคัญ จะลง และ ขึ้นใหม่ที่ป้ายหยุดรถป้ายใดๆ ก็ได้

รถบัสรอบแรกมาตรงเวลา 7.30 น. เจ้าหน้าที่จะเดินนับคนที่สามารถขึ้นรถได้ แล้วก็จะตัดแถวของคันแรก จากนั้นก็จะเริ่มนับคันต่อไป

นักท่องเที่ยวที่พักค้างคืน มีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ให้วางใต้ท้องรถ

เราได้ขึ้นรถคันที่ 2 รอบ 7.45 น. ก่อนขึ้นรถจะมีเจ้าหน้าที่ประทับตราพาส ผู้ที่มี JR EAST PASS Tohoku, JR Pass ให้ยื่นพาสให้เจ้าหน้าที่ จากนั้นรับพาสคืน เดินขึ้นรถได้เลย เลือกนั่งตรงไหนก็ได้

บนรถจะมีที่นั่งฝั่งละ 2 ที่ เมื่อนั่งจนเต็มแล้วจะมีเก้าอี้เสริมกางออกมานั่งตรงทางเดิน ใครได้นั่งตรงเก้าอี้เสริม บอกได้เลยว่าโชคร้ายมาก นั่งไม่สบาย พนักพิงมีแค่ครึ่งหลัง ไม่เห็นวิว เวลารถจอดให้เข้าห้องน้ำก็ต้องลุกแล้วเก็บเก้าอี้ให้เป็นทางเดินโล่ง เก้าอี้เสริมจะมีประมาณ 8-10 แถวเริ่มจากด้านหลังมาด้านหน้า

ที่นั่งเสริม เมื่อใช้งาน

ผู้โดยสารนั่งรถเต็ม รถก็ออกเลย กว่าจะออกจากตัวเมือง Aomori ได้ก็ใช้เวลานาน แยกไฟแดงถี่มาก ทุกๆ 500-1,000 เมตร เลย

ผ่านโชว์รูม Mazda เห็นรถ CX-8 CX-5 จอดอยู่ด้านหน้า แทบจะแยกรุ่นไม่ออกเลย หน้าคล้ายกันมาก สำหรับ CX-8 มีการผลิตในญี่ปุ่นตั้งแต่ปลายปี 2017 แล้ว เห็นวิ่งบนถนนพอสมควร ส่วนในไทยเพิ่งจะเปิดตัว พฤศจิกายน 2019 ผลิตจากโรงงานมาสด้า มาเลเซีย

Iwakisan Tenbosho

เดินทางมาประมาณ 40 นาที ก็เริ่มเข้าสู่เขตป่า คนขับรถจอดที่ป้ายหยุดรถ Iwakisan Tenbosho ให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิวบนรถ พร้อมกับบรรยายเป็นภาษาญี่ปุ่น มองเห็นวิวด้านนอก ใบไม้เปลี่ยนสีเข้าสู่ช่วงท้ายแล้ว ออกสีเหลือง และ ร่วงในบางกิ่ง

Kayano – Chaya

ไม่กี่นาทีต่อมารถก็มาจอดที่ป้ายถัดไป Kayano-Chaya จุดนี้รถจอดให้ลง 10 นาที มีห้องน้ำ และ ชาให้ดื่มฟรี ลงจากรถแล้วอย่าลืมถ่ายป้ายทะเบียนรถ เพราะจะมีรถมาจอดไล่ๆ กัน อาจสับสนได้

เห็นใบไม้เปลี่ยนสีเหลือง – ส้ม แล้ว พออุ่นใจขึ้นมาหน่อยว่าเราคงไม่เสียเที่ยวในการมา

นักท่องเที่ยวส่วนมากลงไปเข้าห้องน้ำ ดื่มชาร้อน และ ถ่ายรูปกับใบไม้เปลี่ยนสี

แม้จะไม่แดงเหมือนเกียวโต แต่ก็มีความสวยงามตามธรรมชาติ อากาศในป่าเย็นสดชื่น คล้ายๆ กับอากาศบนดอยอินทนนท์

ชาฟรี ขั้นตอนการดื่มให้หยิบแก้วไปล้างด้วยน้ำที่พุ่งออกมา เอานิ้วถูๆ เทน้ำทิ้ง จากนั้นเปิดฝาหม้อตักชาใส่ถ้วยแล้วดื่ม

สักพักเห็นรถรอบ 8.15 น. มาจอด แสดงว่ารถ 3 รอบแรกที่ออกช่วง 7.30 – 8.15 น. ก็ไม่ได้ถึงช้า – เร็วต่างกันเท่าไหร่ คนเต็มรถก็ออกเลย

ถนนที่จะไปทะเลสาบ มีโค้งหลายจุดเหมือนกัน นั่งนานๆ ก็เริ่มจะเวียนหัว ต้องอาศัยการหลับตาพักสายตาเป็นช่วงๆ ควรงดการดูมือถือด้วย หรือคนที่เมารถง่ายทานยาแก้เมารถไว้ก่อนก็ดี

Hakkoda Ropeway Sta.

ป้ายหยุดรถสำหรับผู้ที่จะขึ้นกระเช้าไปยังภูเขา Hakkoda มีค่ากระเช้าไป+กลับ อยู่ที่ 2,000 เยน แต่วันที่เราไปน่าจะปิด เพราะไม่มีคนลงเลย สิ่งที่น่าสนใจบนภูเขา Hakkoda ก็จะเป็นวิวสวยๆ วิวภูเขา Mt.Iwaki ถ้ามาช่วงธันวาคม – พฤษภาคม ก็จะเป็นสกีรีสอร์ท ช่วงที่หิมะตกเยอะๆ จะเห็นหิมะแข็งเป็นแท่งๆ คล้ายปีศาจ หรือที่เรียกกันว่า Snow Monsters

ป้ายถัดจากนี้ไปจะเป็นออนเซ็น และ ที่พัก มีหลายที่มาก การพักที่นี่ซักคืนก็เป็นทางเลือกที่ดี ได้เที่ยวอย่างทั่วถึง

Jokakura Onsen

มีป้ายหยุดรถในนี้เลย เดินทางสะดวกดี ที่พักสไตล์ยุโรเปี้ยน มีออนเซ็นกลางแจ้ง ราคาที่พักพอสู้ไหว ประมาณ 7,000 – 1x,xxx บาท ขึ้นกับห้องพัก และ วันที่ไป เช็คราคา

Sukayu Onsen

มีป้ายหยุดรถในนี้ ที่พักสไตล์ญี่ปุ่น (Japanese room) มีออนเซ็น ราคาที่พักไม่แพง มีอาหารเช้า ประมาณ 5,000 บาท ขึ้นกับห้องพัก และ วันที่ไป เช็คราคา

Jigoku-numa (Hell Pond)

จุดนี้รถจอดให้ชมวิวจากในรถ เป็นบ่อน้ำพุร้อนมีน้ำเดือดปุดๆ พร้อมควันสีขาวลอยขึ้นมา ถ้าอยู่ด้านนอกรถจะได้กลิ่นกำมะถันด้วย

ตั้งแต่ป้ายหยุดรถ Yakeyama จะเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางชมธรรมชาติ Oirase เส้นทางนี้ยาว 14 กิโลเมตร ไปสิ้นสุดที่ป้าย Nenokuchi ใช้เวลาเดินประมาณ 4-5 ชั่วโมง ระหว่างทางจะเห็นน้ำตกเล็ก – ใหญ่ สลับกันไป มีวิวสวยๆ ให้ชม ไม่ต้องกลัวหลงเพราะเส้นทางนี้เดินเลียบไปกับถนนและลำธารโออิราเซะ มีเพื่อนร่วมเดินทางเยอะ ถ้าใครมีเวลา และ แรงก็ขอแนะนำให้เริ่มจากตรงนี้เลย

นักท่องเที่ยวส่วนมากนิยมลงที่ป้าย Ishigedo ลงกันประมาณ 80% เลย ที่นี่เป็นจุดกลางทางของเส้นทาง Oirase จุดนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวก Ishigedo Rest Area เป็นร้านขายของกิน มีห้องน้ำสาธารณะ จักรยานให้เช่า วิวก็ค่อนข้างสวย น้ำไหลผ่านกลางหิน มีน้ำตก

การลงรถเราจะเลือกลงป้ายไหนก็ได้ เดินจนเมื่อยแล้วอยากขึ้นรถก็เดินไปรอที่ป้าย โดยเฉลี่ยรถจะมาทุก 30 นาที แต่ต้องวางแผนหน่อยเพราะแต่ละป้ายห่างกัน 1-3 กิโลเมตร

เนื่องจากเรามีเวลาไม่มาก เลยเลือกที่จะลงป้ายท้ายๆ เอาระยะทาง 2-3 กิโลเมตร ก็พอ ระหว่างที่อยู่บนรถบัสก็ได้เห็นวิวสวยๆ ผ่านน้ำตกคนขับรถก็หยุดรถให้ชม (บนรถ)

สองข้างทางเป็นป่า ธรรมชาติสมบูรณ์มาก

Kumoi no taki หรือน้ำตก Kumoi เป็นหนึ่งในน้ำตกสวยในเส้นทาง Oirase

การลงรถ

ให้ฟังจากเสียงประกาศ ว่าป้ายหน้าชื่ออะไร รถบางคันก็มีจอบอก เมื่อต้องการลงให้กดกริ่ง รถจอดสนิทแล้วเดินลงที่ประตูหน้า ผู้ที่ใช้ JR Pass, JR East Tohoku แสดงพาสให้คนขับดู แล้วลงจากรถ

เราเริ่มเดินจากป้าย Chyoshi-otaki ไปยังป้าย Kumoi no nagare ระยะทางประมาณ 2.5-3 กิโลเมตร จุดที่ลงเป็นป้ายท้ายๆ ของเส้นทาง Oirase แล้ว คนไม่เยอะมาก เหมือนเราเดินสลับกับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่

ใบไม้เปลี่ยนสีก็ยังอยู่สวยอยู่ถึงแม้จะเป็นช่วงท้ายๆ ของฤดูกาลแล้ว

ชาวญี่ปุ่น และ นักท่องเที่ยวบางคน เดินทางด้วยการขับรถมา วิธีนี้ก็สะดวกดีเหมือนกัน มีที่จอดรถ (ฟรี) ข้างทางหลายจุด ส่วนข้อเสียคือไม่ว่าจะเดินไปไกลแค่ไหน ก็ต้องกลับมาเอารถ

เดินไปไม่ไกลก็เจอกับน้ำตกใหญ่ Choshi-otaki เป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปมาก

ตากล้องมากขนาดไหนดูได้จากรูปด้านล่าง

มุมมองไกลออกไปจากน้ำตก

พอพ้นน้ำตกไปแล้วก็เดินสบายๆ มีทางเดินเลียบลำธาร มุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะ

รูปด้านล่างคือผู้เขียนเอง ถ่ายกับเมเปิ้ลสีส้มๆ นานๆ จะได้ลงรูปตัวเองซักที

น้ำใสมาก

บางช่วงก็มีสะพานให้เดินข้าม

towada31

เดินไปเรื่อยๆ ก็พบวิวที่มีรายละเอียดแตกต่างกันไป ก่อนหน้านี้ที่ว่าสวยแล้ว ข้างหน้าก็ยังมีสวยกว่า

towada32

towada33

รูปด้านล่างน่าจะเป็น Samusawanonagare Current สายน้ำที่ไหลลงมารวมกับลำธาร Oirase เป็นน้ำตกขนาดเล็ก

towada34

ระหว่างทางจะเจอกับน้ำตกเล็ก น้ำตกน้อยเต็มไปหมด

towada35

ผ่านมาประมาณ 1 ชั่วโมงเพิ่งจะได้ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตรเท่านั้น แวะถ่ายรูปหลายจุดด้วย

towada36

เก็บเอาใบเมเปิ้ลที่ร่วงตามพื้นมาจัดฉากถ่ายรูป

towada37

ระหว่างทางมีที่ให้นั่งพัก ถ้าเตรียมอาหารกลางวันมาทานจะสะดวกมาก บรรยากาศดี นั่งทานกับวิวสวยๆ

towada38

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม Oirase ถึงเป็นสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีอันดับ 1 ใน Tohoku เพราะของจริงสวยมาก ถ้ามาก่อนหน้านี้ซัก 1 สัปดาห์คงสวยกว่านี้อีก

towada39

ชมความใสของลำธาร

towada40

ถึงจะอยู่กลางป่าแต่ก็มีห้องน้ำสาธารณะด้วยนะ ห้องน้ำอาจจะไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ แต่ก็ยังดีที่มี จุดนี้ใกล้กับป้าย Kumoi no nagare แล้ว

towada41

เมเปิ้ลสีส้ม

towada42

รวมแล้วเราใช้เวลาเดินจาก Chyoshi-otaki ไปยังป้าย Kumoi no nagare ประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที ที่ใช้เวลานาน เพราะหาป้าย Kumoi no nagare ไม่เจอ ถ้าใครจะหาป้ายนี้แนะนำให้เปิด Google map ป้ายนี้อยู่ตรงทางแยกพอดี (3 แยก)

towada43

ตารางเวลารถ อาจจะไม่ถึงกับตรงเวลาเป่ะๆแต่ก็ใกล้เคียง

towada44

จากนั้นก็ขึ้นรถต่อไปยังสุดสายที่ทะเลสาบ Towada ป้าย Lake Towada (Yasamiya)

towada45

จากป้ายค่าโดยสารด้านหน้า ถ้าขึ้นจากสถานี Aomori ถึงป้าย Chyoshi-otaki ค่าโดยสาร 2,700 เยน คิดแบบคร่าวๆ ไป+กลับ รวมการขึ้นลงกลางทาง ทั้งหมดน่าจะประมาณ 6,000 เยน การใช้ JR East Pass Tohoku ช่วยประหยัดได้มากจริงๆ

ก่อนจะถึงป้ายสุดท้าย คนจะลงกันเยอะที่ป้าย Nenokuchi จุดนี้สำหรับคนที่จะล่องเรือในทะเลสาบ ถ้าไม่ได้สนใจล่องเรือ ไม่ต้องลงตามเค้านะครับ

towada46

12.45 น. รถจอดสุดสายที่ป้าย Lake Towada (Yasumiya) ตรงอาคาร JR HOUSE TOWADA ในรูปด้านบน ชั้นล่างขายของที่ระลึก มีตู้ Locker ส่วนชั้นบนเป็นร้านอาหาร ที่นี่เป็นเหมือนเมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบ

towada47

เห็นมีแอปเปิ้ลขาย เข้าไปสำรวจราคา มีราคาสูงถึงลูกละ 5,000 เยน ถ้าแปลงเป็นเงินบาทก็ประมาณ 1,400 บาท คงจะเป็นแอปเปิ้ลที่พรีเมี่ยมมาก

กิจกรรมที่น่าสนใจบริเวณทะเลสาบ Towada

บริเวณรอบทะเลสาบมีกิจกรรมให้ทำหลายอย่างมาก เช่น พายเรือ ล่องเรือชมทะเลสาบ เดินเลียบทะเลสาบในเส้นทาง “Otome Lakeside Path” ชมศาลเจ้า Towada Jinja Shrine ถ่ายรูปกับรูปปั้นผู้หญิงคู่ที่ริมทะเลสาบ ด้วยเวลาที่มีไม่มาก เราจึงตัดกิจกรรมล่องเรือออก ส่วนพายเรือไม่พายแน่นอน อากาศหนาว ลมแรง ดูแล้วคงไม่เหมาะ

เราเริ่มกิจกรรมแรกที่ทะเลสาบ Towada ด้วยการทานมื้อกลางวันกับข้าวปั้น และขนมปัง ที่ซื้อมาจาก Aomori ข้าวปั้นธรรมดากับวิวสวยๆ เพิ่มความอร่อยมากกว่าปกติ

มองไปรอบๆ นักท่องเที่ยวก็เยอะดี แต่หาร้านสะดวกซื้อไม่เจอเลย แม้แต่ร้านขายของธรรมดาก็ไม่มี มีแต่ร้านกาแฟ กับตู้กดน้ำอัตโนมัติ แนะนำกันอีกครั้งนะครับ มาเที่ยว Towada พกของกินมาด้วย

ในรูปด้านบนเป็น Tourist Information Center ต้องการข้อมูลท่องเที่ยวริมทะเลสาบ เข้าไปขอข้อมูลได้

towada48

Lake Towada Sightseeing Cruise

เรือที่จอดนี้เป็นเรือให้บริการชมวิวทะเลสาบ จะเห็นวิวได้มากกว่าการเดินทางด้วยรถ หรือ เดิน เพราะเรือเข้าถึงได้มากกว่า เส้นทางของเรือจะมี 2 แบบ

  • A Course : Yasumiya (ท่าเรือใกล้ JR HOUSE TOWADA) – Nenokuchi
  • B Course : Ogura, Nakayama-hanto ออกจาก Yasumiya แล่นเลียบๆ อ่าวตรงกลางทะเลสาบ แล้วกลับที่เดิม
  • ค่าโดยสาร 1,430 เยน
  • เรือออกทุกๆ ชั่วโมง (โดยประมาณ) 8.15-16.00 น.

ดูบรรยากาศแล้วคล้ายๆ กับเรือที่ Hakone ถ้ามีเวลาก็น่าไป

ใบไม้เปลี่ยนสีรอบทะเลสาบ เหลือไม่มากแล้ว อีกซัก 7 วันคงร่วงหมด

ทานมื้อกลางวันเสร็จแล้ว ก็เดินเลียบทะเลสาบไปยังศาลเจ้า Towada Jinja Shrine

มองเห็นเรืออยู่ไกลๆ

ทะเลสาบดูคล้ายๆ ทะเล มีหาด น้ำสีฟ้าสวย มีคลื่นเล็กน้อย

ที่พักริมทะเลสาบ ดูเงียบๆ เคยอ่านเจอใน Pantip บอกว่าที่พักโซนทะเลสาบมักจะเก่า ร้าง คงเป็นเพราะว่าคนนิยมมาเที่ยวเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ที่พักก็ไม่ได้มีกำไรมากพอที่จะปรับปรุงได้บ่อยๆ

ใบไม้แดงกำลังจะร่วงแล้ว

เรือให้เช่า ราคา 1,000-1,800 เยน ขึ้นกับรูปร่างของเรือ

นกเป็ดน้ำ บรรยากาศธรรมชาติมาก

ใกล้กับชายฝั่งมีเกาะเล็กๆ ชื่อว่า Ebisu Daikoku Island บนเกาะมีศาลเจ้าเล็กๆ คล้ายศาลพระภูมิบ้านเรา มีต้นสน Pinus parviflora var. pentaphylla และอาซาเลีย (azalea bush)

เดินถัดไปอีกไม่ไกลจะเป็นทางเดินไปยังศาลเจ้า มีป้ายบอกทางไม่ต้องกลัวหลง

ทางเข้าศาลเจ้าจะต้องผ่านเสาโทริอิ และแนวต้นสนซีดาร์ (cedar)

ศาลเจ้า Towada Jinja Shrine

เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ เชื่อกันว่าสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 9 เพื่ออุทิศให้กับ Yamato Takeru (เจ้าชายแห่งราชวงศ์ Yamato) ตัวอาคารศาลเจ้ามีงานไม้แกะสลักลวดลายแบบญี่ปุ่น เช่นมังกร ต้นไม้ และ นก

ทางขวาของศาลเจ้า Towada Jinja มีศาลเจ้าขนาดเล็ก Kumano Jinja

มีความเชื่อว่าศาลเจ้า Kumano Jinja มีความศักดิ์สิทธิ์ทางด้านการขอลูก และ ขอคนรักแต่งงาน

แผ่นป้ายขอพร

ร้านขายเครื่องลางประจำศาลเจ้า

แมวเจ้าถิ่นสีดำ ตัวอ้วน

สถานที่สุดท้ายที่เราจะไปเป็นรูปปั้นผู้หญิง The Bronze Statue of Maiden เดินจากศาลเจ้าไปไม่เกิน 5 นาที ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ ตรงสุดทางเดิน Otome Lakeside Path

รูปปั้นนี้เป็นผู้หญิงเปลือยคู่ อยู่ในท่าทางยื่นมือเข้าหากัน เป็นผลงานของ Kotaro Takamura นักกวี และประติมากร (ผู้ปั้นงานศิลปะ) ชาวญี่ปุ่น มีผู้กล่าวภายหลังว่าแบบรูปปั้นก็คือภรรยา (Chieko Takamura) ของเขานั่นเอง

จุดนี้มีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปจำนวนมาก รูปปั้นนี้เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของทะเลสาบ Towada เลยก็ว่าได้ ถ้ามาช่วงปลายเดือนตุลาคมก็จะเห็นฉากหลังของรูปปั้นเป็นสีเหลือง ส้ม ของใบไม้เปลี่ยนสี แต่ถ้ามาเดือนมกราคม ก็จะเห็นหิมะขาวโพลน ไปหมด

ที่หน้ารูปปั้นจะมีกองหินเป็นแท่งๆ ลักษณะคล้ายเสา เกิดจากก้อนหินที่ถูกหลอมเหลว

มองดูนาฬิกา 13.50 น. เรามีโอกาสที่จะได้กลับรถที่ออกจากทะเลสาบรอบ 14.05 น. จึงรีบเดินกลับไปยังจุดขึ้นรถ

ขากลับเราเดินตรงทราย เลียบหาดทะเลสาบ ลมเย็นและแรงมาก

ด้วยการเดินทำเวลา ทำให้เรามาทันขึ้นรถกลับ Aomori รอบ 14.05 น. และ ยังมีเวลาเหลือพอที่จะเข้าห้องน้ำก่อนขึ้นรถ

ในส่วนของขากลับ ขั้นตอนเหมือนขามาทุกอย่าง ต่อแถว แสดง JR East Pass Tohoku ขึ้นรถได้เลย รถรอบนี้ที่นั่งไม่เต็ม คิดว่าคนส่วนมากน่าจะกลับรอบเย็นกว่านี้

ตามกำหนดเวลา รถจะถึงสถานี Aomori 17.04 น. แต่เนื่องจากรถติด มาถึงจริงในเวลา 17.28 น.

เราขึ้นรถรอบ 7.45 น. และ กลับ 17.28 น. รวมใช้เวลาไป 9 ชั่วโมง 43 นาที

  • ใช้เวลาเดินทางไปกลับ ประมาณ 6 ชั่วโมง 30 นาที
  • ใช้เวลาเที่ยวใน Oirase – Lake Towada ประมาณ 3 ชั่วโมง 13 นาที

ถึงแม้จะใช้เวลาเดินทางนาน และมีเวลาเที่ยวไม่มาก แต่สิ่งที่ได้เห็นก็รู้สึกว่าคุ้มค่า สำหรับคนที่คิดว่าไม่สะดวกในการเดินทางนานๆ แนะนำอีก 2 ทางเลือกคือเช่ารถขับมาจาก Aomori เส้นทางขับไม่ยาก คล้ายๆ ขับขึ้นเขาใหญ่ มีโค้งบ้าง แต่ไม่มีทางชัน และ ทางเลือกที่สองคือการนอนพักออนเซ็นก่อนถึง Oirase หรือพักโซนทะเลสาบ Towada ทั้งสองวิธีนี้เหนื่อยน้อยกว่าการนั่งรถไป-กลับ ในวันเดียวแน่นอน

มื้อเย็นวันนี้เราหาของกินง่ายๆ หน้าสถานี Aomori ระหว่างทางไปโรงแรมเจอกับร้านหอยเชลสีเหลืองในตำนาน เป็นร้านที่ดังใน Pantip และ Tripadvisor ร้านนี้อิ่มละประมาณ 1,000-1,500 เยน เมนูขึ้นชื่อจะเป็นหอยเชล

ในวันพรุ่งนี้เราจะไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ Nakano Momiji Yama เที่ยวเมือง Hirosaki เมืองที่ปลูกแอปเปิ้ลมาก ติดตามตอนต่อไปกันนะครับ

อ่านตอนต่อไป ชมใบไม้เปลี่ยนสี Nakano Momiji Yama ปราสาท Hirosaki

Post Views 3627

admin

นักเขียนประจำ emagtravel.com

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *