รีวิวนั่งรถไฟดูภูเขาไฟฟูจิ ที่ทะเลสาบ Kawaguchiko

ว่ากันว่าถ้าจะมาญี่ปุ่นให้ถึงที่ก็ต้องมาเห็น ภูเขาไฟฟูจิ (Mt.Fuji) ภูเขาไฟฟูจิเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น โดยทั่วไปแล้วนักท่องเที่ยวนิยมไปชมภูเขาไฟฟูจิกันอยู่ 2 ที่ ได้แก่ 1. ทะเลสาบคาวากูจิโกะ* (Kawaguchi-ko) 2. ฮาโกเนะ (Hakone)

*ทะเลสาบ “คาวากูจิโกะ” ทะเลสาบนี้คนไทยมักจะเรียกชื่อผิดเป็น “คาวาฟูจิโกะ” ต้องระวังการเรียกชื่อด้วยครับ จะได้ไม่สับสน

ทั้งสองสถานที่นี้สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน แต่มีข้อแตกต่างกันดังนี้ครับ

1. ทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Kawaguchi-ko) เน้นชมวิวแนวธรรมชาติ นั่งรถ Retro bus ชมวิวตามจุดต่างๆ ดูใบไม้เปลี่ยนสี ชมซากุระตามฤดูกาล ทะเลสาบคาวากูจิโกะอยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิมากกว่า ฮาโกเนะ (Hakone) จึงเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ชัดกว่า มีกิจกรรมให้ทำเช่น ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าชมวิว ล่องเรือในทะเลสาบคาวากูจิโกะ เล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุก Fuji-Q Highland

2. ฮาโกเนะ (Hakone) มีกิจกรรมหลายอย่างให้ทำ เช่นล่องเรือโจรสลัด (Hakone Sightseeing Cruise) ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าชมวิว (Hakone Ropeway) ชิมไข่ดำ ข้อเสียของฮาโกเนะคืออยู่ไกลกับภูเขาไฟฟูจิมากกว่าทะเลสาบคาวากูจิโกะ มีภูเขาบัง จึงมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ไม่ชัดเท่าที่ทะเลสาบคาวากูจิโกะ และยังมีเรื่องการเดินทาง เส้นทางเที่ยวของ Hakone ใช้เวลานาน ถ้าไปต่อที่ Gotemba Premium Outlets จะกลับโตเกียว 21.30 น. โดยรวมแล้วฮาโกเนะน่าจะเหมาะกับเด็กๆ เพราะมีกิจกรรมให้ทำเยอะกว่า

รีวิวนี้จะพาไปชมภูเขาไฟฟูจิที่ฝั่งทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Kawaguchi-ko) โดยจะไปเที่ยวแบบเช้าไป – เย็นกลับจากโตเกียว

ภูเขาไฟฟูจิ (Mt.Fuji)

ภูเขาไฟฟูจิ หรือ ฟูจิซัง เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น สูงถึง 3,776 เมตร ด้วยระดับความสูงขนาดนี้สามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิได้จากบนเครื่องบินอย่างชัดเจน หรือ ถ้าจะเทียบความสูงกับดอยอินทนนน์บ้านเรา ยอดดอยอินทนนน์มีความสูง 2,565 เมตร ถือว่าเตี้ยกว่าภูเขาไฟฟูจิเป็นอย่างมาก ภูเขาไฟฟูจิเป็นภูเขาไฟที่มีโอกาสปะทุต่ำ ระเบิดครั้งล่าสุดในปี ค.ศ. 1707 ที่ตั้งของภูเขาไฟฟูจิคลอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัดได้แก่ ชิซุโอคะ (Shizuoka) และ ยามานาชิ (Yamanashi)

รูปทรงของภูเขาไฟฟูจิถือว่าเป็นภูเขาที่มีรูปทรงสวยที่สุดในโลก คือมีความสมมาตรกันทุกด้าน ไม่ว่าจะมองมุมไหนจะไม่มีบิดเบี้ยว ตัวภูเขาทำมุม 45 องศากับพื้นราบ และมีหิมะปกคลุมเป็นสีขาวโพลนที่ยอดภูเขาไฟฟูจิเกือบตลอดทั้งปี คนญี่ปุ่นมีความเชื่อทางด้านศาสนา และ วัฒนธรรมเกี่ยวกับภูเขาไฟฟูจิมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันภูเขาไฟฟูจิจัดว่าเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม

การชมภูเขาไฟฟูจิจะนิยมไปชมที่ทะเลสาบทั้ง 5 รอบภูเขาไฟฟูจิ เนื่องจากว่ามีทิวทัศน์ที่สวยงาม ทะเลสาบทั้ง 5 ได้แก่ Kawaguchi-ko, Sai-ko, Shoji-ko, Motosu-ko และ Yamana-ko

ทำยังไงถึงจะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิอย่างชัดๆ

ภูเขาไฟฟูจิ (Mt.Fuji) ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภูเขาไฟที่ขี้อายมาก ไม่ยอมให้คนเห็นได้ง่ายๆ มักจะมีเมฆ หมอกปกคลุมตลอด ผมมีวิธีง่ายๆ ที่จะทำให้มีโอกาสเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดๆ ตามนี้ครับ

  1. ไปดูภูเขาไฟฟูจิ อย่ากำหนดวันไปแน่นอน
  2. ดูพยากรณ์อากาศแบบวันต่อวัน ให้ search คำว่า “kawaguchiko weather” ใน google ถ้าวันรุ่งขึ้นเป็นรูปพระอาทิตย์แจ่มใส ให้ตรียมตัวไปวันรุ่งขึ้นเลย
  3. ก่อนจะไปให้ดูพยากรณ์อากาศอีกครั้งว่าวันนี้พระอาทิตย์แจ่มใสหรือไม่ ถ้าแจ่มใสเหมือนเดิมก็ออกเดินทางได้เลย
  4. ถ้าจัดโปรแกรมอย่างยืดหยุ่นไม่ได้ ก็พักที่ Kawaguchiko ซัก 1 คืน ที่พัก Kawaguchiko มีหลายโรงแรม ราคาไม่แพง

4 วิธีนี้จะทำให้มีโอกาสได้เจอกับภูเขาไฟฟูจิได้มากขึ้น การไปแล้วไม่เห็นภูเขาไฟฟูจิแล้วจะเสียดายครับ

ตัวอย่างรูปพยากรณ์อากาศ Lake kawaguchi จาก www.google.co.th จะเห็นว่าวันที่ฟ้าใสมี 4 วัน Sat, Sun, Mon, Wed เลือกเอาตามสะดวกว่าจะไปวันไหน ส่วนวันที่ไม่ควรไปเลยก็ Thu เพราะมีฝนตก รับรองว่าได้จะไม่ได้เห็นฟูจิสวยๆ

การเดินทางจากโตเกียวไปทะเลสาบคาวากูจิโกะ

ทางรถยนต์

นั่ง Highway Bus ที่สถานี Shinjuku ไปลงที่สถานี Kawaguchiko รถบัสที่ให้บริการเป็นรถบัสปรับอากาศมีห้องน้ำในตัว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที ในช่วงเวลาที่รถไม่ติด แต่ถ้ารถติดอาจใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง คุมเวลาค่อนข้างยาก ส่วนมากแล้วในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี และ ช่วงซากุระบานจะใช้เวลาเดินทางมาก ค่าโดยสารคนละ 1,700 เยน (ขาเดียว) ควรจองก่อนเดินทาง 1 วัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมคลิ๊ก highway-buses.jp/fuji

ทางรถไฟ

เป็นการเดินทางที่สะดวก รวดเร็ว คุมเวลาได้ดี แต่ต้องไปต่อรถไฟ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางค่อนข้างเยอะ สำหรับคนที่มี JR Pass สามารถนั่งได้ฟรีจนถึงสถานี JR Otsuki และคนที่มี JR Kanto Pass (JR TOKYO Wide Pass) สามารถนั่งได้ฟรีจนถึงสถานี Kawaguchiko เลย

เส้นทาง 1

1. นั่งรถไฟที่สถานี JR Shinjuku สาย Azusa หรือ Kaiji ไปลงที่สถานี JR Otsuki ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง สามารถใช้ JR Pass ได้ ถ้าไม่มี JR Pass ค่าโดยสาร 1,280 เยน

2. จากสถานี Otsuki นั่งรถไฟสาย Fujikyu Railway ไปลงที่สถานี Kawaguchiko ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 1,110 เยน ไม่สามารถใช้ JR Pass ได้

เส้นทาง 2

นั่งรถไฟที่สถานี JR Shinjuku สาย Fuji Excursion นั่งยาวไปได้ถึงสถานี Kawaguchiko ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ใช้ JR Tokyo wide pass นั่งได้ฟรี ส่วน JR Pass ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ขบวนรถไฟสาย Azusa

การขึ้นรถไฟขบวนนี้ต้องขึ้นให้ถูกตู้ดังนี้ครับ

รถไฟจะมีที่นั่งอยู่ 3 แบบ 1. Non reserved seat สำหรับคนไม่ได้จองที่นั่ง (สีเหลือง) 2. reserved seat สำหรับคนที่จองที่นั่ง (สีแดง) 3. Green car ที่นั่งชั้นพิเศษ (สีเขียว) ในแต่ละขบวนอาจจะจัดตู้ที่นั่งไม่เหมือนกันให้ดูที่ตัวรถไฟ หรือไม่ก็ป้ายที่สถานี

เมื่อถึงสถานี Otsuki แล้วให้เดินตามป้าย Fuji-kyuko Line ควรรีบเดินเพราะรถไฟสาย Fujikyu Railway มักจะออกหลังจากที่รถไฟสาย Azusa ถึงไม่นาน

ในสถานี Otsuki มีร้านค้าเล็กๆ 1 ร้าน และห้องน้ำ ให้จัดการทำธุระให้เรียบร้อยเลยครับ เพราะต้องเดินทางอีก 1 ชั่วโมง บนรถไฟสาย Fujikyu Railway ไม่มีห้องน้ำ

ที่จำหน่ายตั๋วรถไฟ Fujikyu Railway บอกพนักงานขายตั๋วว่า “Kawaguchiko” ผู้ใหญ่คนละ 1,110 เยน เด็ก 560 เยน

รถไฟสาย Fujikyu Railway บางขบวนจะ paint สีสวยงามเป็นลายการ์ตูนบ้าง ลายภูเขาไฟฟูจิปากแดงบ้าง วันที่ไปมีหมอกลงจัด อากาศหนาวมากครับ

รถไฟ Fujikyu Railway รอบนี้เป็นรถไฟหน้าตาธรรมดา

ภายในรถไฟนั่งกันสบายๆ คนไม่เยอะ ใต้เบาะจะเป็น heater ถึงอากาศภายนอกจะหนาวแต่ในรถไฟก็อุ่น

รถไฟออกตรงเวลา 8.15 น

รถไฟวิ่งประมาณ 30 นาทีภูเขาไฟฟูจิเริ่มปรากฎตัวให้เห็นแล้ว วันนี้ฟ้าใสเป็นใจมาก สองข้างทางที่รถไฟวิ่งผ่านส่วนมากจะเป็นบ้านคน นาข้าว

สามสถานีสุดท้ายก่อนถึงสถานี Kawaguchiko มีชื่อดังนี้ครับ มือใหม่ต้องดูให้ดีเพราะอาจสับสนได้

Mt.Fuji –> Fujikyu Highland –> Kawaguchiko

  • Mt.Fuji ยังไม่ต้องลง
  • Fujikyu Highland เป็นสถานีสวนสนุก คนจะลงเยอะ รถไฟจะจอดที่นี่สักพัก แล้วหันหัวกลับไม่ต้องตกใจครับ
  • Kawaguchiko ลงสถานีนี้ เป็นสถานีปลายทาง

ที่สถานี Kawaguchiko มีห้องน้ำ, ร้านอาหาร, ร้านขายของ, Locker ใครมีสัมภาระเยอะฝากไว้ที่สถานีรถไฟได้ครับ

หน้าสถานี Kawaguchiko

พอออกจากสถานี Kawaguchiko ให้เดินไปทางขวามือไม่กี่สิบเมตร จะเจอกับ Tourist Information ให้ไปขอแผนที่เส้นทางรถ Retro Bus และตารางรถที่นี่ พนักงานในนี้บริการดีมากๆ ครับ สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี

Tourist Information

แผนที่ Kawaguchiko

ตารางเวลารถ Retro Bus

การไปชมภูเขาไฟฟูจิ รอบทะเลสาบคาวากูจิโกะ

วิธีการที่สะดวกที่สุดคือการนั่งรถ Retro Bus ซึ่งเป็นรถเมล์สายพิเศษที่วิ่งรอบทะเลสาบคาวากูจิโกะ จากสถานีรถไฟ Kawaguchiko ไปยังป้ายสุดท้ายมีทั้งหมด 21 ป้าย กับระยะทาง 6.6 กิโลเมตร แนะนำให้ซื้อตั๋วแบบ One day pass ราคา 1,000 เยน เราจะขึ้น หรือลงตรงป้ายไหนก็ได้ กี่ครั้งก็ได้ใน 1 วัน รถ Retro Bus จะวิ่งมาทุกๆ 30-40 นาที แต่ถ้าไม่ซื้อ One day pass จะจ่ายค่าโดยสารเป็นครั้งก็ได้ แต่ต้องจ่ายเป็นเงิน ไม่สามารถจ่ายด้วยบัตร Pasmo, Suica ได้

นอกจากทะเลสาบคาวากูจิโกะยังมีทะเลสาบไซโกะ (Saiko) เป็นทะเลสาบที่อยู่ไกลจากทะเลสาบคาวากูจิโกะไปอีก หากต้องการไปชมภูเขาไฟฟูจิจากทั้งสองทะเลสาบให้ซื้อ One day pass แบบรวม 2 ทะเลสาบเลย ราคา 1,300 เยน

ตั๋วรถ Retro Bus แบบ One day pass สามารถซื้อบนรถกับคนขับได้เท่านั้น

แผนที่รถ Retro Bus จากเวบ transportation.fujikyu.co.jp สามารถ download file pdf ขนาดใหญ่ได้ที่ link ด้านล่าง

Link. เส้นทางรถ Retro Bus และตารางเวลา

ป้ายหยุดรถที่น่าสนใจ ในเส้นทาง Retro Bus รอบทะเลสาบคาวากูจิโกะ

ในเส้นทางรอบทะเลสาบคาวากูจิโกะมีป้ายหยุดรถทั้งหมด 21 ป้าย เราไม่จำเป็นต้องลงทุกป้าย ลงเฉพาะที่เราสนใจก็พอ จะได้ไม่เป็นการเสียเวลา

  • ป้ายหมายเลข 7 Kawaguchiko Herb Kan ที่จัดแสดงสมุนไพร
  • ป้ายหมายเลข 10 Yuransen Ropeway Iriguchi มีกระเช้าไฟฟ้า Kachi Kachi Ropeway มองเห็นวิวทะเลสาบคาวากูจิโกะและภูเขาไฟฟูจิได้อย่างงดงาม
  • ป้ายหมายเลข 15 Kawaguchiko Bijutsukan
  • ป้ายหมายเลข 17-18 Kawaguchiko Sarumawashi Gekijo Konohana Bijutsu-kan – Kubota Itchiku Bujutsu-kan มีทางเดินเลียบทะเลสาบมีต้นซากุระอยู่ริมทางเดิน มองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน ในหน้าซากุระจะมีซากุระบานสะพรั่ง และในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะมีอุโมงค์เมเปิ้ลสีแดงสดเป็นแนวยาวอยู่ริมถนน นอกจากนั้นจะมีร้านขายของของชาวบ้านแถวนั้น ขายของกิน ผัก ผลไม้ ส้ม กล้วย แอปเปิ้ลในราคาไม่แพง
  • ป้ายหมายเลข 21 Kawaguchiko Shizen Seikatsukan ป้ายสุดท้ายของทะเลสาบคาวากูจิโกะมี Natural Living Center ร้านขายของที่ระลึก ของฝาก มีที่นั่งทานกาแฟ softcream จุดนี้ก็สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน

Tip. เวลาลงเที่ยวในแต่ละจุดให้ดูตารางเวลาที่รถจะมาในรอบถัดไปด้วย จะได้ไม่เสียเวลารอรถ กว่ารถ Retro Bus จะมาครั้งนึงก็ 30-40 นาที

นอกจากการนั่ง Retro Bus แล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมรอบทะเลสาบ Kawaguchiko ได้ด้วยวิธีเช่าจักรยาน หรือเช่ารถยนต์ โดยจักรยานสามารถเช่าได้กับโรงแรม ที่พักที่อยู่รอบทะเลสาบ ส่วนวิธีการเดินเท้ารอบทะเลสาบเป็นวิธีที่ไม่แนะนำ เพราะระยะทางจาก สถานีรถไฟ Kawaguchiko ไปยังป้ายรถเมล์สุดท้ายของทะเลสาบ Kawaguchiko (จุดชมภูเขาไฟฟูจิที่สวยที่สุด) มีระยะทางถึง 6.6 กิโลเมตร

หลังจากได้ข้อมูลและตารางรถจาก Tourist Information มาแล้ว เราก็มารอรถ Retro Bus ที่ป้ายหมายเลข 1 หน้าสถานี Kawaguchiko

การรอขึ้นรถเมล์ของคนญี่ปุ่น จะยืนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ และเมื่อรถมาแล้ว จะยังไม่เดินไปที่ประตูรถ เค้าจะรอคนลงจนหมด แล้วคนขับจะบอกว่าให้ขึ้นได้ เค้าถึงจะเดินเรียงขึ้นรถกัน ประเทศนี้ระเบียบ วินัยอยู่ในสายเลือดเลยครับ

ขึ้นรถมาแล้วเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบเลย ถ้าที่นั่งเต็มก็ยืนได้ เบาะรถ Retro bus ค่อนข้างแคบครับ เข่าติดเบาะหน้าเลย

ก่อนที่จะถึงป้ายหน้าจะมีภาษาญี่ปุ่นบอก แล้วตามด้วยภาษาอังกฤษว่าป้ายหน้าชื่ออะไร ใครจะลงก็กดกริ่งได้เลย

ของผมนั่งยาวมาลงที่ป้าย 21 เป็นป้ายสุดท้าย และซื้อ One day pass กับคนขับเลย ราคาคนละ 1,000 เยน

หน้าตารถ Retro Bus ครับ หน้าตาออกแนวย้อนยุค รถสวย น่ารักดี แต่บางช่วงที่รถไม่พอก็อาจมีรถบัสธรรมดามาวิ่งเป็น Retro Bus ดังนั้นต้องสังเกตป้ายเอาครับ

ลงจากรถปุ๊บรีบวิ่งเข้าไปหาภูเขาไฟฟูจิเลย เห็นได้เต็มๆ ฟ้าใส ไร้เมฆ สวยงามมากครับ ยิ่งใหญ่เกินบรรยาย จากจุดที่เรายืนอยู่นั้นห่างจากยอดภูเขาไฟฟูจิเกือบ 20 กิโลเมตร แต่รู้สึกเหมือนว่าอยู่ใกล้มาก แต่น่าเสียดายว่ามุมจากทะเลสาบคาวากูจิโกะไปยังภูเขาไฟฟูจิย้อนแสงทุกมุม เหมือนว่าพระอาทิตย์ที่นี่ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เราสามารถถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิได้ แต่ถ้าถ่ายคนคู่ด้วยหน้าคนจะดำต้องยิงแฟลชช่วย

วันที่ไปอุณหภูมิประมาณ 10 องศา แต่ยอดภูเขาไฟฟูจิมีหิมะปกคลุมเป็นสีขาว

หลังจากยืนชมฟูจิซังจนเต็มอิ่มแล้วก็เข้าไปดูของในร้านขายของที่ระลึกที่อยู่ข้างทะเลสาบ

ในร้านก็จะมีขนม ของกิน ตุ๊กตาฟูจิซัง พวงกุญแจ ร่ม พัด

ส่วนมุม Cafe ก็จะมีกาแฟ แก้วละ 400-450 เยน น้ำบลูเบอร์รี่, พีช 450 เยน และที่นิยมทานกันก็ไอศครีม Softcream มีรสบลูเบอร์รี่ กับวนิลา บลูเบอร์รี่ & วนิลา ราคาโคนละ 300 เยน

รสชาติไอศครีมก็อร่อยดีครับแต่ราคาแพงไปหน่อย

ที่นั่งทาน คนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยชอบเดินทานกัน มักจะยืน หรือนั่งทานให้เสร็จแล้วค่อยไป

ตรงนี้น่าจะเป็นภูเขาไฟฟูจิจำลอง มีแต่ภาษาญี่ปุ่นติดไว้อ่านไม่ออก

ป้ายหมายเลข 21 Kawaguchiko Shizen Seikatsukan จากนั้นเราก็มานั่งรอ Retro Bus นั่งไปลงที่ป้าย 18 คนญี่ปุ่นเข้าแถวกันเป็นระเบียบ ตอนนี้เรามีบัตร One day pass แล้ว เวลาลงรถก็แสดงบัตรให้คนขับรถดู

ป้ายหมายเลข 17-18 Kawaguchiko Sarumawashi Gekijo Konohana Bijutsu-kan – Kubota Itchiku Bujutsu-kan เป็นแหล่งดูใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในทะเลสาบคาวากูจิโกะ แต่ช่วงที่เราไปเป็นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ใบไม้เริ่มร่วงไปเยอะแล้ว ช่วงที่สวยที่สุดน่าจะเป็นช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ใบไม้กำลังแดงสวย ภูเขาไฟฟูจิก็เริ่มจะมีหิมะปกคลุมยอดแล้ว

อากาศหนาวๆ แบบนี้นั่งตากแดดแล้วรู้สึกอบอุ่นสบาย ใบไม้เปลี่ยนสียังพอมีให้เห็นบ้าง

เห็นวิวภูเขาไฟฟูจิในมุมต่างๆ อดใจไม่ไหวต้องถ่ายรูปกลับมา แต่ละมุมก็สวยไม่เหมือนกัน ขึ้นกับว่าจะเห็นภูเขาไฟฟูจิคู่กับอะไร

จากป้าย 18 เราเดินไปเรื่อยๆ ไปหาป้าย 17 ระหว่างทางมีอะไรให้ชมเพลินๆ

อุโมงค์เมเปิ้ลที่ขึ้นชื่อว่าแดงสด งดงาม วันนี้ใบร่วงไปเกือบหมดแล้ว

เดินข้ามถนนไปยังฝั่งริมทะเลสาบ

ริมทะเลสาบจะเป็นแนวซากุระทั้งแนว ตอนนี้ทิ้งใบหมดแล้ว เดือนเมษายนคงจะออกดอกสวยงาม

คาวากูจิโกะเที่ยวได้ทั้งช่วงใบไม้เปลี่ยนสี และช่วงซากุระ สวยงามคนละแบบ

เต๊นท์ตรงนี้มีผัก ผลไม้มาขาย ราคาถูกกว่าในโตเกียว แนะนำให้ลองชิมส้มดูถุงละ 300 เยน น่าจะประมาณ 1.5 กิโลกรัม ส้มญี่ปุ่นจะเนื้อนิ่ม น้ำเยอะ หวาน อร่อย ไม่ค่อยมีกาก

แอปเปิ้ลถุงละ 600 เยน มีประมาณ 6 ลูก ส่วนมากแล้วผลไม้เค้าจะแพงกว่าบ้านเรา

เราเดินมาถึงป้ายที่ 17 เดี๋ยวจะรอรถที่ป้ายนี้ไปลงที่ป้ายหมายเลข 10 Yuransen Ropeway Iriguchi เป็นสถานีกระเช้า

ฝาท่อของเมืองนี้เป็นรูปภูเขาไฟฟูจิ paint สีทำลายสวยดีครับ

ระหว่างรอรถ Retro bus ด้วยความสงสัยในทิศว่าพระอาทิตย์อยู่ที่ทิศไหนกันแน่เลยดูเข็มทิศใน Iphone พบว่าพระอาทิตย์อยู่ที่ทิศใต้ครับ ทำเอางงเลย

ป้ายหมายเลข 10 Yuransen Ropeway Iriguchi กระเช้าไฟฟ้า Mt.Kachi Kachi Ropeway มองเห็นวิวทะเลสาบคาวากูจิโกะและภูเขาไฟฟูจิได้อย่างงดงาม สัญลักษณ์ของกระเช้านี้เป็นรูปกระต่าย

ใครมีสัมภาระเยอะฝากที่ Locker ได้

ข้อมูลท่องเที่ยว ภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ

กระเช้าเปิดให้บริการเวลา 9.00-17.10 น. และออกทุกๆ 5-10 นาที ใช้เวลาขาละ 3 นาที แต่ถ้าเดินเท้าต้องใช้เวลาถึง 40 นาที

ค่าโดยสารไป-กลับ. ผู้ใหญ่ 700 เยน เด็ก 350 เยน

หน้าตากระเช้าเป็นแบบนี้ครับ รอบนึงจุได้หลายคน วิวที่ด้านบนมองเห็นวิวทะเลสาบคาวากูจิโกะ, ภูเขาไฟฟูจิ และสวนสนุก Fujikyu Highland

ที่ฝั่งตรงข้ามกระเช้ามีล่องเรือทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Pleasure boat) แต่จะไม่เห็นวิวภูเขาไฟฟูจินะครับ มีภูเขามาบัง

ค่าลงเรือ. ผู้ใหญ่ 900 เยน เด็ก 450 เยน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที

เรือถีบรูปหงส์อันนี้ไม่ทราบราคา

ริมถนนบริเวณป้ายหมายเลข 10 จะเต็มไปด้วยร้านขายของฝาก ทัวร์ชอบมาลงที่จุดนี้ มีรถบัสมาจอดเป็น 10 กว่าคันเลย ทัวร์คนญี่ปุ่นก็มากันเยอะ

ร้านอาหารบริเวณนี้จะมีแต่ร้านราคาแพงๆ หน่อย นั่งกินเป็นเรื่องเป็นราว พวกราเมงจานด่วน หรือร้านตู้กดไม่มีให้เห็น

สุดท้ายก็เข้า Lawson ที่พึ่งยามยากของเรา ซื้อข้าวกล่อง ไก่ทอดมานั่งกินกันแบบ ฟินๆ ในราคาเบาๆ ข้างทะเลสาบ

กินเสร็จก็มานั่งรอรถ Retro bus กลับไปยังสถานีรถไฟ Kawaguchiko

เมื่อมาถึงสถานีแล้วก็แวะร้านขายของฝากในสถานีรถไฟ Kawaguchiko มีโปสการ์ด, ขนมหลากหลายแบบ มีร้านอาหารในนี้ด้วย

ที่สถานีนี้มี KitKat รสพิเศษ Strawberry cheese cake น่าจะหาซื้อได้เฉพาะสถานีนี้เท่านั้น กล่องเป็นรูปภูเขาไฟ กล่องนึงมี 9 ชิ้น ราคากล่องละ 630 เยน เห็นหายากแบบนี้แต่ก็มีคนหิ้วมาขายที่ไทยด้วยครับกล่องละ 500-600 บาท อัพราคาไปเยอะเลย

จากนั้นเราก็นั่งรถไฟสาย Fujikyu Railway ไปลงสถานี JR Otsuki แล้วต่อรถไฟกลับเข้าโตเกียว รีวิวดูภูเขาไฟฟูจิ ที่ทะเลสาบ Kawaguchiko ขอจบเพียงเท่านี้ครับ 🙂

สรุปค่าเดินทางจากโตเกียวไปดูภูเขาไฟฟูจิ ที่ทะเลสาบ Kawaguchiko (คนละ)

ขาไป JR Shinjuku –> JR Otsuki = Fare 1,280 + Seat Fee 900 = 2,180 เยน (ใช้ JR Pass / JR TOKYO Wide Pass ได้)

Otsuki –> Kawaguchiko = 1,110 เยน (ใช้ JR Pass ไม่ได้ /JR TOKYO Wide Pass ได้)

ค่ารถ Retro Bus แบบ One day pass = 1,000 เยน

ขากลับ Kawaguchiko –> Otsuki = 1,110 เยน (ใช้ JR Pass ไม่ได้ /JR TOKYO Wide Pass ได้)

JR Otsuki –> JR Shinjuku = Fare 1,280 + Seat Fee 900 = 2,180 เยน (ใช้ JR Pass / JR TOKYO Wide Pass ได้)

: : รวมค่าเดินทางในกรณีที่ไม่มี JR Pass = 7,160 เยน

: : รวมค่าเดินทางในกรณีที่มี JR Pass = 3,220 เยน

: : รวมค่าเดินทางในกรณีที่มี JR TOKYO Wide Pass = 1,000 เยน

ที่พักใกล้ทะเลสาบ Kawaguchiko

ที่พักใกล้ทะเลสาบ Kawaguchiko จะอยู่บริเวณสถานีรถไฟ Kawaguchiko ไปจนถึงรอบทะเลสาบ Kawaguchiko โดยจะหนาแน่นบริเวณรอบทะเลสาบ ป้ายรถประจำทางหมายเลข 4-14 ที่พักเกือบทุกที่สามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิได้จากที่พัก

ที่พักยอดนิยม

Kawaguchiko Station Inn อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟ Kawaguchiko มองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้จากที่พัก สะดวกในการเดินทาง คนไทยนิยมไปพัก เป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่น มีออนเซน ห้องน้ำรวม ควรจองล่วงหน้านานๆ ค่าห้องเริ่มต้นที่ 4,200 เยน (ประมาณ 1,344 บาท)
Plaza Inn Kawaguchiko ที่พักแบบโรงแรม อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟ Kawaguchiko ใกล้ 7-eleven มองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้จากที่พัก ค่าห้องเริ่มต้นที่ 1,600 บาท
Koe House ห้องพักแบบญี่ปุ่น อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟ Kawaguchiko ราคาประหยัด พนักงานเป็นกันเอง มีที่พักแบบนอนรวม และห้องส่วนตัว ค่าห้องเริ่มต้นที่ 690 บาท
การเดินทางจาก Kawaguchiko ไปยังที่ต่างๆ
  • ภูเขาไฟฟูจิชั้น 5 (Kawaguchiko 5th Station)

นั่งรถบัสหน้าสถานี Kawaguchiko station ค่ารถขาเดียว 1,500 เยน ใช้เวลา 50 นาที ตั๋วไป-กลับ ราคา 2,000 เยน มีรถวิ่งวันละ 11-16 รอบในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม และวันละ 5 รอบในช่วงกลางเดือนมีนาคม – ต้นเดือนธันวาคม ในช่วงที่มีหิมะตกหนัก ฝนตกหนักอาจไม่มีให้บริการ

  • Pagoda Chureito (เจดีย์แดง 5 ชั้นที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ)

นั่งรถไฟสาย Fujikyu railway จากสถานี Kawakuchiko มา 2 สถานี ลงที่สถานี Shimoyoshida แล้วเดินต่ออีกประมาณ 20-30 นาที ค่าโดยสาร 290 เยน

  • Hakone

ขึ้นรถบัสจากสถานี Kawaguchiko station ไปสถานี Gotemba station ราคา 1,470 เยน เดินเข้าสถานีแล้วข้ามสะพานลอยไปฝั่งตรงข้าม รอรถไป Togendai ราคา 930 เยน ลงรถก็จะเจอกับทะเลสาปอาชิ รวมใช้เวลาประมาณ 1.45 – 2 ชั่วโมง

  • Osaka – Kyoto

มีรถ Night bus ของ บ. Fujikyu Expressway Bus ให้บริการ รถออกจากสถานีรถไฟ Kawaguchiko เวลา 20.52 น. ถึงเกียวโตเวลา 5.57 น. และโอซาก้า 6.53 น. ค่าโดยสารไปเกียวโต 6,700 เยน และ โอซาก้า 7,200 เยน ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

อุณหภูมิเฉลี่ย 12 เดือน และเทศกาลในเดือนต่างๆ

อุณหภูมิรอบทะเลสาบ Kawaguchiko ค่อนข้างเย็นเกือบทั้งปี โดยจะเริ่มมีหิมะที่ยอดภูเขาไฟฟูจิตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม, ใบไม้เปลี่ยนสีจะเริ่มมีในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน และซากุระจะบานในช่วงกลางเดือนเมษายน

มกราคม -6 ถึง 5 องศา มีหิมะที่ยอดภูเขาไฟฟูจิ, หิมะปกคลุมที่พื้นรอบทะเลสาบ Kawaguchiko
กุมภาพันธ์ -5 ถึง 6 องศา มีหิมะที่ยอดภูเขาไฟฟูจิ, หิมะปกคลุมที่พื้นรอบทะเลสาบ Kawaguchiko, ในปีที่หิมะตกหนักมาก รถบัส รถไฟ อาจหยุดให้บริการ มาเที่ยวเดือนนี้ต้องตรวจเช็คสภาพอากาศตลอดเวลา
มีนาคม -2 ถึง 9 องศา มีหิมะที่ยอดภูเขาไฟฟูจิ อากาศเริ่มอุ่นขึ้น
เมษายน 3 ถึง 15 องศา มีหิมะที่ยอดภูเขาไฟฟูจิ, ซากุระบานรอบทะเลสาบ ช่วงกลางเดือนเมษายน หรือช่วงสงกรานต์
พฤษภาคม 8 ถึง 20 องศา มีหิมะที่ยอดภูเขาไฟฟูจิ และค่อยๆ น้อยลง ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมของทุกปีจะเป็นช่วงที่ดอกพิงค์มอสออกดอกสีชมพูสวยงาม คนนิยมไปดูทุ่งพิงค์มอส หรือดอกชิบะซากุระ ในงานเทศกาล Fuji Shibazakura ที่ตั้งของงานจะอยู่ห่างจากทะเลสาบ Motosu ประมาณ 3 กิโลเมตร ไปทาง Fujinomiya ในเส้นทาง 139 มีรถบัสจากสถานี Kawaguchiko ไปงาน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
มิถุนายน 13 ถึง 22 องศา เข้าสู่หน้าร้อน หิมะที่ยอดภูเขาไฟฟูจิ และค่อยๆ น้อยลงจนเกือบหมด หรือ อาจจะหมดตอนสิ้นเดือน มีฝนตกเป็นบางวัน

มีดอก Lavender บานริมทะเลสาบ และมีงาน Kawaguchiko Herb Festival

กรกฎาคม 17 ถึง 26 องศา ถ้าโชคดีอาจได้เห็นหิมะที่หลงเหลืออยู่ที่ยอดภูเขาฟูจิ ช่วงต้นเดือน มีฝนตกเป็นบางวัน

เปิดเส้นทางปืนขึ้นภูเขาไฟฟูจิ ผู้ที่สนใจให้นั่งรถบัสไปที่ Kawaguchiko ชั้น 5 แล้วเดินเท้าจนถึงยอดฟูจิ

สิงหาคม 17 ถึง 27 องศา มีฝนตกเป็นบางวัน

มีเทศกาลจุดพลุรอบทะเลสาบทั้ง 5

กันยายน 14 ถึง 23 องศา มีฝนตกเป็นบางวัน อากาศเริ่มเย็นขึ้น
ตุลาคม 7 ถึง 17 องศา เริ่มมีหิมะที่ยอดภูเขาไฟฟูจิช่วงปลายเดือนตุลาคม และเริ่มมีใบไม้เปลี่ยนสีตั้งช่วงปลายเดือนตุลาคม
พฤศจิกายน 1 ถึง 13 องศา มีหิมะที่ยอดภูเขาไฟฟูจิ, ใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามในช่วง 2 – 3 สัปดาห์แรกและจะค่อยๆ โรยลงหลังจากสัปดาห์ที่ 4
ธันวาคม -4 ถึง 8 องศา มีหิมะที่ยอดภูเขาไฟฟูจิ, และอาจมีหิมะตกในช่วงปลายเดือนธันวาคม เดือนนี้ฟ้าค่อนข้างใสมีโอกาสเห็นฟูจิได้มากกว่าเดือนอื่น

รีวิว Kawaguchiko ในหน้านี้ เป็นข้อมูลที่ไปมาในปี 2013 ราคาค่าโดยสาร ค่าเข้า และหมายเลขป้ายหยุดรถรอบทะเลสาบ อาจเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หากต้องการข้อมูลที่อัพเดท ให้ดูรายละเอียดในหน้านี้ ภูเขาไฟฟูจิ คาวากูจิโกะ

วันที่ 1: เดินทางกรุงเทพฯ – โตเกียว A380 การบินไทย นอนโตเกียว
วันที่ 3: เที่ยวนารา เมืองแห่งกวาง ดูใบไม้เปลี่ยนสี นอนโอซาก้า ไปเช้า-เย็นกลับ
วันที่ 4-5: เที่ยวเกียวโต ชมศาลเจ้า วัดเก่า ใบไม้เปลี่ยนสี
วันที่ 6: นั่ง Shinkansen กลับโตเกียว เที่ยวโอไดบะ โตเกียว
วันที่ 7: เที่ยว Kawaguchiko ดูภูเขาไฟฟูจิ ใบไม้เปลี่ยนสี ไปเช้า-เย็นกลับ
วันที่ 8: เที่ยว Nikko เมืองแห่งมรดกโลก สุสานโชกุน นอนโตเกียว ไปเช้า-เย็นกลับ
วันที่ 9: เที่ยว Mitake ตามรอยละคร “ข้างหลังภาพ” ดูใบไม้แดง
วันที่ 11: ชิบูย่า รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ ซื้อของฝากในสนามบิน บินกลับไทย
สรุปค่าใช้จ่ายเที่ยวญี่ปุ่น 11 วัน ค่าเครื่องบิน โรงแรม อาหาร ค่าเดินทาง ฯลฯ

Post Views 239558

admin

นักเขียนประจำ emagtravel.com

231 thoughts on “รีวิวนั่งรถไฟดูภูเขาไฟฟูจิ ที่ทะเลสาบ Kawaguchiko

  • June 9, 2015 at 9:38 pm
    Permalink

    สอบถามค่ะ
    1. ขากลับจาก Kawaguchikoค่ะ ถ้านั่งรถไฟยาวจากสถานีKawaguchiko มาที่Shinjukuเลย ในhyperdia มีรถสาย Yamanashi-fuji 4 รถสายนี้สามารถใช้Kanto passได้มั้ยคะ
    2. ถ้าซื้อบัตร one day passของjr สามารถใช้ไปKawaguchiko ได้มั้ยคะ นั่งสายไหนได้บ้าง
    ขอบคุณค่ะ

  • June 10, 2015 at 4:13 pm
    Permalink

    ตอบคุณ gif

    1. ขากลับจาก Kawaguchikoค่ะ ถ้านั่งรถไฟยาวจากสถานีKawaguchiko มาที่Shinjukuเลย ในhyperdia มีรถสาย Yamanashi-fuji 4 รถสายนี้สามารถใช้Kanto passได้มั้ยคะ

    – Kanto area pass ไม่สามารถนั่ง Yamanashi-fuji ได้ครับ แนะนำให้นั่ง Fujikyu Railway แทนครับ ใช้ Kanto area pass ได้

    2. ถ้าซื้อบัตร one day passของjr สามารถใช้ไปKawaguchiko ได้มั้ยคะ นั่งสายไหนได้บ้าง

    – หมายถึง Tokunai pass ใช่ไหมครับ Pass นี้ครอบคลุมพื้นที่ในโตเกียวเท่านั้นครับ ไม่สามารถไป Kawaguchiko ได้ ดูเส้นทางได้ในนี้ครับ https://www.emagtravel.com/archive/tokunai-pass.html

  • September 3, 2015 at 4:35 pm
    Permalink

    รบกวนสอบถามเรื่องค่าเดินทางค่ะ
    ที่ระบุว่า ขาไป JR Shinjuku –> JR Otsuki = Fare 1,280 + Seat Fee 900 = 2,180 เยน
    ขอสอบถามว่า seat fee 900 นี่หมายถึงอะไรคะ

  • September 3, 2015 at 4:46 pm
    Permalink

    ตอบคุณ akiko

    seat fee คือค่าธรรมเนียมที่นั่งครับ รถไฟขบวนพิเศษ (limited express) Azusa หรือ Kaiji จะมีค่าธรรมเนียมนี้ทุกที่นั่ง

  • September 3, 2015 at 8:37 pm
    Permalink

    ขอบคุณมากนะคะ อ่านแล้วได้ประโยชน์มากเลยค่ะ

  • September 30, 2015 at 3:44 pm
    Permalink

    ถ้ามี JR Pass ก็สามารถนั่งสาย Yamanashi-fuji 4 ได้ใช่ไหมครับ

  • September 30, 2015 at 3:54 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Ratta

    ไม่ทราบว่าเดินทางจากไหน ไปไหน เดินทางวันที่เท่าไหร่ครับ

  • September 30, 2015 at 4:06 pm
    Permalink

    วันที่ 22/11/58จาก Kawaguchiko เวลา 17.27 ไป Shinjuku เวลา 20.21 ครับ / ขอบคุณครับ

  • September 30, 2015 at 4:13 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Ratta

    JR Pass ใบใหญ่ ไม่สามารถใช้เดินทางระหว่าง Kawaguchiko และ Otsuki ได้ครับ ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ส่วน Otsuki ไปยัง Shinjuku ใช้ JR Pass ได้ตลอดครับ

    ส่วน Kanto Area Pass ใบนี้ใช้เดินทาง Kawaguchiko – Shinjuku ได้ โดยไม่ต้องเพิ่มเงินเลย

  • September 30, 2015 at 4:23 pm
    Permalink

    ขอบคุณครับ
    แต่ผมดูใน Hyperdia แล้ว ขาไปเป็นอย่างที่ admin บอกไว้ แต่ผมมาดูขากลับ ปรากฎว่าไม่เสียเงินผมเลยแปลกใจครับ ตาม link นี้ครับ

    http://www.hyperdia.com/cgi/en/search.html?dep_node=KAWAGUCHIKO&arv_node=UENO&via_node01=&via_node02=&via_node03=&year=2015&month=11&day=22&hour=17&minute=00&search_type=0&search_way=&transtime=undefined&sort=0&max_route=10&faretype=0&airplane=off&ship=off&sprnozomi=off&bus=off&lmlimit=null&search_target=route&facility=reserved&sum_target=7

  • September 30, 2015 at 4:32 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Ratta

    ขอโทษนะครับ ดูจากตรงไหนครับที่ไม่เสียเงิน ผมดูข้อมูลเพิ่มในหน้านี้ http://jprail.com/travel-informations/seasonal-trains-schedule/schedule-of-2014-summer-seasonal-trains-of-japan-railways.html

    เค้าว่า Kawaguchiko – Otsuki ต้องจ่ายเพิ่มครับ

    ————————————————–

    Rapid Holiday Kaisoku Fujisan / Rapid Yamanashi Kaisoku Fujisan

    This train connects Shinjuku with Lake Kawaguchi directly. You don’t need to transfer the trains at Otsuki. But if you use this train by Japan Rail Pass or JR East Pass, basic fare between Otsuki and Lake Kawaguchi is not covered. If you use Kanto Area Pass, all part of fares is covered fully.

  • September 30, 2015 at 4:46 pm
    Permalink

    ดูจาก Hyperdia ครับ ส่วนเรื่องเสียเงินก็เสียครับ แค่แปลกใจว่าขามาเสียเงิน แต่ทำไมขากลับ Hyperdia ถึงวงเล็บกว้างๆ ต่างจากขามาที่มี 2 วงเล็บ ผมถึงหาข้อมูลเพิ่มเติมจนมาถามในเวปคุณนี่แร่ะครับ

  • September 30, 2015 at 4:49 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Ratta

    ถ้าอย่างนั้นคงต้องลองแล้วครับ ได้ก็ดี เสียก็ไม่เป็นไร 🙂

  • October 10, 2015 at 11:32 pm
    Permalink

    สวัสดีคะ
    รบกวนขอคำแนะนำ กำลังวางแผนไปเที่ยวกับคุณแม่ 2-10 พย นี้ โดยเริ่มจาก โตเกียวคะ จะไปแน่ๆ คือ Nikko, Lake Kawaguchiko, Kyoto และ Osaka คะ โดยจะไปเที่ยว Kyoto วันท้ายๆ อยากทราบว่าควรจัดลำดับการเดินทางไปไหนก่อนดีคะ ขอบคุณมากคะ

  • October 11, 2015 at 10:51 am
    Permalink

    ตอบคุณ Hommie

    ไปได้ 2 แบบครับ แบบประหยัด กับ แบบสบาย

    แบบประหยัด
    – Tokyo, Nikko กลับมา Tokyo , Lake Kawaguchiko นั่ง Night bus ยาวไป Osaka, Kyoto

    แบบสบาย
    – Tokyo, Nikko กลับมา Tokyo, Lake Kawaguchiko กลับมาค้าง Tokyo 1 คืน วันรุ่งขึ้นนั่ง Shinkansen ไป Osaka, Kyoto

    ช่วงที่คุณไปน่าจะจะได้เห็นในไม้เปลี่ยนสีที่ Nikko โซนมรดกโลก ควรเผื่อเวลาตรงนี้ให้มากหน่อยครับ

  • October 12, 2015 at 4:36 pm
    Permalink

    สอบถามค่ะ จากที่เห็นตอบคุณ Hommie เพราะ กำลังวางแผนไป kyoto หลังจากไป Kawaguchiko

    แบบประหยัด
    – Tokyo, Nikko กลับมา Tokyo , Lake Kawaguchiko นั่ง Night bus ยาวไป Osaka, Kyoto

    Night bus ยาวไป Osaka, Kyoto สามารถจองหรือซื้อได้ที่ไหนค่ะ มีตารางเวลาไหมคะ

  • October 13, 2015 at 10:53 am
    Permalink

    ขอบคุณคะ

  • October 14, 2015 at 12:22 am
    Permalink

    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากๆๆ คะ ช่วยได้เยอะมากคะ ขอบคุณคะ

  • October 15, 2015 at 9:29 pm
    Permalink

    ขอทราบวิธี reserve seat ของรถไฟขบวนต่างๆที่สามารถใช้ Kanto Pass ได้ ด้วยครับ เนื่องจากข้อมูลที่อ่านเจอว่ารถไฟบางสายมีเฉพาะ reserved seat เท่านั้น เช่น สายTobu Nikko ผมเข้าใจถูกหรือไม่ครับ

  • October 15, 2015 at 10:16 pm
    Permalink

    ตอบคุณ SCL

    ขอทราบวิธี reserve seat ของรถไฟขบวนต่างๆที่สามารถใช้ Kanto Pass ได้ ด้วยครับ

    ขั้นตอนการ Reserve seat สำหรับผู้มี JR Kanto are pass, JR Pass

    1. จดขบวนรถไฟที่ต้องการจอง ออกจากสถานี? – ถึงสถานี? วัน, เวลา ใส่กระดาษ
    2. ไปที่ Ticket Office ของสถานี JR สถานีใหญ่ เช่น JR Tokyo, JR Shinjuku แล้วบอกกับพนักงานว่าต้องการจองที่นั่งรถไฟดังนี้ พร้อมยื่นกระดาษ + JR Kanto are pass + Passport
    3. พนักงานจะออกตั๋วให้ เป็นอันเสร็จสิ้นการจองที่นั่ง

    เนื่องจากข้อมูลที่อ่านเจอว่ารถไฟบางสายมีเฉพาะ reserved seat เท่านั้น เช่น สายTobu Nikko ผมเข้าใจถูกหรือไม่ครับ

    เข้าใจผิดครับ Tobu Nikko ไม่ใช่ของ JR ครับ

  • October 16, 2015 at 11:08 pm
    Permalink

    ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ การจองที่นั่งควรทำล่วงหน้าสักกี่วันครับ สำหรับTobu Nikko ผมขอยกเอาข้อมูลจากWeb Site http://www.tiewyeepoon.com/hot-topics/update/new-jr-kanto-pass/ ว่า”ประกาศจากบริษัท JR EAST ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2014 เป็นต้นไป JR Kanto Pass จะมีการปรับราคาขึ้นเป็น 8,300 เยน (จากเดิม 8,000 เยน) แต่ที่น่าสนใจคือ นักท่องเที่ยวสามารถใช้พาสนี้เดินทางด้วยรถไฟของบริษัท Tobu Railways ได้แล้ว (จากที่ก่อนหน้านี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) โดยสายรถไฟที่นักท่องเที่ยวชาวไทย น่าจะรู้จักกันดีก็คือ Nikko, Kinugawa และ Spacia Kinugawa อ่านรายละเอียดของ JR Kanto Pass เพิ่มเติมได้ >>>ที่นี่<<<" ขอบคุณครับ

  • October 17, 2015 at 12:24 pm
    Permalink

    ตอบคุณ SCL

    ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ข้อมูลนี้เพิ่งก็เพิ่งรู้ครับ

    การไป Nikko สำหรับผู้มี JR Kanto Area pass สามารถไปได้ 2 แบบ ดังนี้ครับ

    1. นั่ง Shinkansen Yamabiko จากสถานี JR Ueno ไปลงสถานี JR Utsunomiya แล้วต่อรถไฟสาย Nikko Line ไปลงยังสถานี JR Nikko สามารถใช้ JR Kanto Area pass ได้หมด (มีข้อดีคือได้นั่ง Shinkansen)
    2. นั่งรถไฟ Limited express จากสถานี JR Shinjuku ยาวไปยังสถานี Tobu-Nikko เส้นทางนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง JR กับ Tobu รถไฟอันนี้แหล่ะครับที่เพิ่งประกาศใช้ได้กับ JR Kanto Area pass

    ส่วนเรื่องการจองที่นั่งตามหลักแล้วยิ่งจองนานเท่าไหร่ก็ยิ่งดี แต่ถ้าไม่ได้ไปช่วงพีคของ Nikko คิดว่าไม่จำเป็นต้องจองครับ เลื่อกที่นั่งเอาเองน่าจะถูกใจกว่า

  • October 18, 2015 at 4:18 pm
    Permalink

    ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ได้อาศัยข้อมูลที่คุณได้ post ไว้เอาไปวางแผนการเดินทาง ช่วยได้มากเลยครับ จะไปกัน 2 คน ตายาย ช่วงปลายเดือน พฤศจิกายน ต่อ ต้นเดือนธันวาคม 2558 เป็นการเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งแรกร่วมๆ 30 ปี รู้สึกว่าเปลี่ยนไปเยอะมากๆ หากมีอะไรน่าสนใจจะนำมาแบ่งปันกันครับ

  • October 18, 2015 at 7:34 pm
    Permalink

    ตอบคุณ SCL

    เที่ยวให้สนุกครับ 🙂

  • October 26, 2015 at 3:13 pm
    Permalink

    สงสัยว่า ถ้าจะนั่งรถไฟตรงไปkawaguchikoเลย จากshinjuku ถ้ามีjr kanto pass
    เที่ยวholiday rapid mt.fuji 1 วันที่3nov รถออก8.14ใช้ตั๋ว jr kanto ได้เลยมั๊ยคะ
    เห็นในhyperdia ขึ้นมา แต่ในเว็บไซต์อื่นบอกholiday rapid มีแค่วันหยุด แต่วันที่3เป็นวันอังคารเลยสงสัยว่าสรุปใชเ้ได้รึเปล่าคะ

  • October 26, 2015 at 9:11 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Mo

    JR Kanto pass ใช้ขึ้นรถไฟ Holiday Rapid Mt.Fuji 1 ได้ครับ วันที่ 3 เป็นวันหยุดญี่ปุ่นนะครับ Culture day

  • October 28, 2015 at 10:16 am
    Permalink

    สวัสดีค่ะ รบกวนขอคำแนะนำการเดินทางไปเที่ยวตามโปรแกรมที่วางไว้ดังนี้อ่ะค่ะ
    19 – Nikko
    20 – Ibaraki
    21 – Shunjuku Gyen National Park / Icho-Namiki
    22 – Showa Kinen Park / Rikugien
    23 – Kawaguchiko
    24 – Shizuoka
    25 – Obara
    26 – Korankei
    27 – Nara / Uji
    28 – Arashiyama / Tofukuji / Elkando / Nanzenji
    29 – Minoo Waterfall
    30 – Osaka Castle
    รบกวนขอคำแนะนำด้วยนะคะ เพราะส่วนตัวไม่ค่อยเข้าใจเรื่องรถไฟสายต่างๆสักเท่าไหร่อ่ะค่ะ

    หมายเหตุ
    19-23 – พักที่ Tokyo (Hotel MyStay Ueno Inaricho)
    23-24 – พักที่ Fukinoyado Ohashi
    24-25 – พักที่ Historical Ryoken Hotel K’s House Ito Onsen
    25-27 – พักที่ Toyota Prestige Hotel
    27-29 – พักที่ Hotel Candy Hall
    29-30 – พักที่ MyStay Sakaisuji-Honmachi

  • October 28, 2015 at 6:48 pm
    Permalink

    ตอบคุณ nina

    ญี่ปุ่นรถไฟเยอะจริงครับ ตอนผมไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกวางแผนเป็นเดือนเลย ผมคงไม่สามารถบอกการขึ้นรถไฟได้ทุกเที่ยวนะครับ มันเยอะมาก และก็ไปได้หลายแบบ ขึ้นกับงบและความสะดวกของแต่ละคน

    ขอบอกเป็นแนวทางหาข้อมูลรถไฟแล้วกันนะครับ

    1. Search จาก Google map หรือ japan-guide ว่าสถานที่จะไปอยู่ใกล้สถานีอะไรบ้าง แล้วก็ปักหมุดใน Google map
    2. เรียงสถานที่ท่องเที่ยวก่อน – หลังให้ไปในทางเดียวกัน ไม่ย้อนไปย้อนมา
    3. นำชื่อสถานีที่ได้จากข้อ 1. ไปใส่ใน http://www.hyperdia.com/ ก็จะรู้ว่าต้องเดินทางแบบไหน

    นอกจากนี้แล้วก็ควรดูรีวิวเยอะๆ ครับ แล้วจะรู้ว่าต้องไปยังไง ไปช่วงไหน

  • November 10, 2015 at 5:19 pm
    Permalink

    รบกวนสอบถามการจองตั๋วรถไฟจากสถานีชินจูกุ ไปทะเลสาบคาวากูจิโกะค่ะ
    – ต้องซื้อเป็นเที่ยวๆไป คือซื้อ1รอบจากสถานีชินจูกุไปotsuki และเมื่อลงที่สถานี otsuki ก็ต้องไปซื้ออีกรอบเพื่อไป Kawaguchiko station ใช่มั้ยคะ ไม่สามารถซื้อทีเดียวทั้งทริปได้
    – สามารถไปจองที่สถานีชินจูกุล่วงหน้าได้มั้ยคะ แล้วต้องซื้อตั๋วตรงไหนของสถานีชินจูกุคะ พอดีว่าตั้งใจจะออกแต่เช้า พาลูกเล็กไปด้วย กลัวว่าจะฉุกละหุก เลยอยากจองก่อน ^^

    ขอบคุนมากค่ะ ^^

  • November 10, 2015 at 6:52 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Qizzard

    รบกวนสอบถามการจองตั๋วรถไฟจากสถานีชินจูกุ ไปทะเลสาบคาวากูจิโกะค่ะ
    – ต้องซื้อเป็นเที่ยวๆไป คือซื้อ1รอบจากสถานีชินจูกุไปotsuki และเมื่อลงที่สถานี otsuki ก็ต้องไปซื้ออีกรอบเพื่อไป Kawaguchiko station ใช่มั้ยคะ ไม่สามารถซื้อทีเดียวทั้งทริปได้

    ซื้อตั๋วได้แค่เส้นทาง JR Shinjuku – JR Otsuki ครับ ส่วน Otsuki – Kawaguchiko ต้องไปซื้อที่สถานี Otsuki เพราะเป็นคนละบริษัท แต่ไม่แนะนำให้ซื้อตั๋วล่วงหน้านะครับ เอา Suica แตะจ่ายเงินจะง่ายกว่า อีกอย่างนึงตั๋วที่ซื้อแล้วเป็นการ fix เวลา ถ้าขึ้นรถไฟไม่ทัน หรือไม่สะดวกก็เท่ากับตกรถไฟ

    – สามารถไปจองที่สถานีชินจูกุล่วงหน้าได้มั้ยคะ แล้วต้องซื้อตั๋วตรงไหนของสถานีชินจูกุคะ พอดีว่าตั้งใจจะออกแต่เช้า พาลูกเล็กไปด้วย กลัวว่าจะฉุกละหุก เลยอยากจองก่อน ^^

    คิดว่าจองได้นะครับ เพราะรถไฟสาย Azusa มีตู้ที่นั่งแบบ reserved seat และ Green Car ติดต่อซื้อตั๋วได้ที่ Ticket Office ของ JR Shinjuku ครับ

  • November 11, 2015 at 3:06 pm
    Permalink

    ขอบคุนมากเลยค่ะ แสดงว่าถ้าจองล่วงหน้าแบบ reserved seat น่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการจองเพิ่มเติมใช่มั้ยคะ ถ้าอย่างงั้นไปซื้อวันนั้นเลยน่าจะดีกว่า ^^” ขอบคุนมากค่ะ

  • November 12, 2015 at 9:51 am
    Permalink

    ตอบคุณ Qizzard

    ถูกต้องแล้วครับ 🙂

  • November 17, 2015 at 3:15 am
    Permalink

    ถ้าจะออก จาก fujikawakujiko แล้วขึ้นชินคันเซน ไปเกียวโต ต้องขึ้น และลงสถานีไหนบ้างค่ะ

  • November 17, 2015 at 3:25 am
    Permalink

    มาจากนารีตะ ถ้าแพลน วันที่ 29/2/59 อยู่โตเกียว นอนโตเกียว เก็บ อาซากุสะ สวนอุเอโนะ แม่น้ำสุมิดะ โตเกียวสกายทรี วันที่ 30 ตลาดปลา อีเคะบุโกโระ ชินจูกุ ฮาราจูกุ ชิบุย่า วันที่ 31 ฟูจิ นอนฟูจิ เที่ยวรอบทะเลสาปค่ะ วันที่ 1-4 เที่ยว โอซาก้า ประสาทโอซาก้า dontonburi และ เที่ยวเกียวโต fushiinari วัดน้ำใส อื่นๆ นอนเกียวโต กลับนารีตะ ควรใช้ JR pass ไหมค่ะ ถือว่าตารางแน่นมากไปไหมค่ะ คือ ช่วยแนะนำหน่อยได้ไหมค่ะ เพราะแพลนเก็บซากุระค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

  • November 17, 2015 at 4:01 pm
    Permalink

    ตอบคุณ naichin

    กลับมาตั้งหลักที่โตเกียวง่ายกว่าครับ

  • November 17, 2015 at 4:07 pm
    Permalink

    ตอบคุณ naichin

    แนะนำ JR pass 7 วัน ตารางคุณแน่นเหมือนกันครับ

    ช่วงซากุระบานเป็นช่วงปลายเดือนมีนาคม นะครับ ส่วนปลายกุมภา ยังไม่บานครับ

  • November 18, 2015 at 11:22 pm
    Permalink

    ค่ะ โทษทีน่ะค่ะ พิมพ์เดือนผิดค่ะ ไปปลายมีนาคมค่ะ แสดงว่าถ้าจะไปเกียวโต ด้วยชินคันเซนต้องกลับโตเกียวอีกรอบหรือค่ะ เหนื่อยล่วงหน้าเลย อุส่าไปนอนที่ ฟูจิ นึกว่าเป็นทางผ่าน พอจะมี รถไฟอื่นที่ไปได้อีกไหมค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

  • November 19, 2015 at 5:57 am
    Permalink

    ตอบคุณ naichin

    ถ้าไม่อยากเข้า Tokyo ก็สามารถต่อ Shinkansen ที่ Shin-Yokohama ได้ครับ ลอง search เส้นทางรถไฟได้ที่ hyperdia.com ครับ

  • November 19, 2015 at 7:54 am
    Permalink

    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ

  • January 9, 2016 at 6:15 pm
    Permalink

    รบกวนถามครับ ถ้าขาไปไปโดยรถไฟ แล้วขากลับจองตั๋วที่เป็นรถbus กลับชินจูกุได้รึเปล่าครับ ต้องจองล่วงหน้ามั้ย เห็นว่าราคาถูกกว่าน่ะครับ แต่ยังอยากนั่งรถไฟด้วย
    อีกคำถามคือ ปลายมกราคมนี่ถ้าไป ดูเจดีย์ Chureito pagoda ตรง shimyoshida นี่จะยังสวยมั้ยครับ ขอบคุณครับ

  • January 9, 2016 at 7:19 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Pichet

    รบกวนถามครับ ถ้าขาไปไปโดยรถไฟ แล้วขากลับจองตั๋วที่เป็นรถbus กลับชินจูกุได้รึเปล่าครับ ต้องจองล่วงหน้ามั้ย เห็นว่าราคาถูกกว่าน่ะครับ แต่ยังอยากนั่งรถไฟด้วย

    ได้ครับ แต่จองล่วงหน้าเมื่อไปถึงก็ดีกว่าไม่ได้จองนะครับ

    อีกคำถามคือ ปลายมกราคมนี่ถ้าไป ดูเจดีย์ Chureito pagoda ตรง shimyoshida นี่จะยังสวยมั้ยครับ ขอบคุณครับ

    เจดีย์สวย ฟูจิสวย แต่ต้นไม้โล้น ใบร่วงหมดต้นครับ

  • January 9, 2016 at 10:14 pm
    Permalink

    ขอบคุณครับ แล้วถ้าไปเช้าบ่ายกลับนี่จะจองรถทันมั้ยอ่ะครับ

  • January 10, 2016 at 10:40 am
    Permalink

    ตอบคุณ Pichet

    ทันอยู่ครับ

  • January 10, 2016 at 1:07 pm
    Permalink

    ขอบคุณมากครับ 🙂

  • January 19, 2016 at 5:19 pm
    Permalink

    สอบถามว่า ถ้านั่งรถไฟจาก shinjuku ไปลงที่ Otsuki ไม่ต้องจองได้มั๊ยครับ

  • January 19, 2016 at 7:11 pm
    Permalink

    ตอบคุณ Phatsakorn

    ได้ครับ นั่งตู้ Non reserved seat ครับ

  • February 10, 2016 at 12:17 pm
    Permalink

    ขออนุญาต เก็บข้อมูลนี้ มีประโยชน์มากที่สุดเลยค่ะ จะพาครอบครัวไปเที่ยว มีค.59 นี้
    ขอขอบคุณอย่างสูง
    ปล.ข้อมูลนี้ใช้เพื่อการเดินทางท่องเที่ยวกับครอบครัวเท่านั้นค่ะ

  • February 22, 2016 at 1:15 pm
    Permalink

    สวัสดีค่ะ ขออนุญาตสอบถาม เรื่องห้องน้ำที่ otsuki ค่ะ
    ถ้าใช้ jr tokyo wide pass นั่งจาก shinjuku ไปลง otsuki แล้วระหว่างเปลี่ยนขบวนไป fujikyu มีเวลา 5 นาที
    ไม่ทราบว่าจะไปเข้าห้องน้ำที่สถานี otsuki ทันไหมคะ
    ที่สถานีมีจำนวนห้องน้ำเยอะไหมคะ
    กลัวจะต่อคิวและช้า กลับมาขึ้นรถ fujikyu ไม่ทันค่ะ

    ขอบคุนนะคะ

  • February 22, 2016 at 1:51 pm
    Permalink

    ตอบคุณ หยก

    ถ้าห้องน้ำที่สถานี otsuki ไม่มีคิว ก็เข้าห้องน้ำทันครับ ส่วนห้องน้ำเยอะไหม ก็ไม่เยอะมากครับเพราะไม่ใช่สถานีใหญ่ อีกทางเลือกหนึ่งคือเข้าห้องน้ำบนรถไฟ Azusa / Kaiji สามารถดูตำแหน่งห้องน้ำได้ในนี้ครับ http://www.jreast.co.jp/e/routemaps/azusa_kaiji.html

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *