NIKKO is NIPPON เที่ยวนิกโก้ ศาลเจ้าโทโชกุ สะพานชินเคียว วัดไทยูอิน

ญี่ปุ่น / โตเกียว / Nikko

มีคำขวัญของญี่ปุ่นเป็นภาษาอังกฤษว่า NIKKO is NIPPON หรือแปลเป็นไทยว่า “เมืองนิกโก้ คือ ประเทศญี่ปุ่น” เมืองนิกโก้ (Nikko) เป็นเมืองมรดกโลก ที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยเอโดะ โชกุนตระกูลโทคุกาวา (Tokugawa) ได้วาง Nikko ให้เป็นเมืองฝ่ายเหนือ มีการสร้างวัดและศาลเจ้าสวยงามหลายแห่ง โชกุนก็ได้อาศัยอยู่ในเมือง Nikko หลังจากโชกุนได้เสียชีวิตมีการสร้างสุสานโชกุนที่ Nikko ซึ่งเป็น 1 ในสุสานที่สวยงามของญี่ปุ่น นอกจากเป็นเมืองมรดกโลกแล้ว Nikko ยังมีที่เที่ยวอีกมากมาย เช่น อุทยานแห่งชาติ Nikko ออนเซ็น สวนสนุกเอโดะ

การไปเที่ยว Nikko สามารถไปเที่ยวแบบเช้าไป – เย็นกลับจากโตเกียวได้ โดยใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง หรือถ้าอยากจะเที่ยว Nikko ให้ทั่วก็ควรจะค้างที่ Nikko สักหนึ่งคืน ในรีวิวนี้จะเป็นการไปแบบเช้าไป – เย็นกลับจากโตเกียว

การเดินทางไป Nikko

วิธีที่ 1 (เหมาะสำหรับผู้มี JR Pass) นั่ง Shinkansen Yamabiko จากสถานี JR Ueno ไปลงสถานี JR Utsunomiya แล้วต่อรถไฟสาย Nikko Line ไปลงยังสถานี JR Nikko สามารถใช้ JR Pass ได้หมด ถ้าไม่มี JR Pass เสียค่ารถไฟ 4,720 เยน (ไม่จองที่นั่ง)

วิธีที่ 2 นั่งรถไฟสาย Utsunomiya line จากสถานี JR Ueno ไปลงสถานี JR Utsunomiya แล้วต่อรถไฟสาย Nikko Line ไปลงยังสถานี JR Nikko เสียค่ารถไฟ 2,520 เยน สามารถใช้ JR Pass ได้หมดเหมือนกัน

วิธีที่ 3 (เหมาะสำหรับผู้ไม่มี JR Pass) ซื้อพาส 2DAY NIKKO PASS ราคา 2,670 เยน (ถึงแม้ว่าไปเช้า – เย็นกลับ ซื้อพาสก็ยังถูกกว่าจ่ายแยก) นั่งรถไฟ Tobu ที่สถานี Asakusa ลงที่สถานี Shimo-imaichi ต่อลงรถ Tobu ลงที่สถานี Tobu-Nikko พาสนี้รวมถึงรถบัสในโซนมรดกโลก (World Heritage bus)

การเดินทางไป Nikko ผมใช้วิธีที่ 1 เนื่องจากมี JR Pass ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าโดยสาร ได้นั่ง Shinkansen ไปแบบสบายๆ

Shinkansen Yamabiko

ร้านสะดวกซื้อในสถานี JR Utsunomiya

พอถึงสถานี JR Utsunomiya ก็เดินตามป้าย Transfer Nikko Line

JR Nikko Line

ภายในรถไฟ JR Nikko Line รถไฟค่อนข้างโล่ง อาจเป็นเพราะว่าวันธรรมดา และเลยช่วงใบไม้เปลี่ยนสีมาแล้วด้วย

NIKKO is NIPPON ป้ายคำขวัญขนาดใหญ่ในรถไฟ

มาถึงสถานีรถไฟ JR Nikko 8.25 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง

สถานีรถไฟ JR Nikko เป็นสถานีเก่าแก่ แบบอาคารไม้ รถไฟสาย Nikko Line ก็เป็นเส้นทางรถไฟเก่าแก่เหมือนกัน เปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 การเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่นฝังรากมายาวนาน ชีวิตคนญี่ปุ่นจึงผูกพันกับรถไฟ

ที่หน้าสถานี JR Nikko มีท่อน้ำออกมาจากก้อนหิน มีป้ายบอกว่าดื่มได้

การเดินทางใน Nikko

มีรถเมล์สาย World Heritage bus (รถสีแดง) วิ่งวนในเส้นทางมรดกโลก แต่ถ้าต้องการจะออกไปไกลที่ทะเลสาบซูเซ็นจิ, น้ำตกเคง่อนต้องนั่งรถ Tobu bus รถเมล์สาย World Heritage bus จะจอดที่ป้ายรถเมล์หน้าสถานี JR Nikko และสถานี Tobu-Nikko ไม่ว่าจะเดินทางมาด้วยรถไฟสายไหนก็ขึ้นรถเมล์ World Heritage bus ได้สะดวก

เนื่องจากว่าค่าโดยสารของ World Heritage bus เริ่มต้นที่ประมาณ 250 เยน ส่วนบัตรโดยสารแบบ One day pass ราคา 500 เยน ในกรณีนี้บัตร One day pass คุ้มกว่าแน่นอนดังนั้นเราจะต้องไปซื้อ One day pass ก่อนขึ้นรถ

ที่ขายตั๋ว One day pass ของรถเมล์ World Heritage bus จะอยู่ที่สถานีรถไฟ Tobu Nikko เป็นสถานีที่อยู่ใกล้ๆ กับสถานี JR Nikko เดินไปประมาณ 3 นาทีได้ ถ้าออกจากสถานี JR Nikko ให้เดินไปทางขวาตรงไปเรื่อยๆ

สถานีรถไฟ Tobu Nikko ภายในนี้จะมี Nikko Tourist information และที่ขายตั๋วรถใน Nikko แบบต่างๆ

ฝั่งขวา (คนเสื้อแดง) จะเป็น Nikko Tourist information ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นที่ขายตั๋วรถบัส

World Heritage bus แบบ One day pass ราคา 500 เยน เป็นบัตรกระดาษสีทอง เมื่อมีการใช้ครั้งแรกจะมีการพิมพ์วันที่ติดที่หน้าบัตร

ป้ายรถเมล์ที่จะไปพื้นที่ Nikko World Heritage จะเป็นป้าย 2C อยู่ฝั่งเดียวกับสถานี Tobu Nikko

แผนที่เส้นทางรถเมล์สาย World Heritage bus

ก่อนที่จะขึ้นรถเมล์มาศึกษาเส้นทางรถเมล์ก่อนจะได้ลงป้ายถูก แนะนำว่าควร print รูปนี้ไปด้วย เพราะแผนที่หลังบัตร One day pass เป็นภาษาญี่ปุ่นอ่านไม่ออก

– ป้ายหมายเลข 1 : JR Nikko Station (สถานีรถไฟ JR Nikko)

– ป้ายหมายเลข 2 : Tobu Nikko Station (สถานีรถไฟ Tobu Nikko)

– ป้ายหมายเลข 81 : Hotel Seikoen mae

– ป้ายหมายเลข 82 : Shodo shonin zo mae

– ป้ายหมายเลข 83 : Omotesando (ศาลเจ้าโทโชกุ, วัดรินโนจิ, สวนโซโยเอ็น)

– ป้ายหมายเลข 84 : Nishi-Sando

– ป้ายหมายเลข 85 : Taiyuin futarasan jinja mae (วัดไทยูอิน, ศาลเจ้าฟุตาระซัง)

– ป้ายหมายเลข 7 : Shinkyo (สะพานแดงชินเคียว)

จากเส้นทางการเดินรถวางแผนเที่ยวได้ตามนี้ครับ เราจะลงที่ป้าย 83 เที่ยวศาลเจ้าโทโชกุ, วัดรินโนจิ, สวนโซโยเอ็น จากนั้นก็นั่งรถไปป้าย 85 เที่ยววัดไทยูอิน, ศาลเจ้าฟุตาระซัง และนั่งรถต่อไปป้าย 7 สะพานแดงชินเคียว จากนั้นก็กลับ JR Nikko

การขึ้นรถเมล์ Nikko World Heritage bus

1. ขึ้นที่ประตูหลัง คนที่มีบัตร One day pass หรือ จ่ายค่าโดยสารด้วยเงิน ให้รับตั๋วข้างประตู ส่วนคนที่ใช้บัตร Suica, Pasmo ให้แตะบัตร

2. ก่อนที่จะถึงป้ายหน้าจะมีประกาศเป็นภาษาญี่ปุ่น, ภาษาอังกฤษ และข้อความที่จอหน้ารถ

3. เมื่อต้องการลงให้กดกริ่ง ลงที่ประตูหน้า คนที่ชำระด้วยเงินให้ดูหมายเลขตั๋วในมือและจอหน้ารถว่าค่าโดยสารเท่าไหร่, คนที่มี One day pass ให้ยื่นตั๋วคืนให้คนขับพร้อมแสดง One day pass, คนที่ใช้บัตร Suica, Pasmo ให้แตะบัตรข้างคนขับ

รถเมล์ Nikko World Heritage bus

ที่รับตั๋ว และที่ แตะบัตร Suica, Pasmo

ป้ายแสดงราคาค่าโดยสาร

ป้ายที่เราจะลงเป็นป้ายหมายเลข 83 : Omotesando (ศาลเจ้าโทโชกุ, วัดรินโนจิ, สวนโซโยเอ็น) ใช้เวลานั่งรถไม่ถึง 10 นาที

ที่จำหน่ายตั๋วศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine)

– ผู้ใหญ่ 1,300 เยน, เด็ก 450 เยน (ศาลเจ้า + รูปปั้นแมวหลับ + สุสานโชกุนอิเอะยาสุ)

– ค่าเช่า Audio Guidance 500 เยน

ในบริเวณนี้นอกจากศาลเจ้าโทโชกุ ก็มี วัดรินโนจิ (Rinnoji Temple), สวนญี่ปุ่นโซโยเอ็น (Shoyo-en) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ๆ กัน แต่ว่าช่วงที่ไปวัดรินโนจิปิดปรับปรุง โดยเริ่มปิดตั้งแต่เมษายน ค.ศ. 2011 ในการซ่อมแซมสถานที่สำคัญในญี่ปุ่นเค้าจะทำผนังมาครอบบริเวณที่ก่อสร้างแล้วมีภาพที่ผนังให้เรารู้ว่าข้างในคืออะไร

วัดรินโนจิ (Rinnoji Temple) เป็นวัดพุทธที่สำคัญที่สุดใน Nikko สร้างขึ้นโดยพระ Shodo Shonin ผู้ที่นำศาสนาพุทธมาเผยแพร่ใน Nikko ในช่วงปี ค.ศ. 800 ภายในวัดมีประพุทธรูปที่ทำจากไม้ปิดด้านนอกด้วยทอง และรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม

สวนญี่ปุ่นโซโยเอ็น (Shoyo-en) เป็นสวนแบบญี่ปุ่นอยู่ตรงข้ามวัดรินโนจิ สร้างขึ้นในสมัยเอโดะตอนต้น และได้ปรับปรุงใหม่อีกครั้งในช่วง ค.ศ. 1900

ก่อนที่จะเข้าศาลเจ้าโทโชกุ จะเจอกับเจดีย์สีแดง 5 ชั้น มีลวดลายสวยงาม เป็นเจดีย์เก่าแก่สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1650

ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine) เป็นสถานที่ไม่ควรพลาดเมื่อมา Nikko ศาลเจ้านี้สร้างขึ้นตามหลักศาสนาชินโตและศาสนาพุทธ อาคารแต่ละหลังจะสร้างมาจากไม้ลงลายสีทอง แกะสลักอย่างสวยงามตามแบบญี่ปุ่น บรรยากาศรอบๆ ศาลเจ้าเป็นป่าสนอากาศเย็นสบาย

ที่ทางเข้าของศาลเจ้าโทโชกุจะเป็นซุ้มประตูโยเมมง (Yomeimon) เป็นซุ้มประตูที่สวยงาม มีขนาดใหญ่ แต่น่าเสียดายว่าอยู่ในระหว่างซ่อมแซมเลยไม่มีโอกาสได้เห็นด้านใน

อาคารไม้ในรูปด้านล่างมีรูปลิงแกะสลัก 3 ตัวอยู่ในท่า ปิดหู ปิดปาก ปิดตา (see no evil, hear no evil, speak no evil) หมายถึงการไม่ดู ไม่ฟัง ไม่พูดในสิ่งไม่ดี ลิงแกะสลัก 3 ตัวนี้แกะสลักโดย Hidari Jingoro

The Sacred hourse

ภายในอาคารนี้มีม้าเทพเจ้าอยู่ 2 ตัว ตัวแรกมีชื่อว่า “Kotuku” เป็นม้าสีขาวที่รัฐบาลนิวซีแลนด์มอบให้กับญี่ปุ่นเพื่อเป็นมิตรภาพระหว่าง 2 ประเทศ ส่วนอีกตัวชื่อว่า “Fukuisami” ม้าจะอาศัยอยู่ในนี้เฉพาะช่วงเช้าเท่านั้น นอกเหนือจากนี้อาจจะไปออกกำลังกาย, เล็มหญ้า

ช่วงที่เราไปโชคดีมากเค้าจูงม้า “Kotuku” มาออกกำลังกายพอดี ม้าสีขาวตัวใหญ่ สง่ามาก

คนญี่ปุ่นเองก็มาเที่ยวศาลเจ้าโทโชกุกันมาก

ในรูปด้านล่างเป็นอาคารหลักของศาลเจ้าโทโชกุ ประกอบไปด้วยสถานที่สวด และ อาคารหลัก ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับโชกุนอิเอะนาสุ การเข้าชมด้านในต้องใช้ประตูข้าง และต้องฝากรองเท้าไว้ที่ทางเข้า

ที่ฝากรองเท้า ด้านในไม่ให้ถ่ายภาพ

ถังสาเกที่วางเรียงรายอยู่นั้นมาจากความเชื่อว่าเทพเจ้าชอบดื่มสาเก จึงมีคนนำสาเกมาถวาย

ในรูปด้านล่างเป็นประตูซาคาชิทามอน (Sakashitamon Gate) ทางขึ้นไปยังสุสานโชกุนอิเอะยาสุ

ที่บริเวณซุ้มประตูก่อนขึ้นบันไดไปสุสานฯ มีรูปแกะสลักไม้ที่มีชื่อเสียง เป็นรูปแมวหลับ เป็นผลงานของ Hidari Jingoro คนเดียวกับที่แกะสลักลิงปิดหู ปิดปาก ปิดตา

ทางขึ้นไปยังสุสานโชกุนอิเอะยาสุ เป็นบันไดหิน 200 ขั้นล้อมรอบด้วยป่าสน

สุสานโชกุนอิเอะยาสุ จะอยู่บนพื้นที่สูงของศาลเจ้าโทโชกุ

บริเวณรอบๆ สุสานโชกุนอิเอะยาสุ

สุสานโชกุนอิเอะยาสุ

อาคารในรูปด้านล่างเป็นที่เก็บของที่ใช้ในงานพิธีสำคัญ

จากศาลเจ้าโทโชกุ เราจะไปเที่ยวต่อที่วัดไทยูอิน, ศาลเจ้าฟุตาระซัง สามารถไปได้ 2 วิธีครับ 1. นั่งรถบัสไป จากป้าย 83 ไปป้าย 85 2. เดินไปประมาณ 20 นาที ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆ

ถ้าอากาศไม่ร้อน เดินไปเรื่อยๆ ก็เพลินเหมือนกัน ผ่านแนวต้นสน โคมไฟหิน บ้านเรือน

ถ้านั่งลงเมล์มาลงป้ายหมายเลข 85 : Taiyuin futarasan jinja mae ป้ายนี้จะอยู่ใกล้วัดไทยูอิน และ ศาลเจ้าฟุตาระซัง

การเข้าชมในวัดไทยูอินต้องซื้อบัตรเข้าที่หน้าวัด ผู้ใหญ่ 550 เยน, เด็ก 250 เยน

บัตรเข้าชมวัดไทยูอิน

ประตูทางเข้าวัดมียักษ์เฝ้าประตูทั้งด้านซ้ายและด้านขวา

ยักษ์เฝ้าประตู

วัดไทยูอิน (Taiyuin Temple) วัดนี้มีความสำคัญที่เป็นสุสานของอิเอะมิซึ โชกุนคนที่สามของตระกูลโทคุกาวา ซึ่งเป็นหลานชายของอิเอะยาสุ ภายในวัดไทยูอินมีการตกแต่งคล้ายกับศาลเจ้าโทโชกุ มีการประกับและแกะสลัก ลงลวดลายด้วยสีทอง ดำ แดง น้ำเงิน ลักษณะสถาปัตยกรรมของวัดไทยูอินจะผสมผสานความเชื่อทางศาสนาชินโต และ ศาสนาพุทธ

ศาลาล้างมือ, บ้วนปากตามแบบฉบับของศาลเจ้า และวัดในญี่ปุ่น

เมื่อเข้าไปสู่ด้านในจะมีประตูอยู่อีกชั้น ประตูนี้มีชื่อว่า ประตูนิเทนมอง ( Nitenmon Gate) มียักษ์เฝ้าประตูเหมือนประตูด้านหน้า

จากประตูในรูปด้านบนถ้าเดินเข้าไปก็จะเห็นศาลาสีทองเป็นสุสานของโชกุนอิเอะมิซึ ตรงจุดนี้ถือว่าเป็นไฮไลต์ของวัดไทยูอิน เป็นสถานที่ที่สำคัญ และสวยงามที่สุดในวัด

ในพื้นที่มรดกโลก Nikko จะเห็นว่าศาลเจ้า ศาลา และสิ่งก่อสร้างดูใหม่และคงเดิมอยู่ตลอดเวลา เพราะมีการซ่อมแซม บูรณะอยู่ตลอด

ศาลาสีทองสุสานของโชกุนอิเอะมิซึ

โคมไฟรอบสุสาน

วัดไทยูอินใช้เวลาชมประมาณ 30 นาทีก็ครบแล้ว เราเดินออกจากวัดไปยังศาลเจ้าฟุตะระซัง (Futarasan Shrine) ที่อยู่หน้าทางเข้าวัดไทยูอิน

ศาลเจ้าฟุตะระซัง (Futarasan Shrine) เป็นศาลเจ้าที่มีความเก่าแก่มากที่สุดในพื้นที่มรดกโลก Nikko ศาลเจ้าฟุตะระซังสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 782 โดย Shodo Shonin เป็นพระองค์เดียวกับที่สร้างวัดรินโนจิในนิกโก้ ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นให้กับเทพเจ้าแห่งภูเขาของนิกโก้ 3 องค์ ได้แก่ ภูเขานางไท (Mount Nantai), ภูเขาเนียวโฮ (Mount Nyoho) และ ภูเขาทาโระ (Mount Taro)

การเข้าชมศาลเจ้าฟุตะระซังด้านหน้า เข้าชมได้ฟรีครับ ศาลเจ้านี้ก็ดูคล้ายกับศาลเจ้าอื่นๆ ในญี่ปุ่น

ถ้าจะเข้าชมด้านในศาลเจ้า ชมศาลาเก่า สวนป่า ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้องเสียค่าเข้า 200 เยน

จากป้าย 85 ตรงข้ามศาลเจ้าฟุตะระซัง เราขึ้นรถเมล์มาที่ป้าย 7 สะพานชินเคียว ใช้เวลาประมาณ 6 นาทีเท่านั้น

เราไปช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ใบไม้เปลี่ยนสีส่วนมากร่วงโรยไปหมดแล้ว มีเพียงส่วนน้อยที่ยังเป็นสีแดง

Nikko Natural Park

สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge) มีความหมายว่าสะพานศักดิ์สิทธิ์ สะพานแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเมืองมรดกโลกนิกโก้ จากสะพานนี้สามารถเดินไปยังวัดรินโนจิ, ศาลเจ้าโทโชกุ, ศาลเจ้าฟุตะระซัง และวัดไทยุอิน รูปแบบของสะพานชินเคียวเป็นสะพานไม้โค้งแบบโบราณ ทาด้วยสีแดงด้านหลังสะพานเป็นวิวภูเขาอีกฝั่งของสะพานติดถนน ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีในเดือนตุลาคมจะเห็นต้นไม้สีแดง เหลือง เขียวสลับกับเป็นฉากหลังของสะพานชินเคียว นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปที่สะพานนี้

ช่วงที่เหมาะกับการถ่ายรูปสะพานชินเคียวจะเป็นช่วงเช้า ในช่วงบ่ายพระอาทิตย์จะย้อนแสง

ด้านล่างเป็นแม่น้ำไดยะ เป็นแม่น้ำเล็กๆ น้ำใสสะอาดมาก

การขึ้นไปบนสะพานชินเคียวต้องเสียค่าขึ้น 300 เยน โดยจะมีทางเข้าอยู่ด้านข้าง แต่ถ้าไม่อยากเสียตังค์ก็ยินถ่ายรูปที่สะพานปูนข้างๆ ได้

ที่ขายบัตรขึ้นสะพานชินเคียว

จากสะพานชินเคียวเรานั่งรถเมล์กลับสถานี JR Nikko แล้วก็กลับโตเกียว One day trip Nikko ก็จบแต่เพียงเท่านี้

สรุปค่าเดินทางจากโตเกียวไปนิกโก้ Nikko โซนมกดกโลก (คนละ)

ขาไป JR Ueno (Shinkansen) –> JR Utsunomiya (JR Nikko Line) –> JR Nikko= 4,720 เยน (ใช้ JR Pass ได้)

ค่ารถ Nikko แบบ One day pass = 500 เยน

ขากลับ JR Nikko (JR Nikko Line) –> JR Utsunomiya (Shinkansen) –> JR Ueno = 4,720 เยน (ใช้ JR Pass ได้)

: : รวมค่าเดินทางในกรณีที่ไม่มี JR Pass = 9,940 เยน

: : รวมค่าเดินทางในกรณีที่มี JR Pass = 500 เยน

จากสรุปค่าเดินทางจะเห็นว่าถ้าไม่มี JR Pass ค่าเดินทางค่อนข้างแพงมาก ถ้าอยากจะประหยัดแนะนำให้ใช้ซื้อ 2 DAY NIKKO PASS ค่าเดินทางไป – กลับเพียง 2,670 เยน

ข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์

ไปดูใบไม้แดง ใบไม้เปลี่ยนสีที่ Nikko ต้องไปช่วงไหน?

หลักๆ แล้ว Nikko จะมี 3 โซน มีระดับความสูงไม่เท่ากันอุณหภูมิไม่เท่ากัน ใบไม้จึงแดง – เปลี่ยนสีไม่พร้อมกัน แต่จะเปลี่ยนสีต่อๆ กัน ไล่ไปจาก โซนออนเซน โซนทะเลสาบ และ โซนมรดกโลก

  • โซนมรดกโลก (ศาลเจ้า, สุสานโชกุน, สะพานแดงชินเคียว) โซนนี้อยู่ในระดับความสูงต่ำสุด ใบไม้จะแดงช่วงต้นเดือน – กลางเดือนพฤศจิกายน
  • โซนทะเลสาบ และ น้ำตก (ทะเลสาบซูเซ็นจิ, น้ำตกเคง่อน) โซนนี้อยู่ในระดับความสูงกว่าโซนมรดกโลก ใบไม้จะแดงในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม
  • โซนออนเซน (Yumoto Onsen) เป็นสปากลางป่า กลางภูเขา อยู่ในระดับความสูงที่สุดจากที่กล่าวมา ใบไม้จะเปลี่ยนสีก่อนที่อื่น ประมาณปลายเดือนกันยายน ถึง ต้นตุลาคม
บัตรโดยสารแบบต่างๆ ใน Nikko
สำหรับคนที่ไม่มี JR Pass การซื้อบัตรโดยสารจะประหยัดกว่า มีทั้งบัตรโดยสารที่รวมรถไฟจากโตเกียวไปจนถึงนิกโก้ และ บัตรโดยสารที่รวมค่ารถไฟ + พื้นที่รอบๆ นิกโก้

ALL NIKKO PASS บัตรโดยสารชนิดรวมการเดินทางจากโตเกียวไปจนถึงนิกโก้ รวมถึงบริเวณรอบๆ นิกโก้ เหมาะสำหรับคนที่เที่ยวนิกโก้หลายวัน เที่ยวหลายโซน

ราคา. ผู้ใหญ่ 4,520 เยน, เด็ก 2,280 เยน

เส้นทางที่ All Nikko Pass ให้บริการ

รายละเอียด Pass :

  • ใช้งานได้ 4 วัน
  • ไม่รวมค่าเข้าชมศาลเจ้า และวัด (Toshogu shrine, Rinnoji Temple, Futarasan Shrine, Taiyu mausoleum) ต้องเสียเงินค่าเข้าต่างหาก
  • ขึ้นรถบัส Tobu ในเขตนิกโก้ได้ไม่จำกัดในระยะเวลา 4 วัน สถานที่ไปได้ก็มีทะเลสาบ Chuzenji, น้ำตก Kegon, โซนมรดกโลก World Heritage Site, ออนเซ็น Yumoto
  • รวมค่ารถไฟ Tobu จาก Asakusa Station ไปจนถึง Tobu Nikko Station (ไป-กลับ รอบเดียวเฉพาะรถไฟ Rapid เท่านั้น)
  • ดูข้อมูลเพิ่มเติม www.tobu.co.jp/foreign/pass/all_pass.html

**หมายเหตุ**

– ราคาอัพเดท 10/9/2014

– ภาพประกอบจาก www.tobu.co.jp/foreign/pass/all_pass.html

2 DAY NIKKO PASS บัตรโดยสารชนิดรวมการเดินทางจากโตเกียวไปจนถึงนิกโก้ ครอบคลุมพื้นที่นิกโก้

ราคา. ผู้ใหญ่ 2,670 เยน, เด็ก 1,340 เยน

เส้นทางที่ 2 Day Nikko Pass ให้บริการ

รายละเอียด Pass :

  • ใช้งานได้ 2 วัน
  • ขึ้นรถบัส Tobu ในโซนมรดกโลก World Heritage Site ได้ไม่จำกัดในระยะเวลา 2 วัน
  • รวมค่ารถไฟ Tobu จาก Asakusa Station ไปจนถึง Tobu Nikko Station (ไป-กลับ รอบเดียวเฉพาะรถไฟ Rapid เท่านั้น)
  • ดูข้อมูลเพิ่มเติม www.tobu.co.jp/foreign/pass/2day_nikko_pass.html

**หมายเหตุ**

– ราคาอัพเดท 10/9/2014

– บัตร WORLD HERITAGE PASS ไม่มีขายแล้ว

– ภาพประกอบจาก www.tobu.co.jp/foreign/pass/2day_nikko_pass.html

ที่พักยอดนิยม

Nikko Park Lodge Tobu Station

โรงแรมตั้งอยู่ตรงข้าม Tobu Nikko Station เดินประมาณ 90 เมตร มีซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ในซอยด้านหลังเดินไปประมาณ 500 เมตร สถานีรถบัสสำหรับท่องเที่ยวในนิกโก้อยู่หน้าโรงแรม

B&B Viva Nikko

ใกล้สถานีรถไฟ Tobu Nikko Station ประมาณ 150 เมตร เดินทางสะดวก มีชาและกาแฟบริการฟรี มีร้านสะดวกซื้ออยู่ฝั่งตรงข้ามถนนจากที่พัก

Hotel Natural Garden Nikko

จากสถานีรถไฟ Tobu Nikko Station มาโรงแรมลงป้ายรถบัส12 อยู่ตรงข้ามโรงแรม ในโรงแรมมีออนเซ็นทั้งในร่ม และกลางแจ้ง ข้างโรงแรมมีร้านกาแฟ และด้านตรงข้ามมีร้านราเม็ง

Nikko Tokinoyuu Hotel

ที่พักอยู่ตรงข้ามป้ายรถเมลล์หมายเลข 7 ใกล้ร้านอาหารและของที่ระลึก มีออนเซนให้แช่ ใกล้แหล่งท่องเที่ยวในนิกโก้ สามารถเดินไปสะพานชินเคียว (Shinkyo Sacred Bridge) ได้

ดูโรงแรมใน Nikko ทั้งหมด คลิ๊ก

วันที่ 1: เดินทางกรุงเทพฯ – โตเกียว A380 การบินไทย นอนโตเกียว
วันที่ 3: เที่ยวนารา เมืองแห่งกวาง ดูใบไม้เปลี่ยนสี นอนโอซาก้า ไปเช้า-เย็นกลับ
วันที่ 4-5: เที่ยวเกียวโต ชมศาลเจ้า วัดเก่า ใบไม้เปลี่ยนสี
วันที่ 6: นั่ง Shinkansen กลับโตเกียว เที่ยวโอไดบะ โตเกียว
วันที่ 7: เที่ยว Kawaguchiko ดูภูเขาไฟฟูจิ ใบไม้เปลี่ยนสี ไปเช้า-เย็นกลับ
วันที่ 8: เที่ยว Nikko เมืองแห่งมรดกโลก สุสานโชกุน นอนโตเกียว ไปเช้า-เย็นกลับ
วันที่ 9: เที่ยว Mitake ตามรอยละคร “ข้างหลังภาพ” ดูใบไม้แดง
วันที่ 11: ชิบูย่า รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ ซื้อของฝากในสนามบิน บินกลับไทย
สรุปค่าใช้จ่ายเที่ยวญี่ปุ่น 11 วัน ค่าเครื่องบิน โรงแรม อาหาร ค่าเดินทาง ฯลฯ

Post Views 136529

admin

นักเขียนประจำ emagtravel.com

62 thoughts on “NIKKO is NIPPON เที่ยวนิกโก้ ศาลเจ้าโทโชกุ สะพานชินเคียว วัดไทยูอิน

  • July 12, 2016 at 10:52 am
    Permalink

    รบกวนสอบถามค่ะ
    1.ถ้าไปนิกโก้ ช่วง สัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกันยา โซนออนเซน ใบไม้เริ่มแดงหรือยังคะ
    2 ถ้าเปลี่ยนจากไปเดือนกันยา ไปเดิอน พฤษภาแทน ไม่ทราบว่า เดือนพฤษภา จะสวยมั้ยคะ
    ขอบคุณค่ะ

  • July 12, 2016 at 1:21 pm
    Permalink

    ตอบคุณ jay

    1.ถ้าไปนิกโก้ ช่วง สัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกันยา โซนออนเซน ใบไม้เริ่มแดงหรือยังคะ

    มีรายละเอียดบอกในเนื้อหาแล้วนะครับ

    โซนออนเซน (Yumoto Onsen) เป็นสปากลางป่า กลางภูเขา อยู่ในระดับความสูงที่สุดจากที่กล่าวมา ใบไม้จะเปลี่ยนสีก่อนที่อื่น ประมาณปลายเดือนกันยายน ถึง ต้นตุลาคม

    2 ถ้าเปลี่ยนจากไปเดือนกันยา ไปเดิอน พฤษภาแทน ไม่ทราบว่า เดือนพฤษภา จะสวยมั้ยคะ
    ขอบคุณค่ะ

    พ.ค. เข้าฤดูร้อนแล้วครับ ช่วงต้นเดือนน่าจะมีซากุระหลงอยู่บ้างแต่ไม่มาก ส่วนต้นไม้ก็จะเขียวๆ ครับ
    ก.ย. สวยกว่า พ.ค. ครับ

  • August 24, 2016 at 9:46 pm
    Permalink

    คือผมมีทริปที่จะไปนิกโก้ช่วงต้นเดือน ต.ค.นี้ โดยวางแผนที่จะเที่ยว แบบไปเช้า-เย็นกลับ พักที่ Asakusa ผมจึงเลือกเที่ยวที่ ทะเลสาบ Chuzenji และน้ำตก Kegon Waterfall

    ถามดังนี้ครับ

    1.ผมต้องซื้อ Nikko 2 Day Pass เพื่อสำหรับนั่งรถไฟ ไปเช้า-เย็นกลับใน 1 วัน ใช่ไหมครับ

    2.เนื่องจากสถานที่ ๆ ผมจะไป มันไม่ได้อยู่ใน โซนมรดกโลก ผมจึงต้องซื้อตั๋วแบบ Chuzenji Onsen Free Bus (2 days)ใช่ไหมครับ

    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำล่วงหน้านะครับ

  • August 27, 2016 at 12:41 pm
    Permalink

    สอบถามค่ะ
    จะไปวางแผนเที่ยว
    วันที่1. โตเกียว
    วันที่2โตเกียว
    วันที่3kawaguchiko
    วันที่4 -nikko-
    วันที่5Kamakura
    ตอนแรกวางแผนซื้อ
    Keisei Sky liner ขาเข้าโตเกียว+ ใช้Suica + ใช้ JR tokyo wide pass 3วันสุดท้าย + keisei sky liner วันกลับค่ะ
    แบบนี้จะคุ้มไหม
    ไปnikko ต้องเสียไรเพิ่มอีกไหมนอกจากรถบัสแล้วที่บอกว่าไม่มีworld heritage pass คือไรคะ หมายถึงไม่มีone day pass 500yen หรือเปล่าคะ
    จะเดินทางปลายตคแล้วค่ะรบกวนตอบที

  • August 28, 2016 at 4:14 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Noon

    สอบถามค่ะ
    จะไปวางแผนเที่ยว
    วันที่1. โตเกียว
    วันที่2โตเกียว
    วันที่3kawaguchiko
    วันที่4 -nikko-
    วันที่5Kamakura
    ตอนแรกวางแผนซื้อ
    Keisei Sky liner ขาเข้าโตเกียว+ ใช้Suica + ใช้ JR tokyo wide pass 3วันสุดท้าย + keisei sky liner วันกลับค่ะ
    แบบนี้จะคุ้มไหม

    วันกลับ ไม่นั่ง NEX ไปสนามบินละครับ ใช้ JR tokyo wide pass ได้ครับ ส่วนคุ้มไหม มันก็พอได้ครับ

    ไปnikko ต้องเสียไรเพิ่มอีกไหมนอกจากรถบัส

    ค่าเข้าชมไงครับ

    แล้วที่บอกว่าไม่มีworld heritage pass คือไรคะ หมายถึงไม่มีone day pass 500yen หรือเปล่าคะ

    ขอตำหนิหน่อยเถอะครับ แค่ search ก็รู้แล้วว่ามันคือพาสอะไร WORLD HERITAGE PASS คือพาสที่รวมการเดินทางจากโตเกียว + รอบๆ Nikko + ค่าเข้าชมสถานที่ในโซน WORLD HERITAGE

  • October 2, 2016 at 7:15 pm
    Permalink

    ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากๆๆๆค่า

  • October 3, 2016 at 9:41 am
    Permalink

    ตอบคุณ Fron

    เที่ยวให้สนุกนะครับ 🙂

  • April 14, 2017 at 10:05 pm
    Permalink

    ถ้าหากใช้ Nikko All Area Pass ตอนขึ้นจากโตเกียวไปนิกโกะ เราสามารถขึ้นจากสถานีอื่นที่อยู่ระหว่างทางแทน Asakusa ได้ไหมคะ พอดีจากที่ที่จะไปพัก ขึ้นจากสถานีnKita-Senju ใกล้กว่า ไม่ต้องย้อนกลับลงไปทาง Asakusa ค่ะ ขอบคุณค่ะ

  • April 15, 2017 at 12:44 pm
    Permalink

    ตอบคุณ ซี

    ข้อมูลของพาสแจ้งไว้แบบนี้ครับ “Valid for one round trip on the railway between Asakusa and Shimo-imaichi Station” ดังนั้นสามารถขึ้นจากสถานี Kita-Senju ได้ครับ

  • March 27, 2018 at 5:14 pm
    Permalink

    ถ้าหากไปช่วงปลายเดือนเมษา อากาศและบรรยกาศ หรือต้นไม้จะเป็นสีแบบไหน สวยหรือเปล่าค่ะ

  • March 28, 2018 at 3:36 pm
    Permalink

    ตอบคุณ ฺbig

    ปลายเมษา ต้นไม้คงจะดูเขียวๆ นะครับ ข้อดีคือคนน้อย ข้อเสียไม่ใช่ช่วงไฮไลต์ อากาศเย็นนิดๆ 16-20 องศาครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *