ชมใบแปะก๊วยเปลี่ยนสี ที่โทได Tokyo University โตเกียว

ญี่ปุ่น / โตเกียว / โทได Tokyo University

ใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ นอกจากจะมีที่ภูมิภาคคันไซ เกียวโต นารา โอซาก้า ตามที่ได้พาไปชมในรีวิวที่แล้ว ที่โตเกียวเองก็มีใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ เช่นกัน แต่จะหนักไปทางใบแปะก๊วย สีเหลืองๆ ซะมากกว่า ใบไม้เปลี่ยนสี สีแดง สีไม่ค่อยเข้ม ไม่สวยเท่าเกียวโต

Klook.com

ใบแปะก๊วย

สถานที่ชมใบแปะก๊วยเปลี่ยนสีในโตเกียวนั้น สามารถชมได้ตามท้องถนนเลย ถนนในโตเกียวเกือบทุกเส้นจะปลูกต้นแปะก๊วย เป็นแนวตลอดสองข้างทาง ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปลายเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม ใบแปะก๊วยก็จะเปลี่ยนสีจากเขียวเป็นเหลือง ดูสวยงาม สดใสไปทั้งโตเกียว น่าจะถูกอกถูกใจคนที่ชอบถ่ายรูป และตื่นตาตื่นใจคนไทยที่ได้ไปญี่ปุ่นช่วงนี้ บ้านเราไม่มีใบไม่เปลี่ยนสีสวยๆ แบบนี้เลย

สำหรับสถานที่ยอดนิยมในการชมใบแปะก๊วยในโตเกียวจะอยู่ที่ มหาวิทยาลัยโตเกียว ( 東京大学 Tōkyō daigaku โทเกียวไดงะกุ) หรือย่อว่า โทได (東大 Tōdai) : คำว่า Daigaku ภาษาญี่ปุ่นแปลว่ามหาวิทยาลัย ในมหาวิทยาลัยจะมีต้นแปะก๊วยที่ปลูกเรียงกัน เปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองพร้อมกัน

การเดินทางไปมหาวิทยาลัยโตเกียว (Tokyo University) ก็สะดวก สบาย ด้วยการนั่งรถไฟสาย Yamanote มาลงที่สถานี Komagome แล้วต่อรถไฟ Subway ไปอีก 2 สถานี ไปลงที่ Tadaimae พอโผล่ขึ้นมาจากสถานีก็เจอกับมหาวิทยาลัยเลย เราจะเข้าประตู Nou-Seimon ที่อยู่ข้างๆ สถานี Tadaimae

การเข้าชมในมหาวิทยาลัยโตเกียว นักท่องเที่ยวสามารถเข้าได้ตามปกติ แต่ภายในอาคารต่างๆ ห้องเรียนไม่ควรเข้าไป และในมหาวิทยาลัยห้ามสูบบุหรี่

ก่อนที่จะเข้าไปด้านในหยุดดูแผนที่กันซักครู่ จะได้ไม่หลงทาง เริ่มจาก Tadaimae Station Exit 1 เราจะเดินเข้ามหาวิทยาลัยตรงที่เขียนว่าทางเข้า บริเวณนี้ก็จะเป็นที่จอดจักรยาน เริ่มมีต้นแปะก๊วยสีเหลืองให้ได้ชมกัน จากทางเข้าถ้าเดินต่อเข้าไปด้านในแล้วเลี้ยวขวาจะเห็นสะพานลอย ให้เดินขึ้นสะพานลอยข้ามไปยังฝั่งหอนาฬิกา ซึ่งจะเป็นจุดชมใบแปะก๊วยที่สวยที่สุด

ความสวยงามของใบแปะก๊วยในโทไดมันอยู่ตรงที่ ใบสีเหลืองอร่าม ตั้งแต่บนต้น กิ่งก้าน จนถึงใบร่วงที่พื้นดิน พร้อมฉากหลังเป็นตึกอาคารเรียนสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ที่นี่เค้าจะไม่กวาดใบทิ้งวันต่อวัน บริเวณพื้นจึงถูกทับถมด้วยใบแปะก๊วย และ ผลแปะก๊วยที่ร่วงหล่นมาแล้วหลายวัน ผลแปะก๊วยที่เริ่มเน่ามีกลิ่นเหม็นจางๆ คล้ายกับกลิ่นมูลนก

ในโทไดมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างนักศึกษาในนี้ส่วนมากจะใช้จักรยานกัน

เพื่ออรรถรสในการชมมหาวิทยาลัยโตเกียว ของเล่าประวัติของมหาวิทยาลัยนี้ให้ฟังกันนะครับ

“มหาวิทยาลัยโตเกียว” มีชื่อย่อว่า “โทได” เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ของญี่ปุ่น สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเมจิ ปี ค.ศ.1877 ในตอนแรกนั้นเปิดเป็นโรงเรียนแพทย์ ต่อมาก็เริ่มมีคณะอื่นเปิดตามมา เช่น วิศวกรรมศาสตร์, วิทยาศาสตร์, เศรษฐศาสตร์, เภสัชศาสตร์ ฯลฯ (ความเป็นมา คล้ายๆ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยบ้านเรา) รวมทั้งหมดเป็น 10 คณะ

มหาวิทยาลัยโตเกียว เป็นเหมือนมหาวิทยาลัยในฝันของเด็กญี่ปุ่นทุกคน เพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงมากมาย ได้รับรางวัลโนเบลในสาขาต่างๆ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นก็จบจากมหาวิทยาลัยนี้ถึง 16 คน ปัจจุบันมหาวิทยาลัยโตเกียวมีนักศึกษาถึง 30,000 กว่าคน และในนั้นก็จะมีนักศึกษาไทยอยู่ประมาณ 150 คน

เรื่องแปลกในมหาวิทยาลัยนี้คือ นักศึกษา และ อาจารย์ในโทได เพศหญิง มีเพียง 21.3% และ 7.8% ตามลำดับ มีความไม่พอดีระหว่างเพศหญิงและชายสูง เป็นปัญหามาจากการกีดกันทางเพศ ปัจจุบันทางโทไดได้พยายามสนับสนุนให้นักศึกศาเพศหญิงได้เข้าเรียนมากขึ้น

รูปแบบสถาปัตยกรรม อาคารเรียน จะมีความเป็นตะวันตกอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นหอนาฬิกา ส่วนโค้งตามเสาแบบโรมัน ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีความสวยงามมาก ถึงกับมีทัวร์ของคนญี่ปุ่นมาเที่ยวที่นี่ด้วย สัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยโตเกียวจะเป็นรูปใบแปะก๊วย 2 ใบซ้อนกันอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมต้องมาชม ใบแปะก๊วยเปลี่ยนสีที่โทได

จุดถ่ายรูปอื่นๆ นอกจากใบแปะก๊วยแล้ว ยังมีรูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ (Hachiko) สุนัขผู้ซื่อสัตย์ที่รอเจ้านายที่สถานี Shibuya ทุกวันหลังจากที่เจ้านายเสียชีวิตแล้วถึง 9 ปี รูปปั้นฮาจิโกะสร้างขึ้นที่สถานี Shibuya เป็นที่แรก และรูปปั้นที่ 2 อยู่ที่คณะเกษตร (Department of Agriculture at the University of Tokyo) ของมหาวิทยาลัยโตเกียว

ทางเดินในตัวอาคาร สถาปัตยกรรมแบบตะวันตก

อาคารเรียนที่ดูเก่าแก่ มีความขลัง สมกับเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของญี่ปุ่น

ทางเดินในมหาวิทยาลัย

ในมหาวิทยาลัยโตเกียวจะมีต้นแปะก๊วยอยู่ทุกที่ ต้นที่ใหญ่ที่สุดน่าจะเป็นต้นนี้ กิ่งก้านแผ่ขยายออกไปกว้างมาก

มุมที่คนนิยมมาถ่ายรูป ชมใบแปะก๊วยเปลี่ยนสี จะอยู่ที่ทางเดินไปหอนาฬิกา ถนนเส้นนี้จะปลูกต้นแปะก๊วยทั้งสองฝั่ง ใบไม้จะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองพร้อมกัน ราวกับว่าต้นไม้นัดกันได้ ใบเก่าก็ร่วงลงสู่พื้นทำให้พื้นถนนกลายเป็นสีเหลือง จากความสวยงามของใบแปะก๊วย และอาคารเรียนสวยๆ คิดเล่นๆ ว่าน่าจะเหมาะกับคู่รักที่ต้องการหาสถานที่ถ่ายรูป prewedding ที่นี่สวยและเก๋ไม่ซ้ำใครเลย ความสวยงามก็ไม่แพ้เกาะนามิ เกาหลี แถมคนก็ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ด้วย

ชาวญี่ปุ่นนิยมมาหามุมวาดรูปกัน ขนอุปกรณ์มากันครบตั้งแต่แผ่นรองวาด ขาตั้ง เก้าอี้พับ ดินสอ พู่กัน สีน้ำ จากที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นมาหลายที่ สังเกตได้ว่าคนญี่ปุ่นเป็นคนที่มีศิลปะในหัวใจ สถานที่สวยๆ เกือบทุกแห่งจะมีคนมาหามุมวาดภาพ ส่วนมากจะเป็นวัยคุณลุง คุณป้า ที่เกษียณแล้วมีเวลาว่างเยอะ

เราหยุดถ่ายรูปอยู่ที่นี่นานทีเดียว มองไปทางไหนก็สีเหลืองเต็มไปหมด ดูแล้วสดใสมาก

ระหว่างที่เดินถ่ายรูปก็เจอนักท่องเที่ยวคนไทย คนต่างชาติ ชาวญี่ปุ่น ทุกคนตื่นตาตื่นใจกันหมด

ถ้าเดินตามแนวต้นแปะก๊วยไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับหอนาฬิกาของทางมหาวิทยาลัย เป็นอีกจุดหนึ่งที่คนนิยมมาถ่ายรูป

หอนาฬิกา Tokyo University เป็นสัญลักษณ์ของแคมปัสหลัก (Hongo campus) บนอาคาร Yasuda Aditorium

ช่วงที่ไปมีการจัดแสดงภาพถ่ายของมหาวิทยาลัยพอดี เลยไม่ได้เห็นตัวอาคารแบบเต็ม

ขากลับเราจะเดินทางที่ประตูหลัก Main gate ต้นแปะก๊วยบริเวณนี้ยังเป็นสีเขียว ปนเหลืองอยู่เลย ถึงแม้จะอยู่ในพื้นที่เดียวกันแต่ก็บานไม่พร้อมกัน

อาคารเรียนมหาวิทยาลัยโตเกียว

ประตูหลักมหาวิทยาลัยโตเกียว

ช่วงใบแปะก๊วยเปลี่ยนสี

สำหรับคนที่สนใจไปดูใบแปะก๊วยเปลี่ยนสีที่มหาวิทยาลัยโตเกียว แนะนำให้ไปช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม จะเป็นช่วงที่ใบแปะก๊วยเป็นสีเหลืองอร่ามทั้งมหาวิทยาลัย การเข้าไปชมในมหาวิทยาลัย ไม่เสียค่าเข้า ไม่ต้องแลกบัตรใดๆ ทั้งสิ้น เดินเข้าไปได้เลย อุณหภูมิช่วงนี้ประมาณ 8-10 องศา ใส่เสื้อยืด 1 ตัว คลุมด้วยเสื้อกันหนาวแบบบั้งอีก 1 ตัว ก็เอาอยู่อากาศกำลังสบาย

การเดินทาง

สามารถนั่งรถไฟ Subway มาลงที่สถานี Tadaimae ทางออก 1 หรือ Hongo-sanchome ก็ได้ ทั้งสองสถานีอยู่ติดกับมหาวิทยาลัยโตเกียว

วันที่ 1: เดินทางกรุงเทพฯ – โตเกียว A380 การบินไทย นอนโตเกียว
วันที่ 3: เที่ยวนารา เมืองแห่งกวาง ดูใบไม้เปลี่ยนสี นอนโอซาก้า ไปเช้า-เย็นกลับ
วันที่ 4-5: เที่ยวเกียวโต ชมศาลเจ้า วัดเก่า ใบไม้เปลี่ยนสี
วันที่ 6: นั่ง Shinkansen กลับโตเกียว เที่ยวโอไดบะ โตเกียว
วันที่ 7: เที่ยว Kawaguchiko ดูภูเขาไฟฟูจิ ใบไม้เปลี่ยนสี ไปเช้า-เย็นกลับ
วันที่ 8: เที่ยว Nikko เมืองแห่งมรดกโลก สุสานโชกุน นอนโตเกียว ไปเช้า-เย็นกลับ
วันที่ 9: เที่ยว Mitake ตามรอยละคร “ข้างหลังภาพ” ดูใบไม้แดง
วันที่ 11: ชิบูย่า รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ ซื้อของฝากในสนามบิน บินกลับไทย
สรุปค่าใช้จ่ายเที่ยวญี่ปุ่น 11 วัน ค่าเครื่องบิน โรงแรม อาหาร ค่าเดินทาง ฯลฯ

Post Views 28

admin

นักเขียนประจำ emagtravel.com

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *