รีวิวนั่งรถไฟดูภูเขาไฟฟูจิ ที่ทะเลสาบ Kawaguchiko

ว่ากันว่าถ้าจะมาญี่ปุ่นให้ถึงที่ก็ต้องมาเห็น ภูเขาไฟฟูจิ (Mt.Fuji) ภูเขาไฟฟูจิเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น โดยทั่วไปแล้วนักท่องเที่ยวนิยมไปชมภูเขาไฟฟูจิกันอยู่ 2 ที่ ได้แก่ 1. ทะเลสาบคาวากูจิโกะ* (Kawaguchi-ko) 2. ฮาโกเนะ (Hakone)

*ทะเลสาบ “คาวากูจิโกะ” ทะเลสาบนี้คนไทยมักจะเรียกชื่อผิดเป็น “คาวาฟูจิโกะ” ต้องระวังการเรียกชื่อด้วยครับ จะได้ไม่สับสน

ทั้งสองสถานที่นี้สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน แต่มีข้อแตกต่างกันดังนี้ครับ

1. ทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Kawaguchi-ko) เน้นชมวิวแนวธรรมชาติ นั่งรถ Retro bus ชมวิวตามจุดต่างๆ ดูใบไม้เปลี่ยนสี ชมซากุระตามฤดูกาล ทะเลสาบคาวากูจิโกะอยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิมากกว่า ฮาโกเนะ (Hakone) จึงเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ชัดกว่า มีกิจกรรมให้ทำเช่น ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าชมวิว ล่องเรือในทะเลสาบคาวากูจิโกะ เล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุก Fuji-Q Highland

2. ฮาโกเนะ (Hakone) มีกิจกรรมหลายอย่างให้ทำ เช่นล่องเรือโจรสลัด (Hakone Sightseeing Cruise) ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าชมวิว (Hakone Ropeway) ชิมไข่ดำ ข้อเสียของฮาโกเนะคืออยู่ไกลกับภูเขาไฟฟูจิมากกว่าทะเลสาบคาวากูจิโกะ มีภูเขาบัง จึงมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ไม่ชัดเท่าที่ทะเลสาบคาวากูจิโกะ และยังมีเรื่องการเดินทาง เส้นทางเที่ยวของ Hakone ใช้เวลานาน ถ้าไปต่อที่ Gotemba Premium Outlets จะกลับโตเกียว 21.30 น. โดยรวมแล้วฮาโกเนะน่าจะเหมาะกับเด็กๆ เพราะมีกิจกรรมให้ทำเยอะกว่า

รีวิวนี้จะพาไปชมภูเขาไฟฟูจิที่ฝั่งทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Kawaguchi-ko) โดยจะไปเที่ยวแบบเช้าไป – เย็นกลับจากโตเกียว

ภูเขาไฟฟูจิ (Mt.Fuji)

ภูเขาไฟฟูจิ หรือ ฟูจิซัง เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น สูงถึง 3,776 เมตร ด้วยระดับความสูงขนาดนี้สามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิได้จากบนเครื่องบินอย่างชัดเจน หรือ ถ้าจะเทียบความสูงกับดอยอินทนนน์บ้านเรา ยอดดอยอินทนนน์มีความสูง 2,565 เมตร ถือว่าเตี้ยกว่าภูเขาไฟฟูจิเป็นอย่างมาก ภูเขาไฟฟูจิเป็นภูเขาไฟที่มีโอกาสปะทุต่ำ ระเบิดครั้งล่าสุดในปี ค.ศ. 1707 ที่ตั้งของภูเขาไฟฟูจิคลอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัดได้แก่ ชิซุโอคะ (Shizuoka) และ ยามานาชิ (Yamanashi)

รูปทรงของภูเขาไฟฟูจิถือว่าเป็นภูเขาที่มีรูปทรงสวยที่สุดในโลก คือมีความสมมาตรกันทุกด้าน ไม่ว่าจะมองมุมไหนจะไม่มีบิดเบี้ยว ตัวภูเขาทำมุม 45 องศากับพื้นราบ และมีหิมะปกคลุมเป็นสีขาวโพลนที่ยอดภูเขาไฟฟูจิเกือบตลอดทั้งปี คนญี่ปุ่นมีความเชื่อทางด้านศาสนา และ วัฒนธรรมเกี่ยวกับภูเขาไฟฟูจิมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันภูเขาไฟฟูจิจัดว่าเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม

การชมภูเขาไฟฟูจิจะนิยมไปชมที่ทะเลสาบทั้ง 5 รอบภูเขาไฟฟูจิ เนื่องจากว่ามีทิวทัศน์ที่สวยงาม ทะเลสาบทั้ง 5 ได้แก่ Kawaguchi-ko, Sai-ko, Shoji-ko, Motosu-ko และ Yamana-ko

ทำยังไงถึงจะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิอย่างชัดๆ

ภูเขาไฟฟูจิ (Mt.Fuji) ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภูเขาไฟที่ขี้อายมาก ไม่ยอมให้คนเห็นได้ง่ายๆ มักจะมีเมฆ หมอกปกคลุมตลอด ผมมีวิธีง่ายๆ ที่จะทำให้มีโอกาสเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดๆ ตามนี้ครับ

  1. ไปดูภูเขาไฟฟูจิ อย่ากำหนดวันไปแน่นอน
  2. ดูพยากรณ์อากาศแบบวันต่อวัน ให้ search คำว่า “kawaguchiko weather” ใน google ถ้าวันรุ่งขึ้นเป็นรูปพระอาทิตย์แจ่มใส ให้ตรียมตัวไปวันรุ่งขึ้นเลย
  3. ก่อนจะไปให้ดูพยากรณ์อากาศอีกครั้งว่าวันนี้พระอาทิตย์แจ่มใสหรือไม่ ถ้าแจ่มใสเหมือนเดิมก็ออกเดินทางได้เลย
  4. ถ้าจัดโปรแกรมอย่างยืดหยุ่นไม่ได้ ก็พักที่ Kawaguchiko ซัก 1 คืน ที่พัก Kawaguchiko มีหลายโรงแรม ราคาไม่แพง

4 วิธีนี้จะทำให้มีโอกาสได้เจอกับภูเขาไฟฟูจิได้มากขึ้น การไปแล้วไม่เห็นภูเขาไฟฟูจิแล้วจะเสียดายครับ

ตัวอย่างรูปพยากรณ์อากาศ Lake kawaguchi จาก www.google.co.th จะเห็นว่าวันที่ฟ้าใสมี 4 วัน Sat, Sun, Mon, Wed เลือกเอาตามสะดวกว่าจะไปวันไหน ส่วนวันที่ไม่ควรไปเลยก็ Thu เพราะมีฝนตก รับรองว่าได้จะไม่ได้เห็นฟูจิสวยๆ

การเดินทางจากโตเกียวไปทะเลสาบคาวากูจิโกะ

ทางรถยนต์

นั่ง Highway Bus ที่สถานี Shinjuku ไปลงที่สถานี Kawaguchiko รถบัสที่ให้บริการเป็นรถบัสปรับอากาศมีห้องน้ำในตัว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที ในช่วงเวลาที่รถไม่ติด แต่ถ้ารถติดอาจใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง คุมเวลาค่อนข้างยาก ส่วนมากแล้วในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี และ ช่วงซากุระบานจะใช้เวลาเดินทางมาก ค่าโดยสารคนละ 1,700 เยน (ขาเดียว) ควรจองก่อนเดินทาง 1 วัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมคลิ๊ก highway-buses.jp/fuji

ทางรถไฟ

เป็นการเดินทางที่สะดวก รวดเร็ว คุมเวลาได้ดี แต่ต้องไปต่อรถไฟ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางค่อนข้างเยอะ สำหรับคนที่มี JR Pass สามารถนั่งได้ฟรีจนถึงสถานี JR Otsuki และคนที่มี JR Kanto Pass (JR TOKYO Wide Pass) สามารถนั่งได้ฟรีจนถึงสถานี Kawaguchiko เลย

เส้นทาง 1

1. นั่งรถไฟที่สถานี JR Shinjuku สาย Azusa หรือ Kaiji ไปลงที่สถานี JR Otsuki ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง สามารถใช้ JR Pass ได้ ถ้าไม่มี JR Pass ค่าโดยสาร 1,280 เยน

2. จากสถานี Otsuki นั่งรถไฟสาย Fujikyu Railway ไปลงที่สถานี Kawaguchiko ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 1,110 เยน ไม่สามารถใช้ JR Pass ได้

เส้นทาง 2

นั่งรถไฟที่สถานี JR Shinjuku สาย Fuji Excursion นั่งยาวไปได้ถึงสถานี Kawaguchiko ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ใช้ JR Tokyo wide pass นั่งได้ฟรี ส่วน JR Pass ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ขบวนรถไฟสาย Azusa

การขึ้นรถไฟขบวนนี้ต้องขึ้นให้ถูกตู้ดังนี้ครับ

รถไฟจะมีที่นั่งอยู่ 3 แบบ 1. Non reserved seat สำหรับคนไม่ได้จองที่นั่ง (สีเหลือง) 2. reserved seat สำหรับคนที่จองที่นั่ง (สีแดง) 3. Green car ที่นั่งชั้นพิเศษ (สีเขียว) ในแต่ละขบวนอาจจะจัดตู้ที่นั่งไม่เหมือนกันให้ดูที่ตัวรถไฟ หรือไม่ก็ป้ายที่สถานี

เมื่อถึงสถานี Otsuki แล้วให้เดินตามป้าย Fuji-kyuko Line ควรรีบเดินเพราะรถไฟสาย Fujikyu Railway มักจะออกหลังจากที่รถไฟสาย Azusa ถึงไม่นาน

ในสถานี Otsuki มีร้านค้าเล็กๆ 1 ร้าน และห้องน้ำ ให้จัดการทำธุระให้เรียบร้อยเลยครับ เพราะต้องเดินทางอีก 1 ชั่วโมง บนรถไฟสาย Fujikyu Railway ไม่มีห้องน้ำ

ที่จำหน่ายตั๋วรถไฟ Fujikyu Railway บอกพนักงานขายตั๋วว่า “Kawaguchiko” ผู้ใหญ่คนละ 1,110 เยน เด็ก 560 เยน

รถไฟสาย Fujikyu Railway บางขบวนจะ paint สีสวยงามเป็นลายการ์ตูนบ้าง ลายภูเขาไฟฟูจิปากแดงบ้าง วันที่ไปมีหมอกลงจัด อากาศหนาวมากครับ

รถไฟ Fujikyu Railway รอบนี้เป็นรถไฟหน้าตาธรรมดา

ภายในรถไฟนั่งกันสบายๆ คนไม่เยอะ ใต้เบาะจะเป็น heater ถึงอากาศภายนอกจะหนาวแต่ในรถไฟก็อุ่น

รถไฟออกตรงเวลา 8.15 น

รถไฟวิ่งประมาณ 30 นาทีภูเขาไฟฟูจิเริ่มปรากฎตัวให้เห็นแล้ว วันนี้ฟ้าใสเป็นใจมาก สองข้างทางที่รถไฟวิ่งผ่านส่วนมากจะเป็นบ้านคน นาข้าว

สามสถานีสุดท้ายก่อนถึงสถานี Kawaguchiko มีชื่อดังนี้ครับ มือใหม่ต้องดูให้ดีเพราะอาจสับสนได้

Mt.Fuji –> Fujikyu Highland –> Kawaguchiko

  • Mt.Fuji ยังไม่ต้องลง
  • Fujikyu Highland เป็นสถานีสวนสนุก คนจะลงเยอะ รถไฟจะจอดที่นี่สักพัก แล้วหันหัวกลับไม่ต้องตกใจครับ
  • Kawaguchiko ลงสถานีนี้ เป็นสถานีปลายทาง

ที่สถานี Kawaguchiko มีห้องน้ำ, ร้านอาหาร, ร้านขายของ, Locker ใครมีสัมภาระเยอะฝากไว้ที่สถานีรถไฟได้ครับ

หน้าสถานี Kawaguchiko

พอออกจากสถานี Kawaguchiko ให้เดินไปทางขวามือไม่กี่สิบเมตร จะเจอกับ Tourist Information ให้ไปขอแผนที่เส้นทางรถ Retro Bus และตารางรถที่นี่ พนักงานในนี้บริการดีมากๆ ครับ สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี

Tourist Information

แผนที่ Kawaguchiko

ตารางเวลารถ Retro Bus

การไปชมภูเขาไฟฟูจิ รอบทะเลสาบคาวากูจิโกะ

วิธีการที่สะดวกที่สุดคือการนั่งรถ Retro Bus ซึ่งเป็นรถเมล์สายพิเศษที่วิ่งรอบทะเลสาบคาวากูจิโกะ จากสถานีรถไฟ Kawaguchiko ไปยังป้ายสุดท้ายมีทั้งหมด 21 ป้าย กับระยะทาง 6.6 กิโลเมตร แนะนำให้ซื้อตั๋วแบบ One day pass ราคา 1,000 เยน เราจะขึ้น หรือลงตรงป้ายไหนก็ได้ กี่ครั้งก็ได้ใน 1 วัน รถ Retro Bus จะวิ่งมาทุกๆ 30-40 นาที แต่ถ้าไม่ซื้อ One day pass จะจ่ายค่าโดยสารเป็นครั้งก็ได้ แต่ต้องจ่ายเป็นเงิน ไม่สามารถจ่ายด้วยบัตร Pasmo, Suica ได้

นอกจากทะเลสาบคาวากูจิโกะยังมีทะเลสาบไซโกะ (Saiko) เป็นทะเลสาบที่อยู่ไกลจากทะเลสาบคาวากูจิโกะไปอีก หากต้องการไปชมภูเขาไฟฟูจิจากทั้งสองทะเลสาบให้ซื้อ One day pass แบบรวม 2 ทะเลสาบเลย ราคา 1,300 เยน

ตั๋วรถ Retro Bus แบบ One day pass สามารถซื้อบนรถกับคนขับได้เท่านั้น

แผนที่รถ Retro Bus จากเวบ transportation.fujikyu.co.jp สามารถ download file pdf ขนาดใหญ่ได้ที่ link ด้านล่าง

Link. เส้นทางรถ Retro Bus และตารางเวลา

ป้ายหยุดรถที่น่าสนใจ ในเส้นทาง Retro Bus รอบทะเลสาบคาวากูจิโกะ

ในเส้นทางรอบทะเลสาบคาวากูจิโกะมีป้ายหยุดรถทั้งหมด 21 ป้าย เราไม่จำเป็นต้องลงทุกป้าย ลงเฉพาะที่เราสนใจก็พอ จะได้ไม่เป็นการเสียเวลา

  • ป้ายหมายเลข 7 Kawaguchiko Herb Kan ที่จัดแสดงสมุนไพร
  • ป้ายหมายเลข 10 Yuransen Ropeway Iriguchi มีกระเช้าไฟฟ้า Kachi Kachi Ropeway มองเห็นวิวทะเลสาบคาวากูจิโกะและภูเขาไฟฟูจิได้อย่างงดงาม
  • ป้ายหมายเลข 15 Kawaguchiko Bijutsukan
  • ป้ายหมายเลข 17-18 Kawaguchiko Sarumawashi Gekijo Konohana Bijutsu-kan – Kubota Itchiku Bujutsu-kan มีทางเดินเลียบทะเลสาบมีต้นซากุระอยู่ริมทางเดิน มองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน ในหน้าซากุระจะมีซากุระบานสะพรั่ง และในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะมีอุโมงค์เมเปิ้ลสีแดงสดเป็นแนวยาวอยู่ริมถนน นอกจากนั้นจะมีร้านขายของของชาวบ้านแถวนั้น ขายของกิน ผัก ผลไม้ ส้ม กล้วย แอปเปิ้ลในราคาไม่แพง
  • ป้ายหมายเลข 21 Kawaguchiko Shizen Seikatsukan ป้ายสุดท้ายของทะเลสาบคาวากูจิโกะมี Natural Living Center ร้านขายของที่ระลึก ของฝาก มีที่นั่งทานกาแฟ softcream จุดนี้ก็สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน

Tip. เวลาลงเที่ยวในแต่ละจุดให้ดูตารางเวลาที่รถจะมาในรอบถัดไปด้วย จะได้ไม่เสียเวลารอรถ กว่ารถ Retro Bus จะมาครั้งนึงก็ 30-40 นาที

นอกจากการนั่ง Retro Bus แล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมรอบทะเลสาบ Kawaguchiko ได้ด้วยวิธีเช่าจักรยาน หรือเช่ารถยนต์ โดยจักรยานสามารถเช่าได้กับโรงแรม ที่พักที่อยู่รอบทะเลสาบ ส่วนวิธีการเดินเท้ารอบทะเลสาบเป็นวิธีที่ไม่แนะนำ เพราะระยะทางจาก สถานีรถไฟ Kawaguchiko ไปยังป้ายรถเมล์สุดท้ายของทะเลสาบ Kawaguchiko (จุดชมภูเขาไฟฟูจิที่สวยที่สุด) มีระยะทางถึง 6.6 กิโลเมตร

หลังจากได้ข้อมูลและตารางรถจาก Tourist Information มาแล้ว เราก็มารอรถ Retro Bus ที่ป้ายหมายเลข 1 หน้าสถานี Kawaguchiko

การรอขึ้นรถเมล์ของคนญี่ปุ่น จะยืนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ และเมื่อรถมาแล้ว จะยังไม่เดินไปที่ประตูรถ เค้าจะรอคนลงจนหมด แล้วคนขับจะบอกว่าให้ขึ้นได้ เค้าถึงจะเดินเรียงขึ้นรถกัน ประเทศนี้ระเบียบ วินัยอยู่ในสายเลือดเลยครับ

ขึ้นรถมาแล้วเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบเลย ถ้าที่นั่งเต็มก็ยืนได้ เบาะรถ Retro bus ค่อนข้างแคบครับ เข่าติดเบาะหน้าเลย

ก่อนที่จะถึงป้ายหน้าจะมีภาษาญี่ปุ่นบอก แล้วตามด้วยภาษาอังกฤษว่าป้ายหน้าชื่ออะไร ใครจะลงก็กดกริ่งได้เลย

ของผมนั่งยาวมาลงที่ป้าย 21 เป็นป้ายสุดท้าย และซื้อ One day pass กับคนขับเลย ราคาคนละ 1,000 เยน

หน้าตารถ Retro Bus ครับ หน้าตาออกแนวย้อนยุค รถสวย น่ารักดี แต่บางช่วงที่รถไม่พอก็อาจมีรถบัสธรรมดามาวิ่งเป็น Retro Bus ดังนั้นต้องสังเกตป้ายเอาครับ

ลงจากรถปุ๊บรีบวิ่งเข้าไปหาภูเขาไฟฟูจิเลย เห็นได้เต็มๆ ฟ้าใส ไร้เมฆ สวยงามมากครับ ยิ่งใหญ่เกินบรรยาย จากจุดที่เรายืนอยู่นั้นห่างจากยอดภูเขาไฟฟูจิเกือบ 20 กิโลเมตร แต่รู้สึกเหมือนว่าอยู่ใกล้มาก แต่น่าเสียดายว่ามุมจากทะเลสาบคาวากูจิโกะไปยังภูเขาไฟฟูจิย้อนแสงทุกมุม เหมือนว่าพระอาทิตย์ที่นี่ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เราสามารถถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิได้ แต่ถ้าถ่ายคนคู่ด้วยหน้าคนจะดำต้องยิงแฟลชช่วย

วันที่ไปอุณหภูมิประมาณ 10 องศา แต่ยอดภูเขาไฟฟูจิมีหิมะปกคลุมเป็นสีขาว

หลังจากยืนชมฟูจิซังจนเต็มอิ่มแล้วก็เข้าไปดูของในร้านขายของที่ระลึกที่อยู่ข้างทะเลสาบ

ในร้านก็จะมีขนม ของกิน ตุ๊กตาฟูจิซัง พวงกุญแจ ร่ม พัด

ส่วนมุม Cafe ก็จะมีกาแฟ แก้วละ 400-450 เยน น้ำบลูเบอร์รี่, พีช 450 เยน และที่นิยมทานกันก็ไอศครีม Softcream มีรสบลูเบอร์รี่ กับวนิลา บลูเบอร์รี่ & วนิลา ราคาโคนละ 300 เยน

รสชาติไอศครีมก็อร่อยดีครับแต่ราคาแพงไปหน่อย

ที่นั่งทาน คนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยชอบเดินทานกัน มักจะยืน หรือนั่งทานให้เสร็จแล้วค่อยไป

ตรงนี้น่าจะเป็นภูเขาไฟฟูจิจำลอง มีแต่ภาษาญี่ปุ่นติดไว้อ่านไม่ออก

ป้ายหมายเลข 21 Kawaguchiko Shizen Seikatsukan จากนั้นเราก็มานั่งรอ Retro Bus นั่งไปลงที่ป้าย 18 คนญี่ปุ่นเข้าแถวกันเป็นระเบียบ ตอนนี้เรามีบัตร One day pass แล้ว เวลาลงรถก็แสดงบัตรให้คนขับรถดู

ป้ายหมายเลข 17-18 Kawaguchiko Sarumawashi Gekijo Konohana Bijutsu-kan – Kubota Itchiku Bujutsu-kan เป็นแหล่งดูใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในทะเลสาบคาวากูจิโกะ แต่ช่วงที่เราไปเป็นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ใบไม้เริ่มร่วงไปเยอะแล้ว ช่วงที่สวยที่สุดน่าจะเป็นช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ใบไม้กำลังแดงสวย ภูเขาไฟฟูจิก็เริ่มจะมีหิมะปกคลุมยอดแล้ว

อากาศหนาวๆ แบบนี้นั่งตากแดดแล้วรู้สึกอบอุ่นสบาย ใบไม้เปลี่ยนสียังพอมีให้เห็นบ้าง

เห็นวิวภูเขาไฟฟูจิในมุมต่างๆ อดใจไม่ไหวต้องถ่ายรูปกลับมา แต่ละมุมก็สวยไม่เหมือนกัน ขึ้นกับว่าจะเห็นภูเขาไฟฟูจิคู่กับอะไร

จากป้าย 18 เราเดินไปเรื่อยๆ ไปหาป้าย 17 ระหว่างทางมีอะไรให้ชมเพลินๆ

อุโมงค์เมเปิ้ลที่ขึ้นชื่อว่าแดงสด งดงาม วันนี้ใบร่วงไปเกือบหมดแล้ว

เดินข้ามถนนไปยังฝั่งริมทะเลสาบ

ริมทะเลสาบจะเป็นแนวซากุระทั้งแนว ตอนนี้ทิ้งใบหมดแล้ว เดือนเมษายนคงจะออกดอกสวยงาม

คาวากูจิโกะเที่ยวได้ทั้งช่วงใบไม้เปลี่ยนสี และช่วงซากุระ สวยงามคนละแบบ

เต๊นท์ตรงนี้มีผัก ผลไม้มาขาย ราคาถูกกว่าในโตเกียว แนะนำให้ลองชิมส้มดูถุงละ 300 เยน น่าจะประมาณ 1.5 กิโลกรัม ส้มญี่ปุ่นจะเนื้อนิ่ม น้ำเยอะ หวาน อร่อย ไม่ค่อยมีกาก

แอปเปิ้ลถุงละ 600 เยน มีประมาณ 6 ลูก ส่วนมากแล้วผลไม้เค้าจะแพงกว่าบ้านเรา

เราเดินมาถึงป้ายที่ 17 เดี๋ยวจะรอรถที่ป้ายนี้ไปลงที่ป้ายหมายเลข 10 Yuransen Ropeway Iriguchi เป็นสถานีกระเช้า

ฝาท่อของเมืองนี้เป็นรูปภูเขาไฟฟูจิ paint สีทำลายสวยดีครับ

ระหว่างรอรถ Retro bus ด้วยความสงสัยในทิศว่าพระอาทิตย์อยู่ที่ทิศไหนกันแน่เลยดูเข็มทิศใน Iphone พบว่าพระอาทิตย์อยู่ที่ทิศใต้ครับ ทำเอางงเลย

ป้ายหมายเลข 10 Yuransen Ropeway Iriguchi กระเช้าไฟฟ้า Mt.Kachi Kachi Ropeway มองเห็นวิวทะเลสาบคาวากูจิโกะและภูเขาไฟฟูจิได้อย่างงดงาม สัญลักษณ์ของกระเช้านี้เป็นรูปกระต่าย

ใครมีสัมภาระเยอะฝากที่ Locker ได้

ข้อมูลท่องเที่ยว ภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ

กระเช้าเปิดให้บริการเวลา 9.00-17.10 น. และออกทุกๆ 5-10 นาที ใช้เวลาขาละ 3 นาที แต่ถ้าเดินเท้าต้องใช้เวลาถึง 40 นาที

ค่าโดยสารไป-กลับ. ผู้ใหญ่ 700 เยน เด็ก 350 เยน

หน้าตากระเช้าเป็นแบบนี้ครับ รอบนึงจุได้หลายคน วิวที่ด้านบนมองเห็นวิวทะเลสาบคาวากูจิโกะ, ภูเขาไฟฟูจิ และสวนสนุก Fujikyu Highland

ที่ฝั่งตรงข้ามกระเช้ามีล่องเรือทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Pleasure boat) แต่จะไม่เห็นวิวภูเขาไฟฟูจินะครับ มีภูเขามาบัง

ค่าลงเรือ. ผู้ใหญ่ 900 เยน เด็ก 450 เยน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที

เรือถีบรูปหงส์อันนี้ไม่ทราบราคา

ริมถนนบริเวณป้ายหมายเลข 10 จะเต็มไปด้วยร้านขายของฝาก ทัวร์ชอบมาลงที่จุดนี้ มีรถบัสมาจอดเป็น 10 กว่าคันเลย ทัวร์คนญี่ปุ่นก็มากันเยอะ

ร้านอาหารบริเวณนี้จะมีแต่ร้านราคาแพงๆ หน่อย นั่งกินเป็นเรื่องเป็นราว พวกราเมงจานด่วน หรือร้านตู้กดไม่มีให้เห็น

สุดท้ายก็เข้า Lawson ที่พึ่งยามยากของเรา ซื้อข้าวกล่อง ไก่ทอดมานั่งกินกันแบบ ฟินๆ ในราคาเบาๆ ข้างทะเลสาบ

กินเสร็จก็มานั่งรอรถ Retro bus กลับไปยังสถานีรถไฟ Kawaguchiko

เมื่อมาถึงสถานีแล้วก็แวะร้านขายของฝากในสถานีรถไฟ Kawaguchiko มีโปสการ์ด, ขนมหลากหลายแบบ มีร้านอาหารในนี้ด้วย

ที่สถานีนี้มี KitKat รสพิเศษ Strawberry cheese cake น่าจะหาซื้อได้เฉพาะสถานีนี้เท่านั้น กล่องเป็นรูปภูเขาไฟ กล่องนึงมี 9 ชิ้น ราคากล่องละ 630 เยน เห็นหายากแบบนี้แต่ก็มีคนหิ้วมาขายที่ไทยด้วยครับกล่องละ 500-600 บาท อัพราคาไปเยอะเลย

จากนั้นเราก็นั่งรถไฟสาย Fujikyu Railway ไปลงสถานี JR Otsuki แล้วต่อรถไฟกลับเข้าโตเกียว รีวิวดูภูเขาไฟฟูจิ ที่ทะเลสาบ Kawaguchiko ขอจบเพียงเท่านี้ครับ 🙂

สรุปค่าเดินทางจากโตเกียวไปดูภูเขาไฟฟูจิ ที่ทะเลสาบ Kawaguchiko (คนละ)

ขาไป JR Shinjuku –> JR Otsuki = Fare 1,280 + Seat Fee 900 = 2,180 เยน (ใช้ JR Pass / JR TOKYO Wide Pass ได้)

Otsuki –> Kawaguchiko = 1,110 เยน (ใช้ JR Pass ไม่ได้ /JR TOKYO Wide Pass ได้)

ค่ารถ Retro Bus แบบ One day pass = 1,000 เยน

ขากลับ Kawaguchiko –> Otsuki = 1,110 เยน (ใช้ JR Pass ไม่ได้ /JR TOKYO Wide Pass ได้)

JR Otsuki –> JR Shinjuku = Fare 1,280 + Seat Fee 900 = 2,180 เยน (ใช้ JR Pass / JR TOKYO Wide Pass ได้)

: : รวมค่าเดินทางในกรณีที่ไม่มี JR Pass = 7,160 เยน

: : รวมค่าเดินทางในกรณีที่มี JR Pass = 3,220 เยน

: : รวมค่าเดินทางในกรณีที่มี JR TOKYO Wide Pass = 1,000 เยน

ที่พักใกล้ทะเลสาบ Kawaguchiko

ที่พักใกล้ทะเลสาบ Kawaguchiko จะอยู่บริเวณสถานีรถไฟ Kawaguchiko ไปจนถึงรอบทะเลสาบ Kawaguchiko โดยจะหนาแน่นบริเวณรอบทะเลสาบ ป้ายรถประจำทางหมายเลข 4-14 ที่พักเกือบทุกที่สามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิได้จากที่พัก

ที่พักยอดนิยม

Kawaguchiko Station Inn อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟ Kawaguchiko มองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้จากที่พัก สะดวกในการเดินทาง คนไทยนิยมไปพัก เป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่น มีออนเซน ห้องน้ำรวม ควรจองล่วงหน้านานๆ ค่าห้องเริ่มต้นที่ 4,200 เยน (ประมาณ 1,344 บาท)
Plaza Inn Kawaguchiko ที่พักแบบโรงแรม อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟ Kawaguchiko ใกล้ 7-eleven มองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้จากที่พัก ค่าห้องเริ่มต้นที่ 1,600 บาท
Koe House ห้องพักแบบญี่ปุ่น อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟ Kawaguchiko ราคาประหยัด พนักงานเป็นกันเอง มีที่พักแบบนอนรวม และห้องส่วนตัว ค่าห้องเริ่มต้นที่ 690 บาท
การเดินทางจาก Kawaguchiko ไปยังที่ต่างๆ
  • ภูเขาไฟฟูจิชั้น 5 (Kawaguchiko 5th Station)

นั่งรถบัสหน้าสถานี Kawaguchiko station ค่ารถขาเดียว 1,500 เยน ใช้เวลา 50 นาที ตั๋วไป-กลับ ราคา 2,000 เยน มีรถวิ่งวันละ 11-16 รอบในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม และวันละ 5 รอบในช่วงกลางเดือนมีนาคม – ต้นเดือนธันวาคม ในช่วงที่มีหิมะตกหนัก ฝนตกหนักอาจไม่มีให้บริการ

  • Pagoda Chureito (เจดีย์แดง 5 ชั้นที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ)

นั่งรถไฟสาย Fujikyu railway จากสถานี Kawakuchiko มา 2 สถานี ลงที่สถานี Shimoyoshida แล้วเดินต่ออีกประมาณ 20-30 นาที ค่าโดยสาร 290 เยน

  • Hakone

ขึ้นรถบัสจากสถานี Kawaguchiko station ไปสถานี Gotemba station ราคา 1,470 เยน เดินเข้าสถานีแล้วข้ามสะพานลอยไปฝั่งตรงข้าม รอรถไป Togendai ราคา 930 เยน ลงรถก็จะเจอกับทะเลสาปอาชิ รวมใช้เวลาประมาณ 1.45 – 2 ชั่วโมง

  • Osaka – Kyoto

มีรถ Night bus ของ บ. Fujikyu Expressway Bus ให้บริการ รถออกจากสถานีรถไฟ Kawaguchiko เวลา 20.52 น. ถึงเกียวโตเวลา 5.57 น. และโอซาก้า 6.53 น. ค่าโดยสารไปเกียวโต 6,700 เยน และ โอซาก้า 7,200 เยน ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

อุณหภูมิเฉลี่ย 12 เดือน และเทศกาลในเดือนต่างๆ

อุณหภูมิรอบทะเลสาบ Kawaguchiko ค่อนข้างเย็นเกือบทั้งปี โดยจะเริ่มมีหิมะที่ยอดภูเขาไฟฟูจิตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม, ใบไม้เปลี่ยนสีจะเริ่มมีในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน และซากุระจะบานในช่วงกลางเดือนเมษายน

มกราคม -6 ถึง 5 องศา มีหิมะที่ยอดภูเขาไฟฟูจิ, หิมะปกคลุมที่พื้นรอบทะเลสาบ Kawaguchiko
กุมภาพันธ์ -5 ถึง 6 องศา มีหิมะที่ยอดภูเขาไฟฟูจิ, หิมะปกคลุมที่พื้นรอบทะเลสาบ Kawaguchiko, ในปีที่หิมะตกหนักมาก รถบัส รถไฟ อาจหยุดให้บริการ มาเที่ยวเดือนนี้ต้องตรวจเช็คสภาพอากาศตลอดเวลา
มีนาคม -2 ถึง 9 องศา มีหิมะที่ยอดภูเขาไฟฟูจิ อากาศเริ่มอุ่นขึ้น
เมษายน 3 ถึง 15 องศา มีหิมะที่ยอดภูเขาไฟฟูจิ, ซากุระบานรอบทะเลสาบ ช่วงกลางเดือนเมษายน หรือช่วงสงกรานต์
พฤษภาคม 8 ถึง 20 องศา มีหิมะที่ยอดภูเขาไฟฟูจิ และค่อยๆ น้อยลง ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมของทุกปีจะเป็นช่วงที่ดอกพิงค์มอสออกดอกสีชมพูสวยงาม คนนิยมไปดูทุ่งพิงค์มอส หรือดอกชิบะซากุระ ในงานเทศกาล Fuji Shibazakura ที่ตั้งของงานจะอยู่ห่างจากทะเลสาบ Motosu ประมาณ 3 กิโลเมตร ไปทาง Fujinomiya ในเส้นทาง 139 มีรถบัสจากสถานี Kawaguchiko ไปงาน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
มิถุนายน 13 ถึง 22 องศา เข้าสู่หน้าร้อน หิมะที่ยอดภูเขาไฟฟูจิ และค่อยๆ น้อยลงจนเกือบหมด หรือ อาจจะหมดตอนสิ้นเดือน มีฝนตกเป็นบางวัน

มีดอก Lavender บานริมทะเลสาบ และมีงาน Kawaguchiko Herb Festival

กรกฎาคม 17 ถึง 26 องศา ถ้าโชคดีอาจได้เห็นหิมะที่หลงเหลืออยู่ที่ยอดภูเขาฟูจิ ช่วงต้นเดือน มีฝนตกเป็นบางวัน

เปิดเส้นทางปืนขึ้นภูเขาไฟฟูจิ ผู้ที่สนใจให้นั่งรถบัสไปที่ Kawaguchiko ชั้น 5 แล้วเดินเท้าจนถึงยอดฟูจิ

สิงหาคม 17 ถึง 27 องศา มีฝนตกเป็นบางวัน

มีเทศกาลจุดพลุรอบทะเลสาบทั้ง 5

กันยายน 14 ถึง 23 องศา มีฝนตกเป็นบางวัน อากาศเริ่มเย็นขึ้น
ตุลาคม 7 ถึง 17 องศา เริ่มมีหิมะที่ยอดภูเขาไฟฟูจิช่วงปลายเดือนตุลาคม และเริ่มมีใบไม้เปลี่ยนสีตั้งช่วงปลายเดือนตุลาคม
พฤศจิกายน 1 ถึง 13 องศา มีหิมะที่ยอดภูเขาไฟฟูจิ, ใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามในช่วง 2 – 3 สัปดาห์แรกและจะค่อยๆ โรยลงหลังจากสัปดาห์ที่ 4
ธันวาคม -4 ถึง 8 องศา มีหิมะที่ยอดภูเขาไฟฟูจิ, และอาจมีหิมะตกในช่วงปลายเดือนธันวาคม เดือนนี้ฟ้าค่อนข้างใสมีโอกาสเห็นฟูจิได้มากกว่าเดือนอื่น

รีวิว Kawaguchiko ในหน้านี้ เป็นข้อมูลที่ไปมาในปี 2013 ราคาค่าโดยสาร ค่าเข้า และหมายเลขป้ายหยุดรถรอบทะเลสาบ อาจเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หากต้องการข้อมูลที่อัพเดท ให้ดูรายละเอียดในหน้านี้ ภูเขาไฟฟูจิ คาวากูจิโกะ

วันที่ 1: เดินทางกรุงเทพฯ – โตเกียว A380 การบินไทย นอนโตเกียว
วันที่ 3: เที่ยวนารา เมืองแห่งกวาง ดูใบไม้เปลี่ยนสี นอนโอซาก้า ไปเช้า-เย็นกลับ
วันที่ 4-5: เที่ยวเกียวโต ชมศาลเจ้า วัดเก่า ใบไม้เปลี่ยนสี
วันที่ 6: นั่ง Shinkansen กลับโตเกียว เที่ยวโอไดบะ โตเกียว
วันที่ 7: เที่ยว Kawaguchiko ดูภูเขาไฟฟูจิ ใบไม้เปลี่ยนสี ไปเช้า-เย็นกลับ
วันที่ 8: เที่ยว Nikko เมืองแห่งมรดกโลก สุสานโชกุน นอนโตเกียว ไปเช้า-เย็นกลับ
วันที่ 9: เที่ยว Mitake ตามรอยละคร “ข้างหลังภาพ” ดูใบไม้แดง
วันที่ 11: ชิบูย่า รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ ซื้อของฝากในสนามบิน บินกลับไทย
สรุปค่าใช้จ่ายเที่ยวญี่ปุ่น 11 วัน ค่าเครื่องบิน โรงแรม อาหาร ค่าเดินทาง ฯลฯ

Post Views 239147

admin

นักเขียนประจำ emagtravel.com

231 thoughts on “รีวิวนั่งรถไฟดูภูเขาไฟฟูจิ ที่ทะเลสาบ Kawaguchiko

  • December 30, 2014 at 5:28 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Prad

    ขาไป –> ออกจากสถานี Shinjuku 7.00 น ถึงสถานี Kawaguchiko 9.30 น
    ขากลับ –> ออกจากสถานี Kawaguchiko 14.45 น. ถึงสถานี Shinjuku 17.xx

  • January 19, 2015 at 5:02 pm
    Permalink

    รบกวนสอบถามหน่อยค่ะ

    ถ้าจะเที่ยวทั้ง Kawaguchiko กับ Hakone ภายในวันเดียวกัน โดยเดินทางไปกลับ Tokyo จะสามารถทำได้หรือป่าวค่ะ หรือว่าควรเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งไปเลย
    เนื่องจากไปแค่ 3 วัน เลยอยากรวบรัดอ่ะค่ะ ซึ่ง plan มีดังนี้ค่ะ
    Day 1 – Tokyo
    Day 2 – Nikko
    Day 3 – Kawa & Hakone ??? (or Only Kawa, or only Hakone)

    ขอบคุณมากค่ะ

  • January 19, 2015 at 5:07 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Thipsukhon

    ไม่สามารถรวม Kawaguchiko และ Hakone เข้าไปใน 1 วันได้ครับ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง

  • January 19, 2015 at 5:32 pm
    Permalink

    อ่ะเครค่ะ งั้นคงเลือก Hakone ขอบคุณมากค่ะ

  • January 29, 2015 at 4:52 pm
    Permalink

    ถ้าผมจะเที่ยวแค่โตเกียว-คาวากุชิโกะควรซื้อ jr แบบไหนครับ

  • January 30, 2015 at 12:10 am
    Permalink

    ตอบคุณ Nitipat

    โตเกียว แนะนำ Tokunai pass + Suica ครับ
    คาวากุจิโกะ แนะนำรถบัสจาก Shinjuku + Retro bus ครับ

  • January 30, 2015 at 9:33 pm
    Permalink

    ขอบคุณมากครับแอดมินแล้วถ้า kanto pass ละครับ

  • January 31, 2015 at 11:36 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Nitipat

    JR Kanto Area Pass จะเหมาะกับคนที่เดินทางในภูมิภาค Kanto ครับเช่น Nikko, Karuizawa, Fuji ฯลฯ ราคาก็ค่อนข้างแพงตามระยะทางที่สามารถไปได้ 8,300 yen ใช้ได้ 3 วัน

    คุณ Nitipat ต้องวางโปรแกรมให้จบก่อนครับแล้วค่อยเลือก Pass

    ดูรายละเอียด JR Kanto Area Pass http://www.jreast.co.jp/e/kantoareapass/

  • February 1, 2015 at 2:22 pm
    Permalink

    รบกวนอีกครั้งค่ะ ถ้าจะขึ้น บัสมา Kawakuchiko ขึ้นที่สถานี Shinjuku อยู่ที่เดียวกับรถไฟไหมค่ะ

  • February 2, 2015 at 6:25 pm
    Permalink

    ขอถามอีกเรื่องครับ
    โปรแกรมผมจะมีประมาณนี้
    วันแรกลงนาริตะเดินเที่ยวโตเกียว
    วันที่สองไปมิทาเกะ
    วันที่สามไปคาวากุชิโกะ
    วันที่สี่กลับโตเกียว
    วันที่ห้าเดินในโตเกียวกลับนาริตะ
    ควรใช้kanto passไหมครับหรือมีpassอื่นแนะนำครับขอบคุณมากครับ

  • February 2, 2015 at 7:09 pm
    Permalink

    ตอบคุณ timmy

    ต้องเดินออกจากสถานี Skinjuku ครับ ลองดูรีวิวใน pantip ประกอบครับ เคยเห็นคนเคยรีวิวไว้

  • February 2, 2015 at 7:15 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Nitipat

    JR Kanto Area Pass กับโปรแกรมนี้ก็ถือว่าคุ้มครับ

  • February 3, 2015 at 5:52 pm
    Permalink

    รบกวนสอบถามค่ะ

    วันที่ 1 ลงนาริตะ พักชินจุกุ แวะเที่ยวฮาราจุกุ
    วันที่ 2 ไปตลาดปลา วัดอาซากุซะ และอุเอะโนะ
    วันที่ 3 คิดว่าจะไปฮาโกะเนะ และกลับมานอนชินจุกุ
    วันที่ 4 จะไปคาวากุชิโกะ และกลับมานอนชินจุกุ
    วันที่ 5 ไปไหว้พระใหญ่ ที่ คามะคุระ และนั่งรถไฟกลับสนามบินค่ะ

    ไม่ทราบว่าโปรแกรมแบบนี้ โอเคไหมค่ะ และสมควรซื้อ pass แบบไหนใช้ดี

    ขอบคุณแอดมินมากค่ะ

  • February 5, 2015 at 10:30 am
    Permalink

    สวัสดีค่ะ
    มีเรื่องสอบถามเพิ่มเติมค่ะ ตอนนี้ทำแผนการเดินทาง รวมถึงการซื้อตั๋วรถไฟต่างๆ ไว้ครบหมดแล้ว
    แต่ไม่แน่ใจว่าถูกต้อง ครบถ้วนหรือยัง รบกวน admin ตรวจดูให้หน่อยนะคะว่า OK หรือเปล่า
    31 มีค. จากสนามบิน NARITA ไป UENO ซื้อ Skyliner Round Trip Ticket + Tokyo Metro
    Pass 1 DAy (สำหรับใช้เที่ยววันที่ 6)
    1 เมย. เดินทางจาก UENO ไป YUZAWA ซื้อตั๋วรถไฟ JR JOETSU SHINKANSEN
    2 เมย. YUZAWA
    3 เมย. เดินทางกลับจาก YUZAWA มา UENO ใช้ JR Kanto Area Pass 3 Days + GALA Option
    TICKET
    4 เมย. เดินทางไป KAWAGUCHIKO ใช้ JR Kanto Area Pass 3 Days + RETRO BUS
    5 เมย. เดินทางกลับ UENO ใช้ JR Kanto Area Pass 3 Days ช่วงเย็นใช้ JR Pass เที่ยวใน
    TOKYO ต่อ
    6 เมย. เที่ยวใน TOKYO ใช้ Tokyo Metro Pass 1 Day
    7 เมย. TOKYO DISNEY LAND ซื้อตั๋วรถไฟเป็นเที่ยวๆไป
    8 เมย. เดินเที่ยวในย่าน UENO ช่วงเย็นเดินทางไปสนามบิน NARITA ใช้ Skyliner Round Trip
    Ticket
    แผนทั้งหมดเป็นแบบนี้ค่ะ ที่ไม่เลือกใช้ JR Kanto Area Pass 3 Days + GALA Option Ticket ในขาไป YUZAWA เพราะจะเก็บไว้ใช้เดินทางไป KAWAGUCHIKO แทนค่ะ ไม่อยากนั่งรสบัส รวมค่าเดินทาง 9 วัน ประมาณ 22,240 Y. ค่ะ
    ขอบคุณค่ะ

  • February 7, 2015 at 6:37 pm
    Permalink

    รบกวนถามค่ะ ถ้าไปคาวากุชิโกะ 1 วัน แล้วกลับมาเที่ยวโตเกียวอีก 3 วัน ซื้อ JR Kanto Area Pass คุ้มไหมคะ หรือซื้อเป็นแบบอื่นจะดีกว่าน่ะค่ะ แล้วก็ถ้าไปนิกโกะด้วย (แต่อันนี้ยังไม่แน่) จะคุ้มหรือเปล่าคะ ขอบคุณมากค่ะ

  • February 8, 2015 at 9:45 am
    Permalink

    ตอบคุณ Mookyza

    แนะนำ 2 แบบนะครับ ส่วนจะเลือกแบบไหนต้องลองคำนวณค่ารถไฟดูครับ

    1. ใช้บัตรเติมเงิน Suica ได้ครับ หรือถ้าอยากจะใช้ Pass ก็ใช้พวก Tokunai pass ครับ วันที่ไป Kawaguchiko ก็นั่งรถบัส + Retro bus
    2. ใช้ JR Kanto Area Pass ครอบคลุมเส้นทางแทบทั้งหมดของ Plan

    ตัวโปรแกรมโอเคแล้วครับ สบายๆ ถ้ายังไม่ได้จองที่พัก คืนที่ 3 อาจจะนอนค้างที่ Hakone หรือ Kawaguchiko ก็ได้

  • February 8, 2015 at 9:58 am
    Permalink

    ตอบคุณ Kor

    JR Kanto Area Pass ถ้าจะให้คุ้มต้องไปทั้ง Kawaguchiko และ Nikko ครับ ถ้าไปที่เดียวซื้อตั๋วเป็นเที่ยวๆ น่าจะสะดวกกว่า

  • February 9, 2015 at 9:43 pm
    Permalink

    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากนะคะ ทางเราจะลองคำนวนค่ารถไฟดูค่ะ

  • March 22, 2015 at 1:55 pm
    Permalink

    รบกวนสอบถามคะ >___<
    พอดีกำลังวางแผนว่าจะใช้การเดินทางแบบไหน ซื้ออะไรถึงจะครอบคลุมและคุ้มค่าที่สุดค่ะ
    แผนการมีดังต่อไปนี้นะคะ (ทางการมากกก)

    วันที่ 1
    เดินทางจากดอนเมืองไปลงนาริตะค่ะ เครื่องถึงประมาณ 1 ทุ่ม ต้องเดินทางจากสนามบินไปลง
    Asakusa Station ค่ะเพื่อเข้าที่พัก

    วันที่ 2
    ทริปทัวโตเกียวค่ะ ถ้าสภาพอากาศดีก็อาจจะไปลุย kawaguchiko ก่อน
    วันที่สองตารางค่อนข้างแน่นมากค่ะ ถ้าเก็บไม่หมดอาจจะมาเก็บต่อหลังจากไป kawaguchiko ค่ะ
    – เดินทางจากอาซากุสะ ไปวัด Sensoji
    – สวนสุมิดะ
    – เดินทางไป Ueno ชมสวนอูเอโน๊ะ กับ เดินตลาดอะเมะโยโกะมาร์เก็ต (ยังหาทางไปตลาดไม่ถูกค่ะ คิดว่าจะเดินๆหาเอาน่าจะเจอ?)
    – ไปย่าน Akihabara แวะ Gundam Cafe , Edo Tokyo Museum
    – ไปย่าน ชิบุย่า ต่อไปยัง Nakameguro นากาเมกุโระ เดินเล่นถนนริมน้ำชิวๆกับซากุระ
    – กลับชิบุย่า ต่อไปฮาราจูกุ
    – เดินชมศาลเจ้าเมจิ
    – สพานจินกู
    – ไปย่านชินจุกุ เพื่อต่อไปยังคิจิโจจิ
    – ชมสวน Inokashira onshi koen
    – เดินตรอกฮาโมนิก้า
    – กลับไปยังชินจุกุ ต่อไป Shimokitasawa
    – เดินทางกลับหอ Asakusa Station

    วันที่ 3
    ทริปไป kawaguchiko
    – เดินทางไปคิดว่าจะไปรถบัสค่ะ
    – พอถึง kawaguchiko แล้วจะไปถ่ายรูปที่ Chureito Pagoda ลงที่สถานี Shimoyoshida
    ก่อนเลยค่ะกลัวไปช้าแล้วภาพจะย้อนแสง T^T
    – กลับมาที่ kawaguchiko ขึ้น Retro Bus ชมจุดต่างๆ (มีจักรยานให้เช่าไหมค่ะ หรือใช้บริการบัสดีกว่า) จุดที่คาดว่าจะแวะคือ หมายเลข 7 Kawaguchiko Herb Kan ที่จัดแสดงสมุนไพร, ป้ายหมายเลข 17-18 Kawaguchiko Sarumawashi Gekijo Konohana Bijutsu-kan – Kubota Itchiku Bujutsu-kan , และจบที่ 21 ค่ะ

    **ถ้าไม่เย็นมากจะเดินทางกลับค่ะด้วยรถไฟกันรถติดค่ะ แล้วไปเก็บตกในโตเกียวต่อจากที่แพลนไว้ในวันที่สองค่ะ เพื่อรอรถบัสรอบดึกที่จองไว้ไปลง USJ Osaka รถออกประมาณ 23:00 เป็นอันจบทริปโตเกียวค่ะ
    แต่ถ้าดึกกำลังคิดว่าจองบัสจากที่นี่ไปลงนัมบะโอซาก้า เพื่อเข้าที่พักก่อนแล้วค่อยต่อไป USJ จะดีไหมคะ?
    ประหยัดค่ารถไฟขากลับชินจุกุ แต่ก็ต้องเสียค่ารถเพื่อไป USJ

    ยาวมากเลย
    คำถาม?

    1.ควรใช้พาสแบบไหนเดินทางในทริปโตเกียวดีค่ะ ถึงจะครอบคลุมและคุ้มค่าค่ะ
    JR Kanto Area Pass สำหรับ 3 วัน ราคา 8000 เยน ดีไหมค่ะเห็นว่าครอบคลุมไปถึง
    kawaguchiko

    2.ระหว่างขึ้นรถบัสนอนจากชินจุกุไป USJ 8:45 เลย (เที่ยวแล้วค่อยกลับมาหอพักช่วงดึก) กับ รถบัสจาก Kawaguchiko ไปลงนัมบะ(ได้เข้าหอพักก่อนแล้วค่อยไป USJ) แบบไหนดีกว่ากันค่ะ

    3.วันที่ 4,5 จะเที่ยวแถบโอซาก้าค่ะเลยซื้อ kansai Thru Pass ไว้ไป
    – USJ เช้า โดยรถบัสรอบดึก
    – ประสาทโอซาก้า บ่ายหรือเย็นๆ
    – นัมบะดึกๆ กลับหอพัก

    – เกียวโตเช้า เมือง Arashiyama เมืองโบราณ เลือกไปได้ 2 ทาง นั่งรถไฟ Hankyu ลงที่ Hankyu Arashiyama หรือ JR Sagano Line ลง Arashiyama ไปแบบไหนดีค่ะ?

    – ต่อ นารา บ่ายๆ อุทยานแห่งชาติเขา Yoshino เดินทางจากโตเกียวลงนาราเลยค่ะ
    ควรใช้บริการของสายไหนค่ะถึงจะอยู่ในบัตร kansai Thru Pass (พอดียังหาข้อมูลไม่ถึงตรงข้อนี้ค่ะ ต้องขอรบกวนหน่อยนะค่ะ T^T)

    – แล้วกลับสนามบินคันไซจากนาราค่ะ เครื่องออกประมาณตีหนึ่งวันที่ 6 ค่ะ
    บัตรน่าจะครอบคลุม?

    ขอบคุณค่ะ

  • March 22, 2015 at 5:53 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Alphastut

    เห็นโปรแกรมแล้วค่อนข้างเหนื่อยนะครับ คาดว่าเวลาไปจริงคงต้องมีตัดออกบ้าง ทริปนี้ไม่แนะนำ JR Kanto Area Pass ครับ เพราะพัก Asakasa รถไฟ JR ไปไม่ถึง

    วันที่ 3
    ทริปไป kawaguchiko
    – เดินทางไปคิดว่าจะไปรถบัสค่ะ
    – พอถึง kawaguchiko แล้วจะไปถ่ายรูปที่ Chureito Pagoda ลงที่สถานี Shimoyoshida
    ก่อนเลยค่ะกลัวไปช้าแล้วภาพจะย้อนแสง T^T
    – กลับมาที่ kawaguchiko ขึ้น Retro Bus ชมจุดต่างๆ (มีจักรยานให้เช่าไหมค่ะ หรือใช้บริการบัสดีกว่า) จุดที่คาดว่าจะแวะคือ หมายเลข 7 Kawaguchiko Herb Kan ที่จัดแสดงสมุนไพร, ป้ายหมายเลข 17-18 Kawaguchiko Sarumawashi Gekijo Konohana Bijutsu-kan – Kubota Itchiku Bujutsu-kan , และจบที่ 21 ค่ะ

    **ถ้าไม่เย็นมากจะเดินทางกลับค่ะด้วยรถไฟกันรถติดค่ะ แล้วไปเก็บตกในโตเกียวต่อจากที่แพลนไว้ในวันที่สองค่ะ เพื่อรอรถบัสรอบดึกที่จองไว้ไปลง USJ Osaka รถออกประมาณ 23:00 เป็นอันจบทริปโตเกียวค่ะ

    คิดว่าไปไม่หมดครับ Chureito Pagoda ใช้เวลาเยอะมาก จักรยานจะมีให้เช่าตามโรงแรม ที่พัก แต่ถ้าเราไม่ใช้แขกก็ไม่แน่ใจว่าจะเช่าได้ไหมครับ ส่วนรถ Retro bus ก็รอนานมาก บางทีมาแล้วก็เต็มขึ้นไม่ได้ เราไม่สามารถทำเวลาได้เลย แนะนำให้ยาวไป Osaka เลยดีกว่าครับ

    คำถาม?

    1.ควรใช้พาสแบบไหนเดินทางในทริปโตเกียวดีค่ะ ถึงจะครอบคลุมและคุ้มค่าค่ะ
    JR Kanto Area Pass สำหรับ 3 วัน ราคา 8000 เยน ดีไหมค่ะเห็นว่าครอบคลุมไปถึง
    kawaguchiko

    วันที่ 1-3 แนะนำ Skyliner pass (oneway) + Tokyo metro 3 days ราคา 3,500 เยน http://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/us/value_ticket/subway.html หรือจะซื้อตั๋วเป็นเที่ยวๆ เอาก็ได้นะ ราคาไม่ต่างกันเท่าไหร่ วันที่ 1 กับ 3 ไม่ค่อยได้เดินทางในโตเกียวด้วย ส่วน Kawakuchiko ไปรถบัสก็ประหยัดกว่าครับ

    2.ระหว่างขึ้นรถบัสนอนจากชินจุกุไป USJ 8:45 เลย (เที่ยวแล้วค่อยกลับมาหอพักช่วงดึก) กับ รถบัสจาก Kawaguchiko ไปลงนัมบะ(ได้เข้าหอพักก่อนแล้วค่อยไป USJ) แบบไหนดีกว่ากันค่ะ

    เข้าที่พักก่อนดีกว่าครับ ฝากกระเป๋า ถ้าได้อาบน้ำด้วยก็คงสบายตัวดี และถ้าเข้า Shinjuku มันก็อ้อมนะ

    3.วันที่ 4,5 จะเที่ยวแถบโอซาก้าค่ะเลยซื้อ kansai Thru Pass ไว้ไป
    – USJ เช้า โดยรถบัสรอบดึก
    – ประสาทโอซาก้า บ่ายหรือเย็นๆ
    – นัมบะดึกๆ กลับหอพัก

    – เกียวโตเช้า เมือง Arashiyama เมืองโบราณ เลือกไปได้ 2 ทาง นั่งรถไฟ Hankyu ลงที่ Hankyu Arashiyama หรือ JR Sagano Line ลง Arashiyama ไปแบบไหนดีค่ะ?

    Hankyu ครับ เพราะ KTP ใช้นั่ง JR ไม่ได้

    – ต่อ นารา บ่ายๆ อุทยานแห่งชาติเขา Yoshino เดินทางจากโตเกียวลงนาราเลยค่ะ
    ควรใช้บริการของสายไหนค่ะถึงจะอยู่ในบัตร kansai Thru Pass (พอดียังหาข้อมูลไม่ถึงตรงข้อนี้ค่ะ ต้องขอรบกวนหน่อยนะค่ะ T^T)

    ไม่เคยไปเหมือนกันครับ ตอบไม่ถูกเลย T_T

    – แล้วกลับสนามบินคันไซจากนาราค่ะ เครื่องออกประมาณตีหนึ่งวันที่ 6 ค่ะ
    บัตรน่าจะครอบคลุม?

    บัตร KTP ครอบคลุมแล้วครับ คุ้มแน่นอน

  • April 3, 2015 at 3:46 pm
    Permalink

    สวัสดีครับ

    ก่อนอื่น ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ มีประโยชน์มากๆครับ

    วางแผนจะไป Kawaguchiko วันจันทร์ที่ 13 เมษายน เป็นผู้ใหญ่ 4 คน ออกเดินทางจาก Shinjuku กำลังลังเลว่าจะเลือกไปแบบไหนถึงจะสะดวกครับ เป็นทริปวันเดียวกลับ เลือกไปขึ้น Retro Bus โดยวางแผนแวะจอดที่ป้าย 10, 14, 18, 21

    1.Bus
    – ช่วงนั้นน่าจะเป็นช่วง Sakaura เห็นบางคนบอกว่า ควรเลี่ยงการเดินทางด้วยรถบัส เนื่องจากอาจจะเจอรถติดครับ
    – ถ้าไม่กังวลรถติด ควรจะจองรอบออก / กลับ สักกี่โมงครับ แบบไม่ต้องรีบ

    2.Train
    – ดูเหมือนจะสะดวกกว่า แต่ค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าหน่อย
    – ไม่เข้าใจตรงค่า Seat Fee 900Yen ของสาย JR Otsuki ครับ คือเป็นค่าที่เราต้องระบุที่นั่งใช่หรือไม่ครับ ถ้าใช่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ต้องจองตั๊วใช้หรือไม่ครับ / กรณีไม่ได้ระบุที่นั่ง อาจจะมีโอกาสไม่ได้นั่งติดกันในกรณีไปหลายๆคน ใช่หรือไม่ครับ
    – รอบรถไฟไป / กลับ ควรจะออกสักกี่โมงดีครับ

    ขอบคุณล่วงหน้าครับผม

  • April 9, 2015 at 3:32 pm
    Permalink

    ถ้าไปเที่ยวที่คาวากูจิโกะวันเดียวแล้วกลับโตเกียวเลยได้มั้ยคะ

  • April 9, 2015 at 4:19 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Doctorpoom

    ในรีวิวนี้เป็นการเดินทางแบบเช้าไป – เย็นกลับครับ

  • April 9, 2015 at 4:32 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Gappy

    วางแผนจะไป Kawaguchiko วันจันทร์ที่ 13 เมษายน เป็นผู้ใหญ่ 4 คน ออกเดินทางจาก Shinjuku กำลังลังเลว่าจะเลือกไปแบบไหนถึงจะสะดวกครับ เป็นทริปวันเดียวกลับ เลือกไปขึ้น Retro Bus โดยวางแผนแวะจอดที่ป้าย 10, 14, 18, 21

    1.Bus
    – ช่วงนั้นน่าจะเป็นช่วง Sakaura เห็นบางคนบอกว่า ควรเลี่ยงการเดินทางด้วยรถบัส เนื่องจากอาจจะเจอรถติดครับ

    ตอนนี้ซากุระเริ่มร่วงแล้วครับ คิดว่าคนญี่ปุ่นคงเที่ยวไม่เยอะ แต่คนไทยคงเยอะ

    – ถ้าไม่กังวลรถติด ควรจะจองรอบออก / กลับ สักกี่โมงครับ แบบไม่ต้องรีบ

    ออกซัก 7 โมง กลับซักบ่าย 4 โมงครับ

    2.Train
    – ดูเหมือนจะสะดวกกว่า แต่ค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าหน่อย
    – ไม่เข้าใจตรงค่า Seat Fee 900Yen ของสาย JR Otsuki ครับ คือเป็นค่าที่เราต้องระบุที่นั่งใช่หรือไม่ครับ ถ้าใช่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ต้องจองตั๊วใช้หรือไม่ครับ / กรณีไม่ได้ระบุที่นั่ง อาจจะมีโอกาสไม่ได้นั่งติดกันในกรณีไปหลายๆคน ใช่หรือไม่ครับ

    ขบวนนี้เป็นขบวน LTD. EXP ไม่จองที่นั่งมี Seat Fee ประมาณ 9xx เยน และจองที่นั่งมี Seat Fee ประมาณ 1,4xx เยน ยังไงก็มีครับ ไปกันหลายคนถ้านั่งต้นสาย (Shinjuku) ก็มีโอกาสได้นั่งด้วยกันครับ

    – รอบรถไฟไป / กลับ ควรจะออกสักกี่โมงดีครับ

    ออกซัก 7 โมง กลับซักบ่าย 4 โมงครับ

  • April 17, 2015 at 9:42 am
    Permalink

    ขอบคุณมากครับ

    ไปเที่ยวกลับมาเรียบร้อยแล้ว

    สวยงามมากๆเลย….

  • April 20, 2015 at 10:30 pm
    Permalink

    สวัสดีค่ะ กำลังจะไปญี่ปุ่น ช่วง 3-10 พฤษภาค่ะ กำลังจะทำแผนเที่ยว
    คือตอนแรกวางแผนไว้ว่า ลงนาริตะ แล้วนั่งรถไฟไปเกียวโตเลย อยู่หนึ่งวัน แล้วต่อไปโอซาก้า อีกสองวัน แล้วกลับไปโตเกียว
    พี่คิดว่าจะเหนื่อยไปมั้ยค่ะ หรืออีกแผน คือเก็บโตเกียว และรอบนอกดีค่ะ และควรซื้อบัตรรถไฟแบบไหนดีค่ะ
    ขอบคุณค่ะ

  • April 20, 2015 at 10:43 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Beaubelbelle

    คือตอนแรกวางแผนไว้ว่า ลงนาริตะ แล้วนั่งรถไฟไปเกียวโตเลย อยู่หนึ่งวัน แล้วต่อไปโอซาก้า อีกสองวัน แล้วกลับไปโตเกียว

    ไม่แนะนำให้ข้ามภูมิภาคไปมาแบบนี้ครับ เสียเวลาเดินทางและค่าใช้จ่ายมาก มีเวลา 8 วันเที่ยวโตเกียวและเมืองรอบๆ ดีกว่าครับ โอกาสหน้าก็ไปเจาะลึกที่โอซาก้าไปเลย ญี่ปุ่นเที่ยวครั้งเดียวไม่พอครับ

    เมืองรอบๆ โตเกียวที่แนะนำให้ไปเที่ยวก็มี

    – Kawaguchiko, Hakone
    – Yokohana, Kamakura
    – Kawagoe
    – Kawasaki
    – Nikko

    ส่วนเรื่องตั๋วรถไฟก็แนะนำ Kanto Area pass, Tokunai pass, หรือบัตรเติมเงิน Suica เลือกใช้แบบไหนก็ ขึ้นกับว่าโปรแกรมไปไหนบ้าง

  • April 22, 2015 at 10:52 pm
    Permalink

    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ
    แต่ก็ยังคิดไม่ตกอยู่ดี เพราะหนึ่งต้องหาที่พักใหม่ เพราะจองที่เกียวโต โอซากา และโตเกียว ไปแล้วค่ะ
    สมมุติว่าเลือกไปตามแผนเดิม คือ ลงนาริตะ แล้วนั่งรถไฟไปเกียวโตเลย อยู่สามวัน แล้วต่อไปโอซาก้า อีกสามวัน และกลับมาโตเกียว พี่ว่าพอจะเป็นไปได้มั้ยค่ะ อย่างนี้ควรจะซื้อ JR Rail Pass ดีกว่ามั้ยค่ะ
    ขอบคุณค่ะ

  • April 22, 2015 at 10:54 pm
    Permalink

    สอบถามหน่อยครับ

    ถ้าซื้อ kanto pass 3 วันใช้งานดังนี้ คุ้มไหมครับ

    วันที่ 1. นั่งรถไฟจากนาริตะมาชินจุกุ
    วันที่ 2. นั่งรถไฟไป-กลับ คาวากูจิโกะ
    วันที่ 3. นั่งรถไฟไป คามาคุระ กับโยโกฮาม่า

    ส่วนขากลับนาริตะ ก็ซื้อ keisei เอาครับ

    หรือผมควรซื้อ Nex’+sica แบบไปกลับ มันอยู่ที่ 5500
    แล้วตอนไป ฟูจิกะคามาคุระ ซื้อแบบปกติไปครับ

    รบกวนด้วยครับ
    ขอบคุณครับ

  • April 23, 2015 at 9:27 am
    Permalink

    รบกวนหน่อย พอดีจะไปช่วงวันที่ 14-19 พฤษภา จะพักแถว asakusa คะ เลยกะว่า วันแรกจะไปเที่ยววัน senjoji ถ้าทันจะไปdisney land ตอนเย็นเพื่อไปดูขบวนพาเรดคะ. วันที่16 ว่าจะไป fuji mt แต่ไปแบบซื้อทัว ไปเช้าเย็นกลับ. วันที่17 ว่าจะพวกย่านช็อปปิ้ง shinjuku harajuku shibuya ถ้าไม่หมดจะต่อวันที่18อีกคะ อันนี้รบกวนจัดให้หน่อยคะ ว่าควรไปไหนก่อน จากที่ไหนไปไหน และต้องซื้อพวก jr passมั้ยคะ แต่เช้าก่อนกลับวันที่19ยังไม่มีโปรแกรมเลยอะคะ รบกวนแนะนำหน่อยนะคะ ที่พักคือพักแถว asakusa ตลอดทริปคะ ขอบคุณมากคะ

  • April 23, 2015 at 1:12 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Beaubelbelle

    แต่ก็ยังคิดไม่ตกอยู่ดี เพราะหนึ่งต้องหาที่พักใหม่ เพราะจองที่เกียวโต โอซากา และโตเกียว ไปแล้วค่ะ
    สมมุติว่าเลือกไปตามแผนเดิม คือ ลงนาริตะ แล้วนั่งรถไฟไปเกียวโตเลย อยู่สามวัน แล้วต่อไปโอซาก้า อีกสามวัน และกลับมาโตเกียว พี่ว่าพอจะเป็นไปได้มั้ยค่ะ อย่างนี้ควรจะซื้อ JR Rail Pass ดีกว่ามั้ยค่ะ
    ขอบคุณค่ะ

    ถ้าจองที่พักไว้แล้ว ก็แนะนำให้ทำตามแผนเดิมครับ แผนนี้เป็นไปได้อยู่แล้ว เพียงแต่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ แนะนำให้ซื้อ JR Pass 7 วัน คุ้มที่สุดแล้ว เปิดใช้งานวันแรก ส่วนวันสุดท้ายใช้ Suica ซื้อตั๋วเป็นเที่ยวๆ เอา

  • April 23, 2015 at 1:22 pm
    Permalink

    ตอบคุณ dew

    วันที่ 1. นั่งรถไฟจากนาริตะมาชินจุกุ
    วันที่ 2. นั่งรถไฟไป-กลับ คาวากูจิโกะ
    วันที่ 3. นั่งรถไฟไป คามาคุระ กับโยโกฮาม่า

    เดินทางแบบนี้จะซื้อ หรือ ไม่ซื้อ JR Kanto Area Pass ก็ได้ครับ ค่าเดินทางใกล้เคียงกัน
    ถ้าอยากประหยัดนะครับวันที่ไป Kawaguchiko นั่งรถบัสไป – กลับ และ วันแรกให้นั่ง Keisei Limited Exp เข้าโตเกียว

  • April 23, 2015 at 2:06 pm
    Permalink

    ตอบคุณ tuck

    รบกวนหน่อย พอดีจะไปช่วงวันที่ 14-19 พฤษภา จะพักแถว asakusa คะ เลยกะว่า วันแรกจะไปเที่ยววัน senjoji ถ้าทันจะไปdisney land ตอนเย็นเพื่อไปดูขบวนพาเรดคะ.

    – ถ้าไปตอนเย็น แนะนำตั๋วแบบ Night Passport ครับ

    วันที่16 ว่าจะไป fuji mt แต่ไปแบบซื้อทัว ไปเช้าเย็นกลับ.

    – น่าจะไปเองนะครับ ไปไม่ยาก ถ้าไปเองเราสามารถดูพยากรณ์อากาศได้ในตอนเช้าเลยว่าวันนี้ ฟ้าใส แดดดีไหม ถ้าอากาศดีก็ค่อยไป แบบนี้จะมีโอกาสเห็นภูเขาไฟฟูจิสูง

    วันที่17 ว่าจะพวกย่านช็อปปิ้ง shinjuku harajuku shibuya ถ้าไม่หมดจะต่อวันที่18อีกคะ อันนี้รบกวนจัดให้หน่อยคะ ว่าควรไปไหนก่อน จากที่ไหนไปไหน

    – ดูแผนที่ประกอบนะครับ เที่ยวจากบนลงล่าง Shinjuku – Harajuku – Shibuya

    และต้องซื้อพวก jr passมั้ยคะ

    – ไม่ควรซื้อครับ เพราะ JR ไปไม่ถึง Asakusa

    แต่เช้าก่อนกลับวันที่19ยังไม่มีโปรแกรมเลยอะคะ รบกวนแนะนำหน่อยนะคะ ที่พักคือพักแถว asakusa ตลอดทริปคะ ขอบคุณมากคะ

    – ตลาดปลา Tsukiji, ถ่ายรูปหน้าสถานีโตเกียว, เดินเล่น Akihabara, ชอปปิ้ง Ameyoko – ตึกม่วง, Ginza, Odaiba เลือกตามใจชอบเลยครับ

  • April 23, 2015 at 9:57 pm
    Permalink

    ขอบคุณมากคะ อีกคำถามคะ ถ้าซื้อเป็น tokyo subway โอเคป่ะคะ สำหรับ ใช้เกินทางไปพวก shinjuku harajuku

  • April 23, 2015 at 10:05 pm
    Permalink

    ตอบคุณ tuck

    ขอบคุณมากคะ อีกคำถามคะ ถ้าซื้อเป็น tokyo subway โอเคป่ะคะ สำหรับ ใช้เกินทางไปพวก shinjuku harajuku

    – ถ้าใช้เดินทาง Asakusa – Shinjuku – Harajuku – Shibuya – Asakusa แบบนี้ซื้อตั๋วเป็นเที่ยวๆ เอาดีกว่าครับ ราคาพอๆ กัน แต่อิสระในการขึ้นรถไฟ บางที JR สะดวกกว่าก็นั่ง JR ได้

  • April 24, 2015 at 2:36 am
    Permalink

    จะไปญี่ปุ่นช่วง31พค-7มิย58 7คืน8วันคะ มีสถานที่เที่ยวแนะนำมั้ยคะ เนื่องจากไปหน้าร้อนไม่รุ้ว่าควรไปที่ไหนบ้าง
    โตเกียว-โอซาก้า suica+jr pass7วัน
    วันที่31 ถึงนาริตะ 9.30 ฝากกระเป๋าที่mystay ueno inaricho เที่ยวอุเอะโนะ อาซากุสะ โตเกียวทาวเวอ ยังไม่ใช้jr pass
    วันที่1 ไปโอซาก้า6โมงเช้า เปิดใช้jr passครั้งแรก ใช้ชินคันเซน เที่ยงนารา โอซาก้า นอน hearton hotel umeda
    วันที่2 ไปเกียวโตทั้งวัน กลับมานอนโอซาก้า
    วันที่3 กลับตั้งแต่เช้า ฝากกระเป๋า นอนรร.เดิมกับคืนแรก ไปนิกโก้ เช้าเยนกลับ
    วันที่4 ไปฮาโกเน่ นอนโตเกียว
    วันที่5 ไปดิสนีแลน
    วันที่6 ตลาดปลา ชินจุกุ ฮาราจุกุ ช้อปปิ้ง
    วันที่7 เชคเอ้า ออกไปนาริตะ
    ไปครั้งแรกยังมึนๆ เรื่องสถานที่แต่ละเขตยังไม่ลงตัวค่ะ จัดประมานนี้โอเครึป่าว จะเหนื่อยไปมั้ย? ใช้แค่suica+jr pass พอมั้ย? คุ้มรึป่าว?
    ปล.วันที่31เปนวันสุดท้ายของเทศกาลชิบะที่คาวากูชิโกะ แอบอยากไปแต่ยังไม่อยากใช้jr passกลัวไม่คุ้มค่า

  • April 24, 2015 at 11:57 am
    Permalink

    ตอบคุณ Ratchavipa

    จะไปญี่ปุ่นช่วง31พค-7มิย58 7คืน8วันคะ มีสถานที่เที่ยวแนะนำมั้ยคะ เนื่องจากไปหน้าร้อนไม่รุ้ว่าควรไปที่ไหนบ้าง
    โตเกียว-โอซาก้า suica+jr pass7วัน

    ช่วงนั้นเป็นฤดูร้อน อากาศร้อนและเริ่มมีฝนตกครับ ในโตเกียว โอซาก้าไม่มีที่ไหนสวยเป็นพิเศษ แต่ก็สามารถเที่ยวได้ ตั๋วเครื่องบิน โรงแรมราคาถูก

    วันที่31 ถึงนาริตะ 9.30 ฝากกระเป๋าที่mystay ueno inaricho เที่ยวอุเอะโนะ อาซากุสะ โตเกียวทาวเวอ ยังไม่ใช้jr pass
    วันที่1 ไปโอซาก้า6โมงเช้า เปิดใช้jr passครั้งแรก ใช้ชินคันเซน เที่ยงนารา โอซาก้า นอน hearton hotel umeda
    วันที่2 ไปเกียวโตทั้งวัน กลับมานอนโอซาก้า
    วันที่3 กลับตั้งแต่เช้า ฝากกระเป๋า นอนรร.เดิมกับคืนแรก ไปนิกโก้ เช้าเยนกลับ
    วันที่4 ไปฮาโกเน่ นอนโตเกียว
    วันที่5 ไปดิสนีแลน
    วันที่6 ตลาดปลา ชินจุกุ ฮาราจุกุ ช้อปปิ้ง
    วันที่7 เชคเอ้า ออกไปนาริตะ
    ไปครั้งแรกยังมึนๆ เรื่องสถานที่แต่ละเขตยังไม่ลงตัวค่ะ จัดประมานนี้โอเครึป่าว จะเหนื่อยไปมั้ย? ใช้แค่suica+jr pass พอมั้ย? คุ้มรึป่าว?
    ปล.วันที่31เปนวันสุดท้ายของเทศกาลชิบะที่คาวากูชิโกะ แอบอยากไปแต่ยังไม่อยากใช้jr passกลัวไม่คุ้มค่า

    โปรแกรมวางหลวมๆ แบบนี้ดีแล้วครับ อย่าไปยึดติดกับวันมาก วันที่ไป Disneyland, Hakone ให้ดูพยากรณ์อากาศก่อนไป จะได้ไม่เสียเที่ยว ส่วนเรื่อง JR Pass จำเป็นต้องซื้อครับ เดินทางไป-กลับ โตเกียว – โอซาก้า ก็คุ้มค่า JR Pass แล้วครับ วันที่เหลือคือกำไร วันแรกที่ไปถึงใช้ Suica ถูกต้องแล้วครับ

    ถ้าอยากจะไปชมทุ่ง Pink Moss Shibazakura ในวันที่ 31 ก็เปิดใช้ JR Pass วันนั้นวันแรกได้ครับ

  • April 28, 2015 at 7:39 pm
    Permalink

    ขอสอบถามหน่อยค้า คือไม่เข้าใจตรงที่พอขึ้นretro bus เขาพาลงป้าย21เลยเหรอค่ะ แล้วเราค่อยซื้อone day pass เพื่อย้อนกลับมาเที่ยวเหรอค่ะ คือพอดีเห็นพี่นั่งยาวเลยอะค่ะเลยสงสัยยยยยยย กำลังจะไปอาทิตย์หน้าค่ะ

  • April 28, 2015 at 8:01 pm
    Permalink

    ตอบคุณกี้

    รถ Retro bus จอดได้ทุกป้ายครับ เช่นลงป้ายที่ 7 แล้วซื้อ One day pass ก็ได้ครับ

    คุณกี้อาจจะลงป้าย 7, 10, 15, 17-18 และ 21 แล้วนั่งจาก 21 ยาวมาสถานี Kawaguchiko ก็ได้ครับ

  • April 28, 2015 at 10:00 pm
    Permalink

    รบกวนแนะนำว่าควรซื้อตั๋วรถไฟแบบไหนดีให้ด้วยค่ะจะไปญี่ปุ่น8-15พค2015นี้ค่ะ กลุ๊ปมี4คน เป็นคุณแม่คุณพ่อผู้อาวุโสและวัยรุ่น2คน

    วันที่8. มาถึงฮาเนดะราวสามทุ่ม พักชินจูกุ ใช้รถแท๊กซี่ดีหรือลีมูซีนบัสดีคะ? พักที่ไหนดีใกล้รรที่ลีมูซีนบัสจอดรับส่งสดวก?
    วันที่9 จะไปสวนฮิตาชิseaside park นั่งรถไฟไป เย็นกลับมานอนชินจูกุ(ไปขึ้นรถไฟที่ueno stationไปKatsuta (Super
    Hitachi express))ซื้อบัตรแบบไหนดี คะไปกลับ? ถ้าไม่เหนื่อยจะไปไหนต่อดีให้คุ้มค่าตั๋วรถไฟ
    วันที่10 จะไปดูดอกวิสทีเรียที่สวนashikagashi (ไปขึ้นรถไฟที่Tobu Asakusa to Ashikagashi station( Tobu isesaki line) ) นั่งรถไฟไป เย็นกลับมานอนชินจูกุ ซื้อบัตรแบบไหนดีคะไปกลับ? ถ้าไม่เหนื่อยจะไปไหนต่อดีคะ
    วันที่11 จะไปทะเลสาปคาวากุชิโกะ นั่งรถไฟไป หรือบัสดีคะวันจันทร์จะมีบัสม๊ย? ซื้อที่ไหนคะ?ซื้อบัตรแบบไหนดีคะ? ค้างที่ทะเลสาป1คืน ควรลากกระเป๋าเดินทางไปกะตัวม๊ยคะ?
    วันที่12 เช้าจะดูpink moss. บ่ายแก่จะนั่งรถบัสและต่อรถไฟไป Mutsumoto (bus from Kawaguchiko to Kofu, Kofu JRTrain to Mutsumoto)ซื้อตั๋วรถไฟและรถบัสดีม๊ยคะ? หรือจะแนะนำทางอื่น
    กังวัลว่าตอนจากทะเลสาปนั่งบัสแล้วต่อรถไฟ ไปMutsumoto ต้องซื้อตั๋วบัสล่วงหน้าม๊ยคะ ซื้อยังไง ที่ไหนคะ?
    กระเป๋าเดินทางจะส่งมาจากโตเกียวไปรอที่Mutsumoto. จะดีม๊ยคะ ?กลัวจะตุเลงไปlakeไม่ไหว. นอน. ที่Mutsumoto 2คืน
    วันที่13 เช้านั่งรถไฟ.(Jr Oito to Shinano OmachiไปดูJapan alps เย็นนั่งรถไฟกลับมานอนMutsumoto อีกคืน
    วันที่14 จากMutsumoto นั่งรถไฟกลับชินจูกุ JR Oito to shinjuku อิสระช๊อปปิ้ง นอนชินจูกุคืนสุดท้าย
    วันที่15.ซื้อลีมูซีนบัสหรือแท๊กซี่ กลับสนามบินฮาเดนะไฟลท์ 10:35 บินกลับกรุงเทพ

    รบกวนตรวจแผนให้ด้วยค่ะ ควรซื้อบัตรรถไฟแบบไหนดีคะ ไม่ค่อยรู้เรื่องรถไฟญี่ปุ่น ซื้อJR จะคุ้มม๊ย หรือซื้อเป็นเที่ยวๆที่สถานีต่อวันที่จะไปเที่ยวก็ดีแล้วคะ. ถ้าซื้อเป็นเที่ยวๆที่สถานี วันต่อวัน ยังไงก็มีที่ให้ไป ตั๋วไม่เต็มใช่ม๊ยคะ และควรส่งกระเป๋าไปรอที่Mutsumoto ดีม๊ยค่ะ

    รบกวนตรวจให้ด้วยนะคะ

  • May 2, 2015 at 5:22 pm
    Permalink

    พวกผมจะไปญี่ปุ่น ปลาย พค
    มีเวลาเที่ยว จริง 3 วัน คือ ตั้งแต่เช้า 31 พค จนถึง คืนว้ันที่ 2 มิย .
    โดยมี Plan จะไป Tokyo Disney land 1 วัน ด้วยครับ
    และอยากไปเที่ยว ฟูจิ ทาง คาวากูจิโกะ ด้วย
    อยากทราบว่า JR Kanto Pass 3 days เหมาะสมหรือไม่ครับ
    ขอบคุณครับ

  • May 2, 2015 at 8:14 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Piman

    คำนวณคร่าวๆ ให้นะครับ

    Shinjuku < --> Tokyo disney land ไปกลับ ค่ารถไฟ 1,300 เยน
    Shinjuku < --> Kawaguchiko ไปกลับ ค่ารถไฟ 4,920 เยน

    รวม 6,220 เยน

    ส่วน JR Kanto Area Pass 8,300 เยน ถ้าอีกวันที่เหลือคุณเดินทางไปไกล อย่างเช่น Nikko แบบนี้ก็น่าซื้อ JR แต่ถ้าไม่ได้ไปไหนไกล ก็จ่ายเป็นเที่ยวๆ เอาดีกว่าครับ

  • May 4, 2015 at 10:48 pm
    Permalink

    รบกวนถามครับ มีแพลนจะไปnikkoนอนที่ utsunomiya 4คืน แล้วกลับมานอนที่คาวากูจิโกะ 3 คืน ตอนนี้มีปัญหาเรื่องพาสมาก ไม่รู้ว่าจะใช้คันโตพาสสองครั้ง ดี หรือว่าใช้คันโต และอะไรอีกพาสดี มีคำแนะนำดีๆหรือไม่ครับ พอดีพาคุณแม่ไป ไม่อยากสมบุกสมบันมากครับ ขอบคุณครับ

  • May 4, 2015 at 11:21 pm
    Permalink

    ตอบคุณ wan win win

    ไป Nikko 4 คืน แต่พักที่ utsunomiya ไกลไปหน่อยนะครับ ว๊ธีที่สบายที่สุดก็ซื้อ JR Kanto Pass 3+3 วันครับ เดินทางแบบสบายๆ ด้วย Shinkansen วันที่เหลือก็ใช้ Suica เอา

    แต่ถ้าอยากประหยัดก็นั่งรถไฟธรรมดา JR Utsunomiya Line ในเส้นทาง Ueno –> Utsunomiya ก็พอจะประหยัดได้นิดหน่อย ส่วน Kawaguchiko ก็นั่งรถบัส

  • May 7, 2015 at 1:57 am
    Permalink

    22-1 June Narita airport 5 people
    23May Arrive 8Am@narita airport นั่งKeisei เข้าเมือง
    24May นั่งรถบัสขึ้นที่ชินจุกุไป kawaguchi-go แล้วเช่ารถขับ2วัน
    25May นอนอีกคืนที่ kawaguchi-go

    26May จาก Kawaguchi-goไป Takayama อยากหารถบัสนั่งเพราะไม่ได้ซื้อตั๋วJRแบบ7วันไว้

    27May จากTakayamaไปนอนที่Toyama ก่อนขึ้นเขาเอากระเป๋าไปฝากแมวดำเพื่อไปส่งที่Matsumoto
    28May Matsumoto ไปTokyo มีรถบัสกลับไหม?
    29May กลับ Tokyo พักcondo ย่าน สถานี Takadanobaba station
    30May พักที่ Tokyo
    31May พักที่ Tokyo
    1June กลับจากสถานีTakadanobaba station ไปสนามบินนาริตะวิธีไหนสะดวกสุด? เครื่องออก10โมง
    จากทริปทั่งหมดควรใช้pass ไหนยังไงคะแล้วเรื่องกระเป๋าเดินทาง27นิ้วเอาขึ้นรถบัสได้ไหมคะ รบกวนด้วยคะ

  • May 7, 2015 at 8:12 am
    Permalink

    ตอบคุณ Tonrak

    ต้องขอโทษด้วยครับ Route ที่คุณ Tonrak ไป ผมเคยไปแค่ Kawaguchiko ไม่มีข้อมูลส่วนอื่นเลยครับ

  • May 27, 2015 at 1:17 am
    Permalink

    จากที่เคยถามไป จะเปนไปได้มั้ยคะ ที่จะแวบไปชิซูโอกะไปดูเทศกาลดอกไม้กับไร่ชาเขียว แล้วค่อยไปฮาโกเน่ใน1วันอ่าคะ เพราะจากที่พักในโตเกียวไปชิซูโอกะ1.30ชม แล้วต่อจากชิซูโอกะไปฮาโกเน่45นาที หรือทันตะเสียเวลาเที่ยวฮาโกเน่ไปคะ

  • May 31, 2015 at 4:20 pm
    Permalink

    รบกวนถามค่ะ เดิน 13-15พค58
    Day 1เดินทางจากนาริตะไป พักแถวชินจูกุ อยู่โตเกียวแต่3วันค่ะ
    Day2วันถัดมา ไปความกูจิโกะต้องซื้อเป็น ตั๋วbusประหยัดสุดใช่ไหมคะ และต้องซื้อล่วงหน้าตามเวปไซด์ หรือไปซื้อที่โตเกียวได้เลยค่ะ
    Day3 shop ย่าน ชินจูกุ
    Day4 เดินทางกลับ
    มีที่แนะนำกับตั๋ว ที่เลือกควรใช้แบบไหนดีคะ

  • June 2, 2015 at 12:26 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Pinkpla

    Day2วันถัดมา ไปความกูจิโกะต้องซื้อเป็น ตั๋วbusประหยัดสุดใช่ไหมคะ และต้องซื้อล่วงหน้าตามเวปไซด์ หรือไปซื้อที่โตเกียวได้เลยค่ะ
    – ใช่ครับ สามารถซื้อล่วงหน้าได้ที่โตเกียวครับ

    เดินทางไม่เยอะแนะนำให้ซื้อตั๋วเป็นเที่ยวๆ ครับ รอบทะเลสาบ Kawaguchiko ก็ซื้อ One day pass Retro bus ครับ

  • June 2, 2015 at 12:33 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Ratchavipa

    ผมว่า Hakone อย่างเดียวก็ใช้เวลาเต็มวันแล้วนะครับ แล้วก็เหนื่อยมากด้วย แนะนำให้แยกวันจะดีกว่าครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *