เที่ยวหนองคาย กินแหนมเนือง ชมวิวแม่น้ำโขง
เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว Air Asia ออกโปรฯ 0 บาทมา มีเส้นทางกรุงเทพฯ – อุดรธานี แล้วก็เส้นทางอื่นๆ อีกไม่กี่เส้นทาง ด้วยความที่ว่าเราไปเที่ยวเหนือ ใต้ ออก ตก มาหลายทริปแล้ว เลยคิดว่าจะไปเที่ยวทางอีสานบ้าง มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่หนองคาย เลยจองตั๋วกรุงเทพฯ – อุดรธานี มา 2 ที่นั่ง หมดค่าตั๋วไป 321 บาท / 2 คน หรือตกคนละ 160.5 บาท เท่านั้น ราคาสบายกระเป๋ามาก ถึงแม้จะต้องล่วงหน้าข้ามปีก็รอได้
วันที่ 1 : เดินทางสู่หนองคาย
เที่ยวบินขาไปกรุงเทพฯ –> อุดรธานี Flight FD 3360 เครื่องออกตั้งแต่ 7.10 น. ต้องตื่นเช้ามาก เผื่อเวลาเดินทาง เผื่อเวลาทานข้าว ผมมาถึงสนามบินเอาตอนตี 5 กว่า เดินเข้าไปดูที่ช่อง Check in / โหลดกระเป๋า ของ Air Asia คนเยอะมาก ต่อแถวกันยาว เนื่องจากว่าช่วงเช้ามีเที่ยวบินออกค่อนข้างเยอะ ใครบินช่วงเช้าก็เผื่อเวลากันหน่อยนะครับ
ส่วนผมทำ Web check in มาจากบ้านแล้ว ไม่โหลดกระเป๋า ก็เลยไม่เสียเวลาตรงนี้ เอาเวลาไปทานข้าวดีกว่า สำหรับศูนย์อาหารใน สนามบินสุวรรณภูมิ ขอแนะนำ Magic Foodpoint นะครับ เป็นศูนย์อาหารราคาประหยัด อร่อย มีอาหารให้เลือกหลายร้าน
ทริปนี้ เป็นทริปสุดท้ายแล้วที่ผมจะได้บิน Air Asia ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งแต่เดือนหน้า 1 ตุลาคม 2555 Air Asia จะย้ายไปให้บริการที่สนามบินดอนเมือง สนามบินเดียวทั้งในและนอกประเทศ เดือนหน้าผมมีบินกับ Air Asia 2 ทริป ไปบาหลี กับเชียงใหม่ เดี๋ยวจะไปรีวิวให้ดูครับว่าย้ายแล้วเป็นยังไงบ้าง
มาถึงสนามบินแล้วอย่าลืมดูสถานะเที่ยวบินเราด้วยนะครับ เผื่อมี Delay หรือ Cancel
ทานมื้อเช้าเสร็จก็เข้าตรวจสัมภาระ แล้วเข้าไปยัง Gate ในประเทศ โซนนี้ก็มีร้านอาหารด้วยนะครับ ชื่อ FOOD STOP มี McDonald’s ด้วย
ครั้งนี้ค่อนข้างแปลกใจ ได้ Gate A1 อยู่ต้นๆ ไม่ต้องเดินไกล แถมมีงวงช้างขึ้นเครื่องด้วย
ใช้เวลาในการบินประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ เราก็มาถึงสนามบินอุดรธานี ลงจากเครื่องก็เดินเข้าอาคารผู้โดยสารเลย
ใครมีกระเป๋าที่โหลดมากับเครื่องก็มารอกระเป๋าตรงนี้ครับ ใครไม่มีก็เดินออกไปข้างนอกอาคารผู้โดยสารได้เลย
ทริปนี้เป็นทริป 3 วัน 2 คืน เรานอนค้างที่หนองคายทั้ง 2 คืนเลย
จากสนามบินอุดรธานี ไปหนองคายได้ 2 วิธีครับ
1. นั่งรถตู้ลีมูซีน จากสนามบินไปหนองคาย ค่ารถคนละ 200 บาท รถตู้จะจอดที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว ตัวเมืองหนองคาย ตลาดท่าเสด็จ
2. นั่งรถตู้จากสนามบินไปสถานีขนส่งอุดรฯ ค่ารถคนละ 80 บาท แล้วต่อรถ บขส ไปยังสถานีขนส่งหนองคาย
ที่ขายตั๋วรถตู้จะอยู่ใกล้ประตูทางออก ยังไงก็หาเจอแน่นอนครับ
ผมเลือกที่จะนั่งรถตู้ต่อเดียวยาวไปหนองคายเลยดีกว่า ค่ารถแพงหน่อยไม่เป็นไร สะดวกดีครับ หลังจากซื้อตั๋วรถตู้จะมีพนักงานพาไปขึ้นรถที่จอดด้านหน้า ที่นั่งจะเป็นแบบ 3 แถว แถวละ 3 คน กว้าง นั่งสบาย บริการดี
ตั๋วรถตู้ Limousine ให้บริการโดย หจก. อุดรแก้วทัวร์ ผู้โดยสารมีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
ระยะทางจากสนามบินอุดรธานี มายังหนองคาย ประมาณ 50 กิโลเมตรนิดๆ ครับ รถตู้ใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมงก็มาจอดที่สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว มีคนลงรถเกือบหมดคันเลย เหลือแค่ผมกับแฟนที่ไปลงตลาดท่าเสด็จ
การเดินทางไปเวียงจันทร์ ประเทศลาว ถ้ามี Passport อยู่แล้วก็ใช้ผ่านได้เลย แต่ถ้าไม่มีต้องไปทำใบผ่านแดนที่ศูนย์ OTOP เสียก่อน จากสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ไปเวียงจันทร์เพียง 20 กว่ากิโลเมตร เองครับ โดยหลักความมั่นคงแล้วคงไม่มีประเทศไหนตั้งเมืองหลวงไว้ใกล้ประเทศเพื่อนบ้านขนาดนี้ แต่ไทย-ลาว เราเหมือนบ้านพี่เมืองน้องกันครับ พูดจาภาษาก็คล้ายกัน
ถ้าที่พักอยู่ในตัวเมืองหนองคาย, ตลาดท่าเสด็จ เราสามารถบอกให้รถตู้ไปส่งถึงที่พักได้เลยครับ เมืองหนองคายเป็นเมืองเล็กๆ ที่พักก็อยู่ใกล้ๆ กันหมดครับ
ที่พักในทริปนี้เราพักที่บ้านตะวันรีสอร์ท เป็นที่พักเล็กๆ มีเพียง 7 ห้องอยู่ในตัวเมืองหนองคาย เดินไปริมโขง ตลาดท่าเสด็จ ร้านแดงแหนมเนืองได้ ราคาอยู่ที่ 600 บาท / คืน บรรยากาศดีและราคาไม่แพงครับ
Link. เช็คราคา – จองที่พัก บ้านตะวันรีสอร์ท หนองคาย
การเช็คอินบ้านตะวันรีสอร์ทก็เพียงยื่น Hotel Voucher ให้กับแม่บ้านเท่านี้เองครับ ไม่ต้องกรอกอะไรเลย
บรรยากาศในห้องพัก เป็นห้องแอร์ ตกแต่งดูดี ความสะอาดอยู่ในระดับกลางๆ ในห้องมีผ้าขนหนูผืนเล็ก – ใหญ่ – สบู่ก้อนเล็กให้ 2 ชุด นอกจากนั้นก็มีตู้เย็น และน้ำดื่มวันละ 2 ขวด
หลังจากเก็บของ ล้างหน้า ล้างตาแล้วก็ออกไปเดินเล่นกันที่ตลาดท่าเสด็จ ริมแม่น้ำโขง
การเดินทางจากบ้านตะวันรีสอร์ทไปยังตลาดท่าเสด็จ, ร้านแดงแหนมเนือง
ออกจากบ้านตะวันรีสอร์ทให้ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามแล้วเลี้ยวขวา ผ่านธนาคารธนชาติ เดินไปประมาณ 5 นาทีจะเจอสามแยกไฟแดงให้เลี้ยวซ้ายตรงไปจนสุดทาง จะเจอกับท่าเรือ – แม่น้ำโขง ให้เลี้ยวขวาจะเป็นทางเดินเลียบแม่น้ำโขง จากนั้นจะเจอร้านอาหารแดงแหนมเนือง ถ้าเดินต่อไปเรื่อยๆ จะเจอกับตลาดท่าเสด็จ
รถสามล้อเครื่องรับจ้าง (สกายแล๊ป) ในหนองคาย
ในตัวอำเภอหนองคายจะมีรถสามล้อเครื่องรับจ้าง หรือที่เรียกว่าสกายแล๊ป เราสามารถโบกไปไหนก็ได้ในพื้นที่หนองคาย เช่นตลาดท่าเสด็จ, สถานขนส่งหนองคาย, ห้างบิ๊กเจียง ราคาค่าโดยสารประมาณคนละ 20-40 บาท หรือถ้าจะเหมาให้พาเที่ยวในหนองคายคิดค่าบริการประมาณชั่วโมงละ 100 บาท รถ 1 คันนั่งได้มากสุด 5-6 คน รถสกายแล๊ปนอกจากจะมีที่หนองคายแล้วยังมีในสถานที่อื่นๆ ด้วยเช่น อ.เชียงคาน จ.เลย, เกาะสีชัง
ถ้าอากาศไม่ร้อนผมว่าการเดินจากบ้านตะวันรีสอร์ท มายังริมแม่น้ำโขงเป็นอะไรที่สบายๆ มาก เเดินไปไม่ไกล ดี๋ยวเราจะเดินจากริมโขง – ร้านแดงแหนมเนือง – ไปสิ้นสุดที่ตลาดท่าเสด็จ
ท้องฟ้ามืดดำ มาเที่ยวหน้าฝน อย่าไปกลัวฝนครับ ฝนตกเราก็หาที่หลบ
ผ่านร้านแดงแหนมเนือง ร้านอาหารเวียดนามที่ดังที่สุดในหนองคาย แวะชิมซักหน่อยครับ ร้านแดงแหนมเนืองสามารถเข้าได้ 2 ทาง ทางฝั่งริมแม่น้ำโขง และฝั่งริมถนน
ในร้านติดป้ายไว้ว่า ห้ามถ่ายรูป เราก็เลยไม่ได้ถ่ายมา ผมสั่งอาหารมา 3 อย่าง
– แหนมเนืองชุดเล็ก 130 บาท
– ไส้กรอกอีสานทอด 65 บาท
– ยำหมูยอ 80 บาท
รวมเครื่องดื่มด้วยก็ราคา 295 บาท กินอิ่มมาก ราคาไม่แพงรับ
การบริการของพนักงานก็โอเคครับ พนักงานเยอะ ของมาไว ผัดสด ล้างสะอาด ส่วนรสชาติอาหารผมว่ากลางๆ เปรียบเทียบกับ VT แหนมเนือง ผมชอบน้ำจิ้มของ VT แหนมเนือง มากกว่าครับ บรรยากาศในร้าน ค่อนข้างดี อยู่ติดแม่น้ำโขง ร้านสะอาด โดยรวมแล้วคิดว่าเป็นร้านอาหารที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงหนองคาย
หน้าร้านแดงแหนมเนือง ใครต้องการซื้อกลับบ้านมาซื้อที่หน้าร้านได้เลยครับ นอกจากอาหารเวียดนามแล้ว ยังมีขนมหลายอย่าง ราคาไม่แพง
จากร้านแดงแหนมเนืองเดินเล่นต่อที่ทางเดินริมแม่น้ำโขง มาเจอกับที่พัก บ้านแม่ริมน้ำ ทำเลดีมากๆ ครับ อยู่ติดแม่น้ำโขง มองเห็นวิวแม่น้ำโขง และฝั่งลาวได้จากในห้องพัก อีกด้านหนึ่งก็ติดกับตลาดท่าเสด็จ แต่ดูแล้วห้องพักชั้นล่างอาจจะไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไหร่ มีคนเดินไปเดินมาตลอด
บ้านแม่ริมน้ำ
ด้านข้างของบ้านแม่ริมน้ำเป็นตลาดท่าเสด็จ หรือบางคนเรียกว่าจตุจักรหนองคาย
ตลาดท่าเสด็จ หนองคาย
ภายในตลาดท่าเสด็จมีของขายหลายอย่าง โดยเฉพาะสินค้านำเข้าจากประเทศจีนที่เดินทางมาทางแม่น้ำโขง ขนม ของกินเล่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ของเล่น คนลาวก็ชอบข้ามมาซื้อของที่ฝั่งไทยครับ เนื่องจากว่าราคาถูกกว่าซื้อที่ลาว และของไทยก็เป็นของคุณภาพดี
ร้านค้าในตลาดท่าเสด็จมีมากกว่าร้อยร้านค้า เป็นตลาดที่มีเงินสะพัดมาก
ส่วนของฝากจากหนองคายขอแนะนำเป็นมะพร้าวแก้ว ,กล้วยทอด, หมูยอ 3 อย่างนี้ขึ้นชื่อมากครับ
ถ้าเดินมาจนสุดทางตลาดท่าเสด็จแล้วจะเจอกับร้านขายของ ณ ตลาดท่าเรือ ร้านนี้ขายของหลายอย่างคล้ายๆ ของ OTOP เช่นน้ำหมากเม่า, ไวน์ท้องถิ่น, ผ้าขาวม้า, เสื้อยืดที่ระลึก, ถุงผ้า
รูปด้านล่างเป็นน้ำหมากเม่าครับ ขวดละ 65 บาท 2 ขวด 120 บาท หากินยาก เป็นผลไม้ที่ออกตามฤดูกาล
ตรงนี้เป็นมุมกาแฟ ตกแต่งแนวย้อนยุคให้อารมณ์บ้านไม้โบราณ มีของสะสม และรูปภาพเก่าๆ หลายรูป นักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูปที่นี่
กาแฟแก้วละ 40-50 บาท ผมลองสั่งโกโก้มากินรสชาติใช้ได้ครับ
มุมนี้จัดไว้ให้ถ่ายรูปโดยเฉพาะเลย
ตรงนี้คือสุดเขตแดนที่เมืองหนองคาย
ทริปนี้พกเลนเทเล 55-250 IS ไปด้วยเลยลองซูมไปยังฝั่งลาวครับ ในรูปด้านล่างเป็นวัดในฝั่งลาว องค์พระพุทธรูปหันหน้ามาทางฝั่งไทย
วันแรกของการเที่ยวหนองคายก็มีอยู่เท่านี้ครับ กินๆ นอนๆ เดินเล่น เป็นการเที่ยวแบบไม่เร่งรีบ สัมผัสความเป็นเมืองน่าอยู่อันดับ 7 ของโลก
วันที่ 2 : กินๆ นอนๆ ในหนองคาย
เช้าวันที่ 2 ในหนองคาย ตอนแรกเราคิดว่าจะข้ามไปเที่ยวเวียงจันทร์ ลาว แบบเช้าไป – เย็นกลับ แต่ฝนไม่เป็นใจครับ ตกทั้งวัน ทั้งคืน เราก็เลยต้องล้มเลิกแผนเที่ยวเวียงจันทร์ แล้วเปลี่ยนมากินๆ นอนๆ ในหนองคายแทน
มื้อเช้าเราหากินง่ายๆ ที่ร้านตะเกียงทอง ร้านอาหารตรงข้ามซอย บ้านตะวันรีสอร์ท ที่ร้านนี้จะขายก๋วยเตี๋ยว ไข่กะทะ ขนมปังใส่ไส้แบบเวียดนาม
ไข่กะทะชุดละ 25 บาท, ขนมปังใส่ไส้อันละ 8 บาท 2 อัน 15 บาท ข้างในขนมปังใส่หมูสับและกุนเชียง
สายๆ หน่อยเราเรียกสกายแล๊ปให้ไปส่งเราที่ห้างบิ๊กเจียง ห้างนี้อยู่ใกล้กับสี่แยกหนองคาย ค่ารถประมาณคนละ 20-30 บาท ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร จริงๆ แล้วจากบ้านตะวันรีสอร์ทก็พอจะเดินไปได้นะครับ เคยอ่านเจอมาว่าคนลาวชอบมาซื้อของที่ Lotus ในห้างนี้ครับ เป็นห้างใหญ่ที่ใกล้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว มากที่สุด สังเกตที่จอดรถมีป้ายทะเบียนลาวอยู่หลายคันเลย
ห้างบิ๊กเจียง เป็นห้างประจำจังหวัดหนองคาย มีสินค้า IT ขายค่อนข้างเยอะ มี Lotus Supermaket มีโรงหนังขนาดเล็กอยู่ 3 โรง ศูนย์อาหารในห้างก็มีให้เลือกทานหลายร้าน ร้านหนังสือ ไอติม พิซซ่า ก็มีนะครับ ใครมาเที่ยวหนองคายแล้วไม่รู้จะไปไหนลองมาเดินเล่นห้างดูก็ได้ครับ
ขากลับจากห้างบิ๊กเจียงมาบ้านตะวันรีสอร์ท เราให้สกายแลปมาส่งตรงวงเวียนน้ำพุพญานาค ที่อยู่ด้านหน้าศาลากลางจังหวัดหนองคาย
อนุสาวรีย์ที่เห็นในรูปด้านบน คือ อนุสาวรีย์ปราบฮ่อ เป็นอนุสาวรีย์ที่บรรจุอัฐิของผู้เสียชีวิตในการปราบกบฏฮ่อ ในปี ร.ศ.105 (พ.ศ. 2429)
เดินๆ อยู่มีรถทะเบียนลาววิ่งผ่านมาพอดี ที่ลาวนิยมรถยี่ห้อฮุนไดกันครับ ป้ายทะเบียนเหลืองเป็นรถส่วนบุคคล ส่วนป้ายขาวเป็นรถรับจ้าง สลับกันกับบ้านเราครับ รถประเทศลาวจะเป็นรถพวงมาลัยซ้ายนะครับ น่าจะได้รับอิทธิพลจากประเทศฝรั่งเศส เนื่องจากลาวเคยเป็นเมืองขึ้นฝรั่งเศสมาก่อน
ตกเย็นก็หาอะไรกินแถวๆ ที่พัก แถวนี้หาของกินง่ายครับ ในรูปบนเป็น ผัดไทยยายแกะ ใน pantip เค้าว่าอร่อยที่สุดในหนองคายเลย
ส้มตำ ไก่ย่าง ก็มี
วันที่ 3 : One Day Trip ในหนองคาย
วันนี้เป็นวันสุดท้ายในทริปแล้วครับ ตื่นเช้ามา ฟ้าใส แดดดีมาก เลยคิดว่าจะเหมาสกายแล๊ปเที่ยวรอบเมืองหนองคายดีกว่า ลองโบกสกายแล๊ปดู ถามเค้าว่าเหมาเที่ยวคิดยังไง ลุงคนขับบอกว่าคิดชั่วโมงละ 100 บาท ก็เลยตกลงเลยครับ
สถานที่แรกที่เราจะไปเป็น วัดโพธิ์ชัย วัดนี้เป็นพระอารามหลวง เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บานคู่เมืองหนองคาย
รูปล่างเป็นพระพุทธรูปหลวงพ่อพระใสขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก
ภายในวัดมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง เรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาสวยงามมากครับ
ระหว่างรอลุงสกายแล๊ปไปซื้อของเลยยืนถ่ายรูปกับวินสกายแล๊ปซะเลย
สถานที่ที่สอง ที่เราจะไปเป็น ศาลาแก้วกู่ นักท่องเที่ยวชอบเรียกสลับกันเป็น “ศาลากู่แก้ว” ศาลาแก้วกู่จะอยู่นอกเมืองไปประมาณ 3 กิโลเมตร ไปตามทางที่ไป อ.โพนพิสัย สถานที่แห่งนี้มีรูปปั้นทางศาสนาเป็นจำนวนมาก ทั้งพุทธและฮินดู รูปปั้นที่สร้างก็มีขนาดใหญ่มาก สูงเท่ากับตึก 3-4 ชั้น
ศาลาแก้วกู่ สร้างขึ้นจากแรงบันดาลใจของหลวงปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2521
ที่หน้าทางเข้ามีรูปปั้นขนาดใหญ่อยู่ เป็นรูปปั้นที่ทำจากอิฐ
ศาลาแก้วกู่ มีค่าบำรุงสถานที่คนละ 20 บาทครับ
รูปปั้นข้างในค่อนข้างทรุดโทรมตามกาลเวลา
เนื่องจากว่าผมมาวันจันทร์ ไม่ค่อยมีคนเลยครับ บรรยากาศออกน่ากลัวนิดๆ
เดินชมได้ประมาณ 20 นาทีก็ครบแล้วครับ ขึ้นรถไปกันต่อ
สถานที่สุดท้ายที่เราจะไปคือ ตีนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ตีนสะพานจะอยู่ในพื้นที่ของแขวงการทางหนองคาย สกายแล๊ปจอดได้แค่ริมถนน ต้องเดินเข้ามาครับ ระยะทางก็ประมาณ 300 เมตร ทางเดินร่มรื่น เดินสบาย
ถึงแล้วครับ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว สะพานนี้เป็นสะพานข้ามระหว่างประเทศไทยและประเทศลาวเป็นแห่งแรก โดยข้ามระหว่างเมืองหนองคายไปเมืองท่าเดื่อ ของลาว ซึ่งอยู่ห่างจากเวียงจันทร์เพียง 20 กิโลเมตร
สะพานนี้เดินรถได้่ 2 ช่องทาง และมีรางรถไฟอยู่ตรงกลางสะพาน ตรงเชิงสะพานจะมีด่านตรวจคนเข้าเมืองของแต่ละประเทศอยู่ครับ
ตีนสะพานเป็นหาดจอมมณี ในช่วงหน้าแล้งจะเป็นหาดทรายยาว 200 เมตร สามารถลงเล่นน้ำได้ ชาวบ้านเรียกกันว่า พัทยาอีสาน
มองดูนาฬิกา เราคงเที่ยวได้เท่านี้ครับ เลยให้ลุงสกายแล๊ปไปส่งที่ร้านแดงแหนมเนือง กินแหนมเนืองให้เต็มที่อีกสักมื้อก่อนจะนั่งเครื่องกลับในตอนเย็น สรุปว่าเราใช้เวลาไปประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ในการเที่ยว 3 ที่ ถามคุณลุงว่าคิดค่ารถเท่าไหร่ คุณลุงตอบมาอย่างน่ารักว่า แล้วแต่จะให้ เลยให้ไป 300 บาทครับ
ทานแดงแหนมเนืองเสร็จเราก็กลับไปเอาของที่บ้านตะวันรีสอร์ท และเรียกสกายแล๊ปให้ไปส่งยังท่ารถตู้ไปสนามบินอุดรธานี ซึ่งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ตรงไหน รู้แต่ว่าไม่ไกลกับที่นี่มาก
เรียกสกายแล๊ปคันแรก บอกว่าไม่รู้จักว่าอยู่ตรงไหนจะไปส่งเราที่สถานีขนส่งหนองคายแทน แต่เราไม่เอาเลยเรียกสกายแล๊ปคันที่ 2 แต่คันนี้รู้ครับพาเราไปถูกท่ารถตู้จะอยู่ตรงสี่แยกหนองคาย ใกล้ๆ กับห้างบิ๊กเจียง เป็นที่ขายตั๋วของอุดรแก้วทัวร์
เวลาที่รถตู้ออกในแต่ละเที่ยวจะสอดคล้องกับเวลาเครื่องออกที่สนามบินอุดรธานี ดูตารางเวลาได้ในรูปด้านล่างเลยครับ
ค่าตั๋วรถจากหนองคายไปสนามบินอุดรธานี คนละ 150 บาท ถูกกว่าขามาคนละ 50 บาท คงเป็นเพราะว่าขามาเค้าบวกค่าโดยสารที่ต้องไปส่งยังโรงแรม หรือสถานที่ต่างๆ
รถตู้ใช้เวลา 1 ชั่วโมง เท่ากับขามา ก็มาถึงสนามบินอุดรธานี
สนามบินอุดรธานี ผมว่าดูดี ได้มาตราฐาน มีของขายเยอะ สนามบินนี้เป็นสนามบินหลักๆ ของภาคอีสานเหนือ ในสนามบินมีแหนมเนืองขายอยู่หลายเจ้าหลักๆ ก็ VT แหนมเนือง เจ้าดังของอุดรธานี กับ แดงแหนมเนืองเจ้าดังของหนองคาย ซื้อที่นี่เค้าแพคให้อย่างดีครับ ถือขึ้นเครื่องได้เลย หรือจะโหลดไปกับสัมภาระก็ได้
ผู้โดยสารที่มีกระเป๋าเดินทางโหลดได้ที่ Counter สายการบินที่ชั้นล่างนะครับ แล้วไปขึ้นเครื่องที่ชั้น 2
ชั้นบนตรงที่รอขึ้นเครื่องมีร้านของฝาก, แหนมเนือง ซื้อแล้วหิ้วขึ้นเครื่องได้เลย ขายราคาไม่แพงนะครับ ราคาพอๆ กับซื้อข้างนอกเลย ตั้งแต่บินมาหลายสนามบินผมว่าสนามบินอุดรฯ ของราคาไม่แพง ในนี้มีร้านกาแฟอีกร้านนึงชื่อร้าน BON CAFE
เที่ยวบินขากลับ Flight FD 3365 เครื่องออก 17.40 น. นั่งชิลๆ แป๊ปเดียวก็ถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว
ทริปหนองคาย เหมือนทริปไปพักผ่อน มากกว่าไปเที่ยวอย่างจริงจัง ได้กินอาหารอร่อย นอนหลับสบาย เหมือนเวลาเดินช้าลง ทริปหน้าผมจะพาไปเที่ยวที่สวนผึ้งนะครับ ไปดูต้นไม้เขียวๆ ของสวนผึ้งในฤดูฝน ไว้ติดตามชมในรีวิวหน้านะครับ
สรุปค่าใช้จ่ายทริปหนองคาย 3 วัน 2 คืน ของ 2 คน
– ค่าตั๋วเครื่องบิน กรุงเทพฯ – อุดรธานี ไป – กลับ 2 คน 321 บาท (โปรฯ 0 บาท)
– ค่าที่พักบ้านตะวันรีสอร์ท คืนละ 600 x 2 = 1,200 บาท
– ค่ารถตู้สนามบินอุดรฯ <–> หนองคาย 200 x 2 (ขาไป) + 150 x 2 (ขากลับ) = 700 บาท
– ค่ากิน 1,500 บาท
– ค่าเดินทางในหนองคาย, ซื้อของฝาก, อื่นๆ 1,500 บาท
รวม 5,221 บาท หรือเฉลี่ยคนละ 2610.5 บาท
Link.
– รีวิวเที่ยวเวียงจันทน์ ไปเองง่าย ใช้งบไม่เยอะ
Post Views 55954
น่าไปอีกแล้วค่ะ
ตอบคุณ nalinda
ครูแนนรอโปรฯ Air asia ซิครับ บินไปลงอุดรฯ เที่ยวเวียงจันทร์ – หนองคาย เดินทางสะดวกมาก
ค่ะ เห็นแอดมินจองโปร ราคาถูกได้ น่าสนใจเลยค่ะ
อ่านแล้วก็อยากไปตามเลยค่ะ ขอบคุณกับข้อมูลดีดีค่ะ
ขอบคุณครับ ชอบบ้านตะวัน กันเอง เงียบๆ ไปไหนมาไหนสะดวก