เที่ยวทองผาภูมิ ปิล๊อก สุดเขตประเทศไทย

ช่วงวันหยุดตรุษจีนปีนี้ ที่ บ. ผมได้หยุด 3 วันครับ เลยเป็นโอกาศดีที่จะได้ไปเที่ยวอีกครั้ง ทริปนี้เป็นทริปแรกของปี 2555 ครั้งนี้เราไปกันหลายคนหน่อย ไปกับกลุ่มเพื่อนที่ทำงาน รวมทั้งหมด 7 คน วางโปรแกรมไว้หลวมๆ ว่าจะไป เที่ยวกาญจนบุรี อ.ทองผาภูมิ, ปิล๊อก แล้วปิดท้ายด้วย สังขละบุรี

การเดินทางในครั้งนี้เราออกจากกรุงเทพฯ ตอนกลางคืน ไปนอนในตัวเมืองกาญจนบุรี 1 คืน และค้างที่สังขละบุรี 1 คืน ตื่นเช้ามาวันแรกก็ออกเดินทางไป อ.ทองผาภูมิเลย เส้นทางจากตัวเมืองกาญจนบุรีไป อ.ทองผาภูมิ โดยทางหลวงหมายเลข 323 จะผ่านน้ำตกไทรโยคน้อย น้ำตกนี้อยู่ที่ริมถนนเลยครับ เราแวะทานข้าวเช้าที่นี่กัน

ร้านอาหารจะอยู่ฝั่งตรงข้ามน้ำตก มีอาหารขายหลายอย่างเช่นข้าวต้ม, ส้มตำ, น้ำตก อาหารอีสาน, อาหารตามสั่ง

ที่จอดรถมีเยอะติดริมถนนเลย

ทานข้าวเสร็จก็แวะไปถ่ายรูปที่น้ำตกไทรโยคน้อย น้ำตกนี้เล็กมากครับสมกับชื่อไทรโยคน้อย แต่ถึงจะเล็กแต่ก็มีดีที่น้ำใส สีอมฟ้า

เราถึง อ.ทองผาภูมิ ตอน 10 โมงนิดๆ สถานที่แรกที่เราแวะคือ เขื่อนวชิราลงกรณ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เขื่อนเขาแหลม ตัวเขื่อนจะอยู่เลย อ.ทองผาภูมิ ไปประมาณ 6 กิโลเมตร

เขื่อนวชิราลงกรณ เป็นเขื่อนหินถม ดาดหน้าด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กสูง 92 เมตร สันเขื่อนกว้าง 10 เมตร ยาว 1,019 เมตร เป็นเขื่อนขนาดใหญ่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ ตัวเขื่อนจะกั้นแม่น้ำแควน้อย บนสันเขื่อนมองเห็นวิวสวย มีภูเขาล้อมล้อม และมีเกาะอยู่ในเขื่อนจำนวนมาก

นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือชมความงามในทะเลสาบเหนือเขื่อน หรือจะนอนค้างบนแพอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ์ ก็มีให้บริการอยู่หลายเจ้าครับ

วันที่เราไปค่อนข้างเงียบครับ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว สงสัยคนจะนิยมเที่ยวเขื่อนศรีนครินทร์มากกว่า

ที่จอดรถตรงสันเขื่อน

ในเขื่อนมีน้ำเยอะพอสมควร เก็บไว้ใช้ในหน้าแล้ง น้ำในเขื่อนจะทยอยปล่อยลงแม่น้ำแควน้อย

ชมเขื่อนได้สักพักเราก็ออกเดินทางกันต่อ ไปทาง ต.ปิล๊อก เส้นทางไปปิล๊อก โค้งค่อนข้างเยอะครับ แต่ไม่ได้สูงชัน ถ้าเดินทางตอนกลางคืนควรใช้ความระวังเป็นพิเศษครับ

จุดท่องเที่ยวจุดแรกของปิล๊อก เป็นจุดชมทิวทัศน์ทางขึ้นเหมืองปิล๊อก

ป้ายในรูปด้านล่างบอกว่า จุดชมวิว กม. 12

จากจุดนี้มองลงไปที่ทิวเขาด้านหน้าจะเห็นเขื่อนวชิราลงกรณอยู่ทางซ้ายมือ และทิวเขาหินปูนที่อยู่ไกลลิบๆ ด้านหลังทิวเขาคือ อ.ทองผาภูมิ

ป้ายนี้บอกว่าตรงนี้เป็นจุดชมวิว กม.15 สรุปว่ามี 2 ป้ายที่ขัดแย้งกันระหว่าง กม.12 กับ กม. 15

จากแผนที่นี้เราสามารถแวะเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวในปิล๊อก ได้ดังนี้ครับ

– อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

– น้ำตกจ๊อกกระดิ่น

– เหมืองสมศักดิ์

– น้ำตกเจ็ดมิตร

– จุดชมวิวเขาสูง

– เนินเสาธง

– ตลาดอีต่อง

– ช่องมิตรภาพ

– น้ำตกปีเต็ง

มาดูกันว่าใน 1 วันเราจะไปเที่ยวในปิล๊อกได้ครบทุกที่หรือไม่

จุดที่สอง อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ตอนแรกก็ลังเลอยู่ว่าจะแวะเข้าไปดูหรือเปล่า เลยถามเจ้าหน้าที่ว่ามีอะไรน่าดูบ้าง เจ้าหน้าที่ก็บอกมาว่ามีบ้านต้นไม้ (บ้านทาร์ซาน) ก็เลยลองเข้าไปดูกัน เผื่อจะได้เจอนกเงือกตรงที่กางเต๊นท์

ค่าเข้าอุทยานฯ ผู้ใหญ่ 40 บาท, เด็ก 20 บาทครับ

ถนนในอุทยานฯ เป็นทางลูกรัง เข้าไปนิดเดียวก็เจอกับบ้านต้นไม้อยู่สูงมาก มีอยู่ประมาณ 4 หลัง บรรยากาศดีมากครับ มองเห็นวิวภูเขา ถ้ามีโอกาสได้มาช่วงปลายฝนต้นหนาว อยากจะมานอนค้างซัก 1 คืน

บ้านทาร์ซาน อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

สำหรับราคาบ้านทาร์ซาน จากการที่เราไปสอบถามมา ราคาประมาณ 1,000 บาท นอนได้ 2-4 คน ส่วนหลังใหญ่จะราคาแพงกว่านิดนึง นอนได้ 10-12 คน

บรรยากาศรอบๆ

จากบ้านต้นไม้ เดินไปนิดเดียวก็จะเจอกับเนินช้างเผือก ตรงนี้เป็นจุดชมวิวและที่กางเต๊นท์ มีห้องน้ำให้หลายห้อง สะอาดดีครับ

ลานกางเต๊นท์เนินช้างเผือก

ยอดเขาที่อยู่ด้านหน้าคือเขาช้างเผือก ใครที่ชอบแนวลุยๆ เดินป่าแนะนำให้มาเดินขึ้นเขาช้างเผือก ด้านบนสันเขาเป็นสันแคบๆ เรียกว่าสันคมมีด

พอเรารู้ว่าที่เที่ยวใน อช. ทองผาภูมิมีเท่านี้ก็เริ่มบ่นกัน เสียตังค์เข้า แต่ข้างในไม่ค่อยมีอะไรให้ชมเลย

ออกจาก อช. ทองผาภูมิ เสร็จเราขับรถตามป้ายไปทางน้ำตกจ๊อกกระดิ่น ทางเข้าน้ำตกจะเป็นทางลูกรัง ไม่เหมาะกับรถเก๋งครับ สงสารรถ ระหว่างทางไม่เจอรถเข้ามา หรือ สวนออกไปเลย

จุดที่ 3 น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เราจอดรถที่ด้านหน้า มองหาน้ำตกไม่เจอ ทางเข้าน้ำตกไปทางไหนก็ไม่รู้ ไม่เห็นป้ายบอกครับ

มาเที่ยวน้ำตกอ่านป้ายเตือนระวังน้ำป่าด้วยนะครับ หลักๆ ก็ถ้าน้ำตกมีสีขุ่นมาก น้ำเยอะขึ้นอย่างรวดเร็ว ให้รีบออกจากน้ำตกไปยังที่สูง หรือที่ปลอดภัย

สุดท้ายเราก็เดินตามเสียงน้ำตกที่ก้องออกมาจากภูเขา ระหว่างทางเดินไปน้ำตกก็ไม่เจอใครเลย จะต้องเดินไปไกลขนาดไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่มีป้ายบอกไว้

ดอกไม้สวยๆ ริมข้างทาง มีเป็นบางช่วงพอให้ได้ชื่นชม

เห็นธารน้ำแบบนี้น้ำตกอยู่ไม่ไกลแล้วครับ

และแล้วก็มาถึงน้ำตกแล้วครับ รวมระยะทางจากที่จอดรถมายังน้ำตกประมาณ 800 เมตรเป็นทางเดินราบธรรมดา ใช้เวลาเดินไม่นาน

สีน้ำค่อนข้างใส อมฟ้า บริเวณน้ำตกสะอาด และยังคงเป็นธรรมชาติ น้ำตกจ๊อกกระดิ่นมีน้ำตลอดปี

เนื่องจากว่าตอนนี้จะปลายเดือนมกราคมแล้ว น้ำตกเลยมีน้ำไม่เยอะ

น้ำตกจ๊อกกระดิ่นเป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง 30 เมตร แล้วลงกระทบพื้นด้านล่าง ถ้าเดินไปใกล้ๆ จะโดนละอองน้ำที่ลอยตัวขึ้นมาในอากาศ

โขดหินที่น้ำตกสามารถปีนถึงกันได้หมดครับ ไม่อันตราย ถ้ามีเวลาเยอะมาเล่นน้ำตกได้ครับมีแอ่งน้ำให้แช่ ถ้ามากัน 2 คน อาจจะเปลี่ยวไปหน่อย

ออกจากน้ำตกเสร็จ ขับรถมาอีกประมาณ 30 นาทีก็จะถึง จุดที่ 4 จุดเฝ้าตรวจช่องมิตรภาพ เป็นชายแดนไทย – พม่า ไม้กั้นในรูปด้านล่างเป็นไม้กั้นฝั่งไทย

ตอนนี้เรามุดไม้กั้นฝั่งไทยเข้ามาในช่องเขาตรงกลางชายแดนไทย – พม่าแล้วครับ

ในรูปบนข้างหน้าคือไม้กั้นฝั่งพม่า เราถามทหารพม่าว่าขอเข้าไปดูข้างในได้ไหม ทหารพม่าก็ให้เข้ามาได้ ทหารพม่าพูดภาษาไทยได้นิดหน่อยครับ พาเราไปชมวิว แล้วก็บอกว่าถนนเส้นนี้ไปไหนบ้าง

ด่านนี้มีทหารพม่าอยู่ 2 คนอัธยาศัยดีครับ บางทีคนไทยไปเที่ยวก็มีของฝากติดไม้ติดมือไปฝากทหารพม่าด้วย

ผมขออนุญาตทหารพม่าถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ก็ยอมให้ถ่ายครับ ถ้าไปอยู่ต่างถิ่นจะไปถ่ายรูปสถานที่ราชการ หรือ สถานที่ความมั่นคงของเค้า ต้องระมัดระวังนะครับ เดี๋ยวจะโดนข้อหาจารกรรมข้อมูล ต้องติดคุกอยู่ประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่ได้ตั้งใจ

ตรงนี้คือวิวจากป้อมทหารพม่า เห็นต้นไม้ ป่า ภูเขาที่อุดมสมบูรณ์มาก ผิดกับฝั่งกาญจนบุรีที่ดูแห้งแล้งกว่า

ระหว่างหามุมถ่ายรูปสวยๆ ก็เห็นกับธงชาติไทย ปลิวอยู่บนยอดเสา ตัดกับสีท้องฟ้าสวยดีครับ

ตรงจุดเฝ้าตรวจช่องมิตรภาพ เป็นจุดปลายแผ่นดินไทยครับ ไม่มีทางไปต่อแล้วต้องย้อนออกมาทางเดิม

ใกล้ๆ กับจุดเฝ้าตรวจช่องมิตรภาพมี จุดประสานสัมพันธไมตรี นิจนิรันดร์ ไทย-เมียนมาร์ เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิว

อยากเห็นวิวสวยๆ ต้องขึ้นบันไดไปด้านบน

ธงชาติ ไทย – พม่า อยู่ที่เนินเขาด้านบน เนินนี้มีชื่อว่า เนินเสาธง เนินนี้เป็นจุดพรมแดนไทยพม่า ถ้ามองดีๆ ก็อาจเห็นทะเลอันดามันได้ครับ

วิวจากจุดชมวิวเห็นโรงงานแยกก๊าซในพม่า แล้วก๊าซที่ได้ก็จะถูกส่งผ่านท่อมายังฝั่งไทย เป็นสัมปทานของบริษัท ปตท

ตรงนี้เป็นแนวท่อก๊าซ ห้ามขุดหลุมสร้างสิ่งก่อสร้างตลอดแนวท่อ

รถคันนี้วิ่งมาจากฝั่งพม่ามีวิศวกรจากโรงงานแยกก๊าซแต่งชุดสีส้ม มาดูระบบในฝั่งไทย

เราเที่ยวกันตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายกว่าๆ เลยหาที่ทานอาหารกลางวัน ในปิล๊อกนี่หาร้านอาหารและที่พักค่อนข้างยากครับ นักท่องเที่ยวยังมีไม่ค่อยเยอะ

ถ้าจะหาร้านอาหารและที่พัก ผมแนะนำที่ ตลาดอีต่อง อยู่ตรงข้ามกับเหมืองปิล๊อกเก่า ตรงนี้เป็นชุมชนเล็กๆ (บ้านอีต่อง) มีบ้านเรือนประมาณ 200 หลัง และวัด 1 วัด

ป้ายด้านหน้าบอกว่าทุกวันเสาร์ – อาทิตย์มีถนนคนเดิน เดี๋ยวลองเข้าไปดูกันครับ ถนนคนเดินตลาดอีต่อง

เข้ามาที่ถนนคนเดินก็ต้องผิดหวัง เพราะเงียบเหงามาก เท่าที่เห็นมีร้านขายของฝาก โปสการ์ด โฮมสเตย์ รีสอร์ท ที่พัก ร้านอาหารที่เปิดก็มีอยู่ร้านเดียวเท่านั้น

นักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไปยังเขาช้างเผือกจะต้องมาเริ่มต้นที่บ้านอีต่องนะครับ ก่อนขึ้นเขาช้างเผือก ถ้าขาดเหลืออะไร ก็หาซื้อที่นี่ได้

เราทานข้าวกลางวันที่ร้าน ครัวสุดแดน ร้านนี้เป็นร้านคนใต้ครับ เจ้าของเดียวกับ บ้านตอไม้ รีสอร์ทที่อยู่ตรงข้ามร้าน

บ้านตอไม้ รีสอร์ทในตลาดอีต่อง

จริงๆ แล้วร้านนี้คนมากินกันอยู่เรื่อยๆ แต่ผมหาจังหวะที่คนกินเสร็จแล้วถึงไปถ่ายรูป เลยดูโล่งๆ แบบนี้

เมนูแนะนำของร้านนี้เป็นเห็ดโคนญี่ปุ่น ปลูกกันที่หลังร้าน, อาหารป่าผัดเผ็ด และ ปูเล, กุ้งเล น้ำเข้าจากพม่า ที่บ้านอีต่องอยู่ห่างจากทะเลอันดามันเพียง 25 กิโลเมตรเท่านั้นครับ อาหารทะเลจะนิยมนำเข้ามาจากพม่า มีราคาถูกกว่าอาหารทะเลของไทย, นอกจากนี้ยังมีไอศครีมตักเป็นของหวานไว้กินคลายร้อน

เมนูอาหารทะเลอาจจะไม่มีทุกวันนะครับ ขึ้นกับสภาพอากาศ และคนที่นำมาส่งด้วย

ร้านนี้มีพนักงานในร้านเป็นพม่า แต่พูดไทยได้คล่องครับ ทาแป้งเป็นเส้นๆ ที่แก้ม

กินอิ่มเสร็จก็เดินทางกันต่อ ทำเวลากันนิดนึงครับ

ตรงนี้เป็นเหมืองปิล๊อกเก่าแต่ก่อนนั้นมีการทำเหมืองแร่ดีบุก และ วุลแฟรมกันมากในปิล๊อก และ บริเวณชายแดนไทยพม่าแถวเทือกเขาตะนาวศรี

หมาเจ้าถิ่นมารับและมาส่งลงจากรถ

ใกล้กันกับตลาดอีต่องมีอุโมงค์เก่าอยู่ เดี๋ยวเราจะเข้าไปดูครับว่าข้างในเป็นยังไง

การเข้าชมอุโมงค์ต้องจอดรถที่ด้านล่าง แล้วเดินขึ้นเรานิดนึงไปอุโมงค์

ตอนนี้ผมขึ้นมาถึงปากทางอุโมงค์แล้ว มองลงมาเห็นรถเราจอดที่ด้านล่าง

ทางลงไปอุโมงค์

ข้อควรปฎิบัติการเข้าชมอุโมงค์เก่า

1. ใส่หมวกนิรภัย

2. ใส่รองเท้าท๊อปบู๊ต

3. ห้ามจับกำแพงทั้งสองด้าน

4. เข้าชมได้ไม่เดินครั้งละ 6 คน

5. เข้าชมได้ถึงบริเวณที่มีไม้กั้นเท่านั้น

อ่านข้อควรปฏิบัติเสร็จ เราไม่มีอะไรเลยซักอย่าง ไฟฉายก็ไม่มี ข้างในก็มืดมาก เลยทำได้แค่ถ่ายรูปปากทางเข้าอุโมงค์มาให้ดู

เนินเขาตรงอุโมงค์มองเห็นวิวบ้านอีต่องที่เราไปทานข้าวเมื่อกี้

จุดสุดท้ายที่ปิล๊อก เป็นจุดชมวิว ฐานปฏิบัติการช้างศึก เป็นฐานของตำรวจตระเวณชายแดนครับ

สภาพโดยรอบมีกระสอบทรายไว้เป็นแนวป้องกัน หากมีผู้รุกรานเข้ามาก็พร้อมที่จะโต้ตอบ

มีคนบอกว่าวันไหนอากาศดีๆ จะสามารถมองเห็นทะเลอันดามันฝั่งพม่าได้เลย จุดนี้อยู่ห่างจากทะเลไม่เกิน 35 กิโลเมตรครับ วิวด้านบนนี้แทบจะ 360 องศา ที่ไม่ครบ 360 องศาเพราะบางส่วนเป็นพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ ห้ามเข้าครับ

นอกจากนั้นแล้วในตอนเช้ายังสามารถชมทะเลหมอกได้จากฐานปฎิบัติการช้างศึก หมอกจะคลอเคลียกับภูเขาสวยงามไม่แพ้ดอยในภาคเหนือ เสียดายว่าคืนนี้เราไม่ได้ค้างที่นี่กัน ไม่งั้นตอนเช้าจะชึ้นมาชมทะเลหมอกแล้ว

มองนาฬิกา ตอนนี้ 4 โมงเย็นแล้ว เรายังไม่มีที่นอนในคืนนี้เลย พรุ่งนี้เราตั้งใจไว้ว่าจะไปเที่ยวที่ อ.สังขละบุรี มีอยู่ 2 ทางเลือก คือนอนระหว่างทางไป อ.สังขละบุรี หรือ ทนขับรถไปอีก 140 กว่าโลไปนอนที่สังขละบุรีเลย เดี๋ยวมาต่อตอนต่อไปครับ

อ่านตอนต่อไป –> เที่ยวสังขละบุรี สะพานมอญ ด่านเจดีย์สามองค์

Post Views 48832

admin

นักเขียนประจำ emagtravel.com

One thought on “เที่ยวทองผาภูมิ ปิล๊อก สุดเขตประเทศไทย

  • December 25, 2013 at 10:47 am
    Permalink

    ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับทองผาภูมิค่ะ เสียเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที หนาวนี้จะได้มีคนไปเที่ยวทองผาภูมิมากๆค่ะ
    …………….
    ทองผาภูมิ…หลายคนบอกว่าที่นี่เหมือนปายในอดีต หลายคนบอกว่าอากาศหนาวกว่าเชียงใหม่ .. ?5 องศา?..เรียกว่าหนาวไหมๆ …รายทางมี นั่งช้าง ถ่อแพ ลิ่นถิน พุถ่อง มีน้ำตกผาตาด กับน้ำพุร้อนหินตาด แล้วลึกเข้าไปก็มีน้ำตกผาสวรรค์ มีโฮมสเตย์บ้านเรือนไทยประยุกต์สวยมากชื่อภูผาตาด โฮมสเตย์

    ..ที่แปลกกว่า!!! ที่นี่มีคนพาเที่ยวฟรี ชื่อลุงยศ บ้านเก็บตะวัน ราคาถูกมากๆ บรรยากาศดีมากๆ อยู่ติดริมทะเลสาป ทองผาภูมิจะเหมือนปายในอดีต ผู้คนมีน้ำใจ ในเมืองมีแม่น้ำข้ามได้..มีศพไม่เน่าเปื่อยของหลวงปู่สาย ยอดเขาก็ขึ้นชมวิวได้แหล่มสุดๆ มีขนมทองโยะและปลาส้มเป็นสินค้าดัง ชมพระขาว และวิวทิวเขื่อนเขาแหลม ที่นี่ฟรี!!!ตลอดทางก่อนถึงบ้านเก็บตะวันนั้นแหละ

    จากเมืองทองผาภูมิไปทางปิล๊อก 2 ข้างทางมีทิวทัศน์สวยงาม ผ่านวัดเขาใหญ่ที่มีตาน้ำประหลาดผุดขึ้นมาเป็นแหล่งน้ำที่อาศัยของชาวบ้าน..เลยไปอีกนิดก็มีสวนป่าสักออป. สวนป่ายางแห่งภาคตะวันตก ที่นี่ก็มีที่พักนะ..ใหม่ๆเลย มีพุปลิงพันธ์ไม้แปลกตา หาดูยากพร้อมสัตว์อีกเพียบ ยิ่งไปพุปูราชินีจะเห็นปูน่ารักที่มีสีสันพันธ์เดียวและแห่งเดียวในโลก สุดยอด!!!

    นอกจากนี้!…ที่นี่!!! มีหมู่บ้านที่ผู้คนอู้คำเมืองทั้งหมู่บ้าน มีหมู่บ้านชาวลาว อันนี้พูดลาวทั้งหมู่บ้าน..ไปไม่ไกลมีช้างป่าออกมาเดินเล่นเป็นโขลง เอากะเขาดี๋!!! ไปอีกนิดก็มีถ้ำ 28 เป็นที่อาศัยของค้างคาวกิตติที่เล่าว่าเล็กที่สุดในโลก..มีต้นไม้ยักษ์อายุหลายร้อยปี มีฟอสซิลหอย 280 ล้านปี และ..มีบึงน้ำใหญ่ที่เป็นต้นกำเหนิดแห่งแม่น้ำ..ชื่อบึงน้ำทิพย์

    ..ไกลข้ามเขื่อนออกไปจากบ้านเก็บตะวัน ยังมีเจดีย์โบอ๋องที่ห้ามผู้หญิงเดินเข้าไป..มีฝูงควายน้ำ เกาะมะพร้าวกระทิ หากจะข้าม..ไปนอนแพ ตกปลา ก็ต้องแพขาใหญ่ใจดี?ป๋าเทพ?คล้ายๆแพโฮมสเตย์เลยชื่อ ?แพเขานางนอน? ..

    ครั้งสุดท้ายไปพักที่ฟาร์มสเตย์ ?บ้านไร่วิมานดิน? ..มีสัตว์ป่าเยาะมาก เจอเก้งด้วยอยู่ตรงลำห้วยใกล้ที่พัก .. จากวิมานดิน.. ใกล้ๆกับแหล่งโป่งเทียม ในเขตอุทยานฯมีร่องรอยช้างป่า และสัตว์ป่ามากมายเป็นรอยใหม่ๆของเมื่อคืนเยาะแยะจริงๆ มีพุน้ำร้อน 2 พุ ต้มไข่สุกได้เป็นแหล่งน้ำให้ช้างป่าและสัตว์อื่นๆอาศัย ..

    ขึ้นไปอีกนิดก็อช.ทองผาภูมิและเขาช้างเผือก มีที่พักเป็นบ้านทาร์ซานสุดเก๋ ขึ้นไปอีกหน่อยก็?บ้านป้าเกล็น? หรือเหมืองสมศักดิ์ บ้านเล็กในป่าใหญ่ แห่งปิล๊อกกี้และบ้านอีต่อง ..เขาว่าเป็นรีสอร์ท แต่เราว่าเป็นโฮมสเตย์ที่แสนสุดจะอบอุ่น ครุกรุ่นไปด้วยไอรักแห่งอดีต..

    ที่สำคัญ!!! นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวทองผาภูมิ กาญจนบุรี ได้แบบไม่ต้องเกรงใจ ด้วยเบอร์ 081-9217-644 ลุงเค้ายินดีตอบทุกคำถาม ก็ลุงเค้าทำฟรีๆ แบบนี้ มานานเป็นสิบปีแล้ว คงมีความคิดที่อยากบอกกล่าวเรื่องราวดีๆของทองผาภูมิ กาญจนบุรี เช่นเดียวกับพวกเรา ..
    ??
    ปล. ข้อมูลเก่านี้พยายามย่อและปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสม แต่… ยังไง!!!ก็ยาวอยู่ดี มีเนื้อหามากจริงๆ จึงขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ค่ะ ไปกันแยาะๆ ไปกันเยอะๆ โพสกันมากๆ กดไลค์ให้ด้วย ทองผาภูมิจะได้มีคนรู้จักมากๆขึ้นค่ะ รับรองว่าที่นี่สู้เชียงใหม่ได้ 100 %ค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *